หายนะครั้งนี้ย่อมไม่อาจหลีกหนีไปได้ แต่ตอนนี้ยังจำเป็นต้องให้กู้เทาซ่อมแซมชดเชยโชคชะตาของจวนสกุลฉู่จริงๆ ถึงอย่างไรตอนนี้ที่นี่ก็ถือว่าอยู่ในอาณาเขตของขุนเขาเหนือ ในฐานะองค์เทพองค์แรกของห้าขุนเขาแห่งใหม่ของต้าหลี เว่ยป้อจึงยิ่งแสดงให้เห็นบารมีอันสูงศักดิ์ขององค์เทพมากขึ้นทุกที ดังนั้นควรจะสลายจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งของกู้เทาเมื่อไหร่ นอกจากจะต้องสอบถามใต้เท้าราชครูแล้ว ตามกฎเกณฑ์แห่งภูเขาและแม่น้ำของต้าหลี เขาก็ยังจำเป็นต้องรายงานให้เว่ยป้อทราบด้วย
นี่เรียกว่าขุนนางประจำอำเภอไม่สู้ขุนนางในพื้นที่
หากไม่เป็นเพราะตั้งแต่ต้นจนจบกู้เทาไม่เคยเปิดเผยท่าทีว่าจะโน้มน้าวให้เฉินผิงอันเดินทางไปเยือนทะเลสาบเจี่ยนซู กลับกันยังเกลี้ยกล่อมให้เฉินผิงอันกลับไปซื้อภูเขาที่บ้านเกิดด้วย ไม่อย่างนั้นป่านนี้กู้เทาก็คงจิตวิญญาณแหลกสลายไปนานแล้ว
นี่ก็ถือว่าสมเหตุสมผล ข่าวคราวส่วนใหญ่จากทะเลสาบเจี่ยนซูที่กู้เทาได้รับมาเป็นการส่วนตัว อันที่จริงล้วนเป็นข่าวที่สายลับของต้าหลีต้องการให้เจ้าจวนท่านนี้รับรู้
อยู่ดีๆ เทพวารีก็ขว้างทวนยาวในมือออกไป ทวนยาวแทงทะลุหน้าท้องของเทพหยินไปปักตรึงฝังอยู่บนพื้นดิน แสงสีทองบนทวนยาวเปล่งประกายเผาไหม้รูโหว่บนร่างของกู้เทา ขนาดมีร่างกายอย่างกู้เทาที่เปลี่ยนจากวัตถุหยินมาเป็นองค์เทพร่างทองก็ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี
กู้เทาเองก็กระดูกแข็งไม่น้อย เขาไม่พูดไม่จาสักคำ ใบหน้าเริ่มบิดเบือน ควันดำทั่วร่างซัดตลบและเริ่มสลายออก
เทพวารียื่นมือออกมาข้างหน้าแล้วปาดหนึ่งครั้ง ม้วนภาพวาดม้วนหนึ่งก็ถูกคลี่ออก ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดในอาณาเขตของจวนสกุลฉู่เริ่มเกิดการไหลรินเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามจิตใจของเทพวารีท่านนี้ ไม่ว่าจะเรื่องราวหรือบุคคลที่อยู่บนภาพวาดล้วนปรากฏเด่นชัดทั้งหมด
แล้วเขาก็คลี่ภาพอีกม้วน นั่นเป็นภาพในอาณาเขตของแม่น้ำซิ่วฮวา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้าง “ขอแค่มีต้นตอน้อยนิดที่ทำให้ข้าเกิดความสงสัย ข้าก็ยินดีฆ่าเจ้าผิดมากกว่าจะปล่อยเจ้าไป!”
กู้เทาที่หน้าท้องถูกทวนยาวสีทองทะลุผ่านกล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?! ใต้เท้าราชครูหรือจะยอมให้เจ้าทำตัวกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้! เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าเจ้าแอบหลงรักฮูหยินฉู่มานานหลายร้อยปีแล้ว?! ทำไม ตอนนี้ข้าได้ยึดครองจวนของฮูหยินฉู่ เจ้าเห็นข้าก็เลยขัดหูขัดตา คิดจะกำจัดข้าเพื่อให้ตัวเองสบายใจ? คิดจะใส่ร้ายคนอื่นยังกลัวว่าจะหาข้ออ้างไม่ได้อีกหรือ? ดีๆๆ ในที่สุดข้าก็ได้รู้ถึงจิตใจของเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาอย่างเจ้าแล้ว!”
เทพวารีไม่สนใจกู้เทาที่เป็นเดือดเป็นแค้นเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ก้มหน้าลงจ้องมองเฉินผิงอันกับจูเหลี่ยนสองคนที่อยู่บนม้วนภาพวาด สังเกตสีหน้า ท่าทางและคำพูดของคนทั้งสองโดยไม่ปล่อยให้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ หลุดรอดไป
ส่วนเรื่องที่ว่าใต้เท้าราชครูคิดจะทำอะไร เทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาไม่สนใจ เป็นเพราะเขาไม่กล้ามีความคิดที่จะไปสืบเสาะไล่เรียง ไม่กล้าแม้แต่น้อย
ตลอดเวลาร้อยกว่าปีที่ผ่านมาของต้าหลี
สำหรับราชครูที่คอยยืนอยู่ในเงาของฮ่องเต้มาตลอดเวลาท่านนี้ ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาเดินออกมาจากเงาก็ล้วนก่อให้เกิดลมคาวฝนเลือด หัวคนกลิ้งหลุนๆ ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่มีอำนาจหรือเซียนซือบนภูเขาก็ล้วนไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นขุนนางคนสำคัญของศูนย์กลาง ขุนนางใหญ่ในพื้นที่ศักดินาหรือเซียนดินที่มีฐานะสูงส่งเพียงใดก็ตาม
หากไม่หายเข้ากลีบเมฆก็มีจุดจบที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
เทพวารีกวักมือหนึ่งครั้ง บังคับให้ทวนยาวกลับเข้ามาอยู่ในมือ “เจ้าจงรีบกลับเข้าไปใต้ดินของจวน ซ่อมแซมส่วนที่เหลือของโชคชะตาซะ จงรอฟังคำสั่งต่อจากนี้ จะเป็นหรือตาย เจ้าก็ภาวนาขอให้ตัวเองโชคดีแล้วกัน”
กู้เทาเอามือกุมท้อง ร่างทองได้รับบาดเจ็บ ตบะเสียหาย ทำให้เทพหยินท่านนี้เจ็บปวดอย่างถึงที่สุด “เจ้าน่าจะรู้รากฐานของข้าอยู่บ้าง เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่!”
เทพวารีตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยชา “ที่พึ่งใหญ่ที่สุดของต้าหลีพวกเรา คือกฎหมายที่ราชครูช่วยตั้งให้แก่ฮ่องเต้”
……
เดินเลียบแม่น้ำซิ่วฮวาที่สายน้ำไหลรินเอื่อยเฉื่อยมาจนถึงเมืองหงจู๋ที่ยังคงครึกครื้นเฉกเช่นในอดีต
เฉินผิงอันเคยซื้อตำรา ‘หน้าผาใหญ่น้ำหยุด’ เล่มหนึ่งให้หลี่ไหวจากร้านหนังสือของที่นี่
เผยเฉียนและสือโหรวไปพักอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันเคยมาเข้าพัก
พอเข้ามาในห้อง เผยเฉียนที่กำลังจะอ้าปากเล่าถึงสถานที่ที่น่าสนใจของเมืองหงจู๋แห่งนี้ เห็นสีหน้าของเฉินผิงอันแล้วก็เงียบกริบทันที
จูเหลี่ยนปิดประตูลง ยืนอยู่ใกล้กับประตู เฉินผิงอันยังคงเงียบขรึมไม่พูดไม่จา
ประโยคแรกที่เฉินผิงอันเอ่ยขึ้นมาก็เข้าประเด็นทันที “ข้าคิดว่าจะยังไม่กลับไปเขตการปกครองหลงเฉวียนก่อน จูเหลี่ยน เจ้าคุ้มครองเผยเฉียนและสือโหรวไปส่งที่ภูเขาลั่วพัว ที่แคว้นหวงถิงมีท่าเรือตระกูลเซียนอยู่แห่งหนึ่ง ข้าจะลองไปดูว่าที่นั่นมีเรือข้ามฟากที่เดินทางไปยังทะเลสาบเจี่ยนซูหรือไม่ หากไม่ได้จริงๆ ก็เดินเท้าไปทะเลสาบเจี่ยนซู หากไปถึงเขตการปกครองหลงเฉวียนแล้ว คิดจะไปที่นั่นอีกกลับจะยิ่งยาก”
จูเหลี่ยนคิดแล้วก็เอ่ยเนิบช้าว่า “บ่าวเฒ่าเป็นวิชาแปลงโฉมที่ฝีมือถือว่าพอจะใช้ได้อยู่บ้าง ไม่สู้ให้บ่าวเฒ่าปลอมตัวเป็นนายน้อย ส่วนนายน้อยก็ปลอมตัวเป็นใครก็ได้ จากนั้นค่อยหาโอกาสเหมาะๆ ให้นายน้อยไปจากเมืองหงจู๋ก่อน พวกเรารั้งรออยู่ที่นี่สักสองสามวัน แบบนี้น่าจะเหมาะกว่า อาจไม่สามารถปิดฟ้าข้ามทะเลได้เสมอไป แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
สือโหรวมึนงงไม่เข้าใจ
เผยเฉียนก็ยิ่งสับสน
จูเหลี่ยนเอ่ยเบาๆ ว่า “นายน้อย ท่านบอกเองว่า ทุกเรื่องไม่ควรร้อนใจ ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป”
เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม “วางใจเถอะ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
จูเหลี่ยนพยักหน้ารับ “ยังคงเป็นนายน้อยที่รอบคอบ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าพอไปถึงเขตการปกครองหลงเฉวียน การประลองฝีมือของชุยตงซานครั้งนี้ เขาคงต้องแพ้แน่ๆ”
จากการที่เทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาปรากฏตัว จนมาถึงท่านอากู้ที่ตามมาในภายหลัง เฉินผิงอันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยเสี้ยวหนึ่ง
ดังนั้นตอนนั้นเฉินผิงอันจึงเลือกที่จะเงียบงัน รอจนท่านอากู้เปิดปากพูดเอง ไม่ใช่ว่าพลั้งเผลอหลุดปากออกมา
แล้วก็จริงดังคาด
ในคำพูดของท่านอากู้มีความนัยซ่อนแฝง ‘เป็นครั้งแรก’ ที่เขาเปิดเผยสถานะบิดาของกู้ช่าน
เฉินผิงอันจึงร่วมเล่นละครไปพร้อมกับท่านอากู้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการเอ่ยเตือนเฉินผิงอันด้วยความหวังดีว่าให้รีบกลับไปซื้อภูเขาที่เขตการปกครองหลงเฉวียน
หรือบอกว่าสองแม่ลูกอยู่ที่ทะเลสาบเจี่ยนซูปลอดภัยดีอะไรนั่น
ขอแค่เฉินผิงอันฟังออกว่าเป็นความหมายในทางตรงกันข้ามทั้งหมดก็จะรู้ได้เอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!