กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 503

คนทั้งสองออกเดินทางกันต่อ

เมื่อเทียบกับศาลสุ่ยเซียนที่แทบจะเรียกได้ว่ารกร้าง แม้แต่ร่างทองก็ยังไม่อยู่ในศาลแล้ว ศาลของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีนับว่าโอ่อ่ามีหน้ามีตา ควันธูปเข้มข้นมากยิ่งกว่า

แค่มองก็รู้ว่าเป็นเจ้าแม่เทพวารีที่เข้าใจจัดการกับกิจการของตัวเองเป็นอย่างดี

แต่ในเมื่อนางสามารถกดข่มให้เจ้าแห่งคูน้ำอีกคนหนึ่งไม่อาจลืมตาอ้าปากได้ เป็นเหตุให้ศาลถูกทิ้งร้าง แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมันอย่างแน่นอน

ตอนที่ลงมาจากภูเขา เฉินผิงอันก็เล่าคดีโศกนาฎกรรมในเมืองสุยเจี้ยให้ตู้อวี๋ฟัง ด้วยต้องการให้ตู้อวี๋ไปถามเรื่องจดหมายลับฉบับนั้น

ตู้อวี๋รู้สึกว่าวันนี้ข้าผู้อาวุโสคือคนที่ถือว่าตายมาสองรอบแล้ว ยังจะต้องกลัวว่าจะล่วงเกินเจ้าแห่งคูน้ำเล็กๆ คนหนึ่งอีกหรือ? ดังนั้นตู้อวี๋จึงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่เจ้าแห่งคูน้ำที่เป็นแม่ย่าลำคลองเล็กๆ คนหนึ่งเลย เวลานี้ต่อให้เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นมายืนอยู่ตรงหน้าตน ทำให้ตนอารมณ์เสีย เขาก็ยังจะชักดาบฟันอีกฝ่ายอยู่ดี หากไม่เป็นเพราะผู้อาวุโสท่านนี้บอกว่าให้พูดคุยกันดีๆ เขาตู้อวี๋ก็คงชักดาบถีบประตู ฟันให้อีกฝ่ายร่อแร่ใกล้ตายเสียก่อนแล้วค่อยให้เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีผู้นั้นมาพูดคุยเรื่องเป็นการเป็นงานกับนายท่านตู้อวี๋ หลังจากคุยจบก็ยกดาบปลิดชีพ ถึงจะระบายความเคียดแค้นที่อยู่ในใจได้ มารดามันเถอะ ล้วนเป็นเพราะฮวงจุ้ยของทะเลสาบชางอวิ๋นพวกเจ้าที่เส็งเคร็ง ถึงได้ทำร้ายให้ข้าผู้อาวุโสต้องมาคอยเดินตามก้นคนอื่นต้อยๆ ทำตัวเป็นหมาที่ได้แต่ส่ายหางขอความเมตตาอย่างว่าง่าย ที่น่าแค้นที่สุดก็คือ ส่ายหางขอความสงสารอย่างเดียวก็ช่างเถิด นี่ยังต้องคอยเป็นกังวลว่าหากส่ายหางได้ไม่ดีพอ อยู่ดีไม่ว่าดีอาจจะต้องถูกคนเขาตบให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวหรือไม่

คนทั้งสองต่างก็เก็บลมปราณแล้วเดินเท้าลงภูเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น

เฉินผิงอันถามชวนคุย “หากเจ้ารู้คดีโศกนาฎกรรมของเมืองสุยเจี้ยตั้งแต่เนิ่น ๆ เจ้าจะทำอย่างไร? พูดออกมาตามความรู้สึกก็พอ”

ตู้อวี๋ยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนก็ปล่อยให้มันแขวนลอยเติ่งอยู่อย่างนั้น ท่านเทพอภิบาลเมืองของเมืองแห่งหนึ่งไม่ใช่บรรดาศักดิ์ที่ได้รับจากราชสำนักเหมือนพวกแม่ย่าลำคลองทั่วไป ยังไม่ต้องพูดว่าจะฆ่าเขาได้หรือไม่ ต่อให้ฆ่าได้ ผลกรรมก็หนักหนาเกินไป อีกอย่างบุญคุณความแค้นในยุทธภพ ความถูกความผิดในวงการขุนนางก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจจริงๆ พลิกค้นกลับไปกลับมาก็เป็นแค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งเท่านั้น แต่จะว่าไปแล้ว บนภูเขาของพวกเราก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ คนที่ตั้งใจฝึกตนอย่างแท้จริงก็มีอยู่ คนที่ทั้งไม่ทำร้ายคนอื่นและไม่ช่วยเหลือใคร อยู่อย่างสงบของตัวเองก็ไม่ถือว่าน้อย ข้าก็แค่นิสัยใจร้อน อีกทั้งการฝึกตนยังมาเจอกับคอขวด ถึงได้มาท่องยุทธภพเพื่อหาความบันเทิงให้ตัวเอง”

ตู้อวี๋รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย จึงเอ่ยถามไปอีกหนึ่งประโยค “ถ้อยคำที่มาจากใจจริงเหล่านี้ของผู้น้อยคงไม่ทำให้ท่านผู้อาวุโสไม่สบอารมณ์หรอกกระมัง?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่หรอก เห็นมาบ่อยแล้วก็ยากที่จะเกิดริ้วคลื่นอะไรขึ้นมาได้”

ตู้อวี๋เงียบงันไปนาน แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “แต่หากข้าเป็นคนบนยอดเขาอย่างแท้จริงอย่างที่ท่านพ่อท่านแม่ของข้าเล่าให้ฟัง บางทีหากอารมณ์ดีก็อาจจะทำตัวมีคุณธรรมน้ำใจสักครั้ง หรือไม่หากเห็นเทพอภิบาลเมืองผู้นั้นแล้วรู้สึกขวางหูขวางตาก็อาจจะยกดาบฟันให้อีกฝ่ายตายไปอย่างง่ายๆ ส่วนคดีอยุติธรรมของเจ้าเมืองผู้นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า ข้าก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย เรื่องประเภทนี้ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แถมยังเอากระดูกมาแขวนคอ และเมื่อสังหารเทพอภิบาลเมืองไปแล้ว ข้าก็ไม่หวังชื่อเสียง หวังแต่ผลประโยชน์ ร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภูเขาแม่น้ำที่แหลกสลายมีค่านักล่ะ ส่วนตอนนี้ หากไม่มีเรื่องที่สมบัติหนักจะเผยกายบนโลก ข้าเข้ามาในเมืองสุยเจี้ยแล้วก็คงแค่กินดื่มเที่ยวเล่นของตัวเองให้หนำใจ แล้วค่อยปัดก้นเดินจากไปก็เท่านั้น”

เฉินผิงอันกล่าว “รอจนเจ้าได้กลายเป็นคนบนยอดเขาจริงๆ ก็จะค้นพบว่า เทพอภิบาลเมืองของเมืองแห่งหนึ่งไม่อาจทำให้เจ้าเกิดความสนใจที่จะหวังผลประโยชน์จากเขาได้เลย ความคิดมากมายที่เกิดในวันนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องตลกในอนาคตเท่านั้น”

ตู้อวี๋ขบคิดอย่างละเอียด จากนั้นก็เอ่ยเย้ยหยันตัวเองว่า “พรสวรรค์ของข้าพอใช้ได้ แต่กลับไม่ได้มีฐานกระดูกในการฝึกตนที่ดีอย่างเจ้านครหวงเยว่และบรรพจารย์ของดินแดนเซียนเป่าต้ง ไม่พูดถึงผู้อาวุโสใหญ่ที่บรรลุมรรคาแล้วสองท่านนี้ ลำพังเพียงแค่เหอลู่และเยี่ยนชิงก็เป็นภูเขาใหญ่ที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าชีวิตนี้ข้าจะไม่อาจข้ามผ่านไปได้ บางครั้งเวลาอยู่ในยุทธภพและดื่มเหล้ากับตัวเองก็จะรู้สึกว่า คำพูดที่กล่าวว่าดื่มเหล้าดับทุกข์นั้นไม่ได้หลอกลวงคนจริงๆ”

เฉินผิงอันถาม “เจ้าท่องอยู่ในยุทธภพมานานหลายปี เคยได้เห็นพวก…คนในยุทธภพที่เจ้ารู้สึกว่าโง่มากบ้างหรือไม่?”

ตู้อวี๋ยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าต้องมี แต่ส่วนใหญ่ล้วนตายไปหมดแล้ว คนที่ไม่ตาย ก็ยากที่จะเป็นคนดี คนที่ตายไปแล้วก็มีดีอยู่แค่นั้นแหละ”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “เวลาที่หัวใจของเจ้าไม่บีบรัดตัวด้วยความตึงเครียด คำพูดคำจาก็ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไรจริงๆ”

ตู้อวี๋บื้อใบ้พูดต่อไม่ออก

ฟังแล้วแปลกพิกล แต่ทำไมตนถึงยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีได้นะ?

คนทั้งสองลงจากภูเขาแล้วก็เดินเลียบธารน้ำที่กว้างขวางสายน้ำไหลริกๆ ไปอีกสิบกว่าลี้ ตู้อวี๋เห็นศาลที่แสงไฟสว่างไสว ขนาดของศาลเกินสถานะไปมาก เหมือนจวนของเหล่าอ๋องเหล่ากง เขาก็กดด้ามดาบ พูดเสียงแผ่วต่ำว่า “ผู้อาวุโส ไม่ค่อยปกติดแล้ว คงไม่ใช่ว่าเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นมาเยือนด้วยตัวเอง รอให้พวกเราพาตัวมาติดกับหรอกกระมัง?”

