กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 507

เฉินผิงอันส่งมอบเด็กให้ตู้อวี๋อย่างระมัดระวัง ตู้อวี๋ที่เหมือนถูกฟ้าผ่ายื่นมือไปรับอย่างเหม่อลอย

เฉินผิงอันขมวดคิ้ว “ถอดเสื้อเกราะน้ำค้างหวานออก!”

ตู้อวี๋สะดุ้งตกใจ รีบปลดเสื้อเกราะน้ำค้างหวานออก แล้วเก็บเข้าไปในชายแขนเสื้อพร้อมกับโอสถปีศาจที่ผ่านการหล่อหลอมมาแล้วซึ่งเขากำแน่นอยู่ในฝ่ามือตลอดเวลา

แล้วจึงรับเด็กในห่อผ้าอ้อมมาด้วยท่าทางแข็งทื่อ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด เห็นสีหน้ารังเกียจของผู้อาวุโสแล้ว ตู้อวี๋ก็อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ผู้อาวุโส ข้าอายุยังน้อย ประสบการณ์ในยุทธภพยังตื้นเขิน ไม่ได้เข้าใจทุกอย่างเชี่ยวชาญทุกเรื่องอย่างท่านผู้อาวุโสจริงๆ

เฉินผิงอันเอ่ยกำชับ “ข้าจะกลับมาให้เร็วหน่อย เด็กยังบอบบางนัก เจอลมเย็นแบบนี้ เจ้าต้องสังเกตดูลมหายใจของเด็กเอาไว้ให้ดี ตอนที่เจ้าปล่อยปราณวิญญาณมาเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายเด็กจะต้องกะน้ำหนักให้ดี หากมีปัญหา ตอนที่ออกไปจากเรือนผีก็เอาน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไปด้วย พาเขาไปหาหมอในร้านยาที่มีประสบการณ์”

ตู้อวี๋พยักหน้ารับรัวๆ ราวไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก

เฉินผิงอันคิดแล้วก็บิดหมุนข้อมือ ในฝ่ามือมีแกนลูกท้อที่เหลืออยู่เพียงเม็ดเดียวเพิ่มขึ้นมา “หลังจากขว้างมันออกไป อานุภาพจะเท่าเทียมกับการโจมตีอย่างเต็มกำลังของผู้ฝึกตนเซียนดินคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใช้คาถาเปิดประตูอะไร ขอแค่เป็นผู้ฝึกลมปราณก็สามารถใช้ได้ ต่อให้มีร่างกายอ่อนแออย่างผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างก็หนีไม่พ้นแค่ต้องพ่นเลือดสองสามคำ เผาผลาญปราณวิญญาณที่เก็บสะสมไว้เท่านั้น จะไม่มีโรคร้ายใหญ่อะไรทิ้งไว้ภายหลัง แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าเป็นขอบเขตถ้ำสถิตขั้นสูงสุด อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนสำนักการทหาร เวลาเจอเรื่องอะไรก็จงใช้มันอย่างสบายใจ”

ตู้อวี๋ยังอุ้มเด็กเอาไว้ จึงได้แต่เบี่ยงตัวค้อมเอวลง ยื่นมือออกมาเล็กน้อย รับสมบัติล้ำค่าของตระกูลเซียนที่มีมูลค่าควรเมืองชิ้นนั้นเอาไว้

ในใจตู้อวี๋รู้สึกมั่นใจมากขึ้น

หาได้ยากที่ผู้อาวุโสจะพูดร่ายยาวขนาดนี้

แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ผู้อาวุโสในตอนนี้ถึงได้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยแก่เขาอีกครั้ง

เฉินผิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ไม่ถือเจี้ยนเซียนไว้ในมืออีกต่อไป แต่สะพายมันไว้ด้านหลังอีกครั้ง “พวกเจ้าคงเล่นสนุกกันจนติดใจแล้วสินะ?”

ตู้อวี๋ทอดถอนใจอย่างเศร้าสลด ความรู้สึกคุ้นเคยหายไปอีกแล้ว

เขาบอกกับตัวเองเงียบๆ ว่า คิดเสียว่าเป็นความปรารถนาดีของผู้อาวุโสที่อยากช่วยขัดเกลาจิตใจให้เขาตู้อวี๋ก็แล้วกัน

ร่างของผู้อาวุโสหายไปแล้ว

ไม่มีปราณวิญญาณแผ่กระเพื่อม แล้วก็ไม่มีลมเย็นพัดมาแม้แต่น้อย

ราวกับว่าฟ้าและดินผสานรวมเข้าด้วยกัน

ตู้อวี๋อุ้มเด็กเอาไว้แล้วโยกเบาๆ ไม่กล้าขยับแรงเกินไปนัก กลัวว่าแรงโยกจะทำให้เด็กตื่น มารดามันเถอะ ชั่วชีวิตของข้าผู้อาวุโสที่ผ่านมายังไม่เคยอ่อนโยนกับจอมยุทธหญิงในยุทธภพขนาดนี้มาก่อนเลย ตู้อวี๋ก้มหน้าลงมอง แล้วพูดอย่างปลงอนิจจังว่า “เด็กน้อย เจ้ามีโชคที่ใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้าอีกนะ”

ในตรอกเล็กแคบที่เงียบสงัดไร้ผู้คน

ชายฉกรรจ์เอาหลังพิงกำแพง กลืนน้ำลายลงคอ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ไล่ตามมา?

เพื่อเงินร้อนน้อยเหรียญนั้น ก็ช่างร้อนลวกมือเสียจริง

แม้มองดูแล้วไม่เหมือนว่าเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่มาพบกับตนผู้นั้นจะสามารถเอาเงินร้อนน้อยออกมาได้ แต่เงินเทพเซียนไม่ใช่ของปลอม ไม่รับเอามาก็ตาย หากไม่รับมาแล้วทำงานที่ได้รับมอบหมายแต่โดยