เมื่อกู้ช่านเอ่ยประโยคนั้นด้วยเสียงสะอื้นจบ สตรีแต่งงานแล้วก็ก้มหน้าลง ตัวสั่นเทิ้ม ไม่รู้ว่าเสียใจหรือโกรธเคือง
เฉินผิงอันวางตะเกียบลงเบาๆ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก “กู้ช่าน”
กู้ช่านรีบเช็ดน้ำตา ตะโกนตอบเสียงดัง “อยู่นี่”
เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้า “ข้าอาจจะตีเจ้า ด่าเจ้า พูดเหตุผลหลักการที่ข้าใคร่ครวญออกมาได้กับเจ้า เหตุผลหลักการที่เจ้าคิดว่าไม่ถูกต้องเลยสักนิดเดียว แต่ข้าไม่มีทางไม่สนใจเจ้า ไม่มีทางทิ้งเจ้าไปทั้งอย่างนี้”
เฉินผิงอันไม่ได้หันหน้าไปมองกู้ช่าน น้ำเสียงก็ไม่ได้ใส่อารมณ์ แต่ในถ้อยคำกลับเผยความเด็ดเดี่ยวยืนกราน ทั้งเป็นการพูดกับกู้ช่าน และยิ่งเหมือนพูดกับตัวเอง “หากวันใดที่ข้าจะจากไป นั่นต้องแสดงว่าข้าข้ามผ่านหลุมในใจหลุมนั้นไปได้แล้ว หากข้ามไปไม่ได้ ข้าจะอยู่ที่นี่ อยู่ที่เกาะชิงเสียและทะเลสาบซูเจี่ยนแห่งนี้”
กู้ช่านยิ้มทั้งน้ำตา “ตกลง! พูดคำไหนคำนั้น เฉินผิงอันเจ้าไม่เคยโกหกข้า!”
เฉินผิงอันพลันเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้อาจจะเป็นข้อยกเว้น”
หัวใจแล่นมาจุกที่ลำคอของกู้ช่านทันที เรือนกายที่เพิ่งจะผ่อนคลายได้น้อยๆ เกร็งเครียดอีกครั้ง จิตใจก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
เฉินผิงอันกล่าว “ก่อนหน้านี้ระหว่างที่เดินกันมา ข้าบอกว่าเมื่อมานั่งที่โต๊ะกินข้าว ข้าจะฟังเจ้าอย่างเดียว จะไม่พูดอะไรอีก แต่พอข้ากินข้าวไปแล้วกลับรู้สึกว่าเริ่มมีแรงบ้างแล้ว เลยคิดจะพูดต่ออีกหน่อย ยังคงเป็นกติกาเดิม ข้าพูด เจ้าฟัง หลังจากนั้นหากเจ้ามีอะไรที่อยากจะพูด ก็ถึงคราวที่ข้าต้องเป็นคนฟังบ้าง ไม่ว่าเวลานั้นใครเป็นคนพูด คนที่ฟัง หรือคนที่กำลังอธิบายล้วนไม่ต้องรีบร้อน”
กู้ช่านยิ้มสดใส เกาหัวถาม “เฉินผิงอัน ถ้าอย่างนั้นข้ากลับไปนั่งที่โต๊ะได้ไหม? ข้ายังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “กินเยอะๆ หน่อย ร่างกายของเจ้ากำลังอยู่ในช่วงเติบโต”
กู้ช่านเช็ดหน้า เดินไปยังตำแหน่งเดิมก่อนหน้านี้ ทว่าเขาแค่ขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้เฉินผิงอันอีกนิด ด้วยกลัวว่าเฉินผิงอันจะเปลี่ยนใจ ไม่รักษาคำพูด หมุนตัวเดินไปจากห้องแห่งนี้และเกาะชิงเสีย ถึงเวลานั้นเขาจะได้ขัดขวางเฉินผิงอันได้เร็วขึ้น