ตลอดทางที่เดินกันมานี้ เฉินผิงอันเห็นว่าตู้อวี๋ไม่มีท่าผิดปกติ ก่อนหน้านี้เขาจึงดูดดึงหยดแก่นน้ำที่น่าจะไม่ผ่านการเล่นตุกติกใดๆ เข้าไป แต่กลับไม่ได้หล่อหลอมมันด้วยตัวเอง ทว่าโยนเข้าไปในจวนน้ำให้พวกเด็กจิ๋วชุดเขียวช่วยกันดูดซับ และเมื่อพาจิตวิญญาณจมจ่อมเข้าไปในฟ้าดินขนาดเล็ก ใช้วิธีการมองภายในมองไป จิตหยินกระชับตัวหดเล็กจนเหมือนเมล็ดงาที่ไปเยือนจวนน้ำด้วยตัวเอง อยู่ในฟ้าดินขนาดใหญ่นอกเรือนกาย หยดน้ำหยดนั้นมีขนาดเล็ก แต่เมื่ออยู่ในฟ้าดินขนาดเล็กอย่างร่างกายตนเอง จิตหยินของเฉินผิงกลับเหมือนใช้สองมือแบกวัตถุขนาดใหญ่ยักษ์ พอพวกเด็กๆ ชุดเขียวได้ไข่มุกแก่นชะตาน้ำไปแล้ว เฉินผิงอันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาตรวจสอบกันอย่างไร แต่ละคนถึงได้ลิงโลดร่าเริง เป็นครั้งแรกที่เผยสีหน้าชื่นชมปลาบปลื้มให้เฉินผิงอันได้เห็น

เฉินผิงอันจึงเข้าใจทันทีว่า ของสิ่งนี้มีประโยชน์มหาศาล

ดังนั้นจึงต้องมาเยือนศาลเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีเองสักครั้ง

หากไม่เป็นเพราะไม่ค่อยกล้าบุกเข้าไปในวังมังกรทะเลสาบชางอวิ๋นโดยพลการ เฉินผิงอันก็อยากจะทำ ‘การค้า’ กับเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นผู้นั้นอยู่เหมือนกัน

เป็นการทำการค้าเหมือนกัน แต่กลับใช้วิธีการต่างกัน

คัมภีร์การทำการค้าที่ใช้กับพวกตู้อวี๋ เจ้าแห่งคูน้ำทะเลสาบชางอวิ๋น แน่นอนว่าย่อมต่างไปจากการค้าที่เฉินผิงอันทำร่วมกับผู้ฝึกตนสำนักพีหมา

หนึ่งคือตระหนี่ถี่เหนียว ให้เงินเหรียญทองแดงข้าน้อยไปหนึ่งเหรียญก็ยังต้องพิจารณาว่าควรจะฆ่าเจ้าให้ตายดีหรือไม่

หนึ่งคือยินดีที่จะได้กำไรน้อย ถึงขั้นที่ว่าต่อให้เสียเปรียบก็ยังไม่เป็นไร

ได้ยินคำเตือนของตู้อวี๋ เฉินผิงอันก็เอ่ยสัพยอกว่า “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในศาลสุ่ยเซียน เจ้าไม่ได้โหวกเหวกว่าขอแค่เจ้าแห่งทะเลสาบขึ้นมาบนฝั่ง ก็จะประลองฝีมือกับเขาหรอกหรือ?”

ตู้อวี๋ยิ้มกล่าว “ได้ผู้อาวุโสสั่งสอนว่าควรวางตัวเป็นคนอย่างไร เวลานี้แค่ข้าได้ยินเสียงนกร้องก็หวาดผวา ต้นไม้ใบหญ้าส่ายไหวไปตามสายลมก็หวั่นกลัวไปหมด ทำให้ผู้อาวุโสได้เห็นเรื่องตลกแล้ว”

เฉินผิงอันตบไหล่ของเขา “หากยังมีการเข่นฆ่ากันเกิดขึ้น คราวนี้อย่าพูดว่าจะยอมให้ก่อนหนึ่งกระบวนท่าอะไรอีกล่ะ”

ตู้อวี๋แอบขุ่นเคืองในใจ

คิดว่าหากมีโอกาสควรจะสังหารคนหนุ่มชาวบ้านพวกนั้นดีไหม? ไม่อย่างนั้นหากข่าวนี้แพร่ออกไปจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกที่ใหญ่เทียมฟ้าหรอกหรือ?

ทว่าเจ้าคนผู้นั้นกลับยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “คนที่แม้แต่ข้าก็ยังไม่สังหาร หากเจ้ากลับไปฆ่า ก็คือการมอบผลหลีตอบแทนผลท้อ สอนให้ข้ารู้ว่าควรเป็นคนอย่างไรงั้นหรือ? หรือจะบอกว่า รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ชีวิตนี้จะไม่ต้องมาเจอกับคนอย่างข้าอีกแล้ว?”

ตู้อวี๋ขนลุกขนพองอยู่ในใจ พูดอย่างหนักแน่นว่า “คำสั่งสอนอันมีค่าของผู้อาวุโส ผู้น้อยจะต้องจดจำไว้ให้ขึ้นใจแน่นอน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!