จากนั้นกู้ช่านก็วิ่งไปตักข้าวมาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย พอนั่งลงแล้วก็ก้มหน้าพุ้ยข้าวใส่ปาก ตั้งแต่เล็กจนโตเขาก็ชอบเลียนแบบเฉินผิงอัน กินข้าวเป็นเช่นนี้ มือสองข้างที่สอดอยู่ในชายแขนเสื้อก็เช่นเดียวกัน เมื่อก่อนเวลาถึงหน้าหนาวที่อากาศหนาวเหน็บ หนึ่งเด็กโตหนึ่งเด็กเล็ก คนยากจนสองคนที่ต่างก็ไม่มีเพื่อนชอบเอาสองมือสอดไว้ในชายแขนเสื้อเพื่อหาความอบอุ่นให้ตัวเอง โดยเฉพาะทุกครั้งหลังจากที่ปั้นตุ๊กตาหิมะกันแล้ว คนทั้งสองที่สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อเหมือนกัน ตัวสั่นเหมือนกันจะพากันหัวเราะร่า ตลกขบขันอยู่ด้วยกันสองคน หากจะพูดถึงความสามารถในการด่าคนและเล่นงานคนอื่น เวลานั้นกู้ช่านที่ยังมีขี้มูกยืดเก่งกาจกว่าเฉินผิงอันมากนัก ดังนั้นจึงมักจะเป็นเฉินผิงอันที่ถูกกู้ช่านพูดใส่จนตอบโต้ไม่ออก
เฉินผิงอันมองกู้ช่านแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ามาพูดกับสตรีแต่งงานแล้ว “ท่านอา วันนี้หากมีเด็กอีกคนหนึ่งมาเดินวนเวียนอยู่นอกประตูบ้าน ท่านจะเปิดประตูแล้วให้ข้าวถ้วยหนึ่งแก่เขาหรือไม่? แล้วจะยังจงใจพูดกับเขาว่า ข้าวถ้วยนี้ไม่ได้ให้เปล่า แต่ต้องจ่ายคืนด้วยเงินที่ได้จากการขายสมุนไพรหรือไม่?”
สตรีแต่งงานแล้วใคร่ครวญหาถ้อยคำอย่างระมัดระวัง
เฉินผิงอันพูดพึมพำกับตัวเอง “ข้าคิดว่าท่านไม่น่าจะทำเช่นนั้น”
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้รู้สึกว่าท่านอาทำผิด ต่อให้ไม่พูดถึงสภาพแวดล้อมของทะเลสาบซูเจี่ยนแห่งนี้ หรือต่อให้ปีนั้นท่านอาไม่ได้ทำเช่นนี้ ข้าก็ยังไม่รู้สึกว่าท่านอาทำผิดอยู่ดี”
“ดังนั้นข้าถึงไม่มีทางลืมข้าวถ้วยนั้นของปีนั้น และนั่นยังทำให้ข้าเฉินผิงอันสบายใจได้เล็กน้อย รู้สึกว่าอย่างน้อยตัวเองก็ไม่ได้ไปเป็นขอทานอย่างที่ท่านแม่บอก แค่ติดเงินท่านอาไว้ก่อน เมื่อกินข้าวไปแล้ว ข้าต้องใช้คืนให้ท่านได้แน่นอน”
สตรีแต่งงานแล้วหันหน้าไปเช็ดน้ำตาอีกทาง
เฉินผิงอันถามด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง “แต่ท่านอา ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า หากไม่มีข้าวถ้วยนั้น ข้าก็ไม่มีทางมอบหนีชิวตัวนั้นให้แก่บุตรชายของท่าน ตอนนี้ท่านอาจจะยังอยู่ที่ตรอกหนีผิง มีชีวิตที่ท่านคิดว่ายากลำบากและเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นพวกเราจึงควรจะเชื่อในคำกล่าวที่ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และไม่ควรเชื่อว่าทำดีต้องได้ดี แต่ลืมว่าทำชั่วได้ชั่วเพียงเพราะว่าทุกวันนี้มีชีวิตที่สงบสุข”
“วันนี้ที่ข้าพูดเช่นนี้ ท่านคิดว่าถูกแล้วหรือไม่?”
สตรีแต่งงานแล้วยังคงเงียบงัน ไม่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่
นางกลัวว่า ไม่ว่าวันนี้ตนจะพูดอะไรไปก็ล้วนจะส่งผลร้ายต่ออนาคตของกู้ช่านผู้เป็นบุตรชาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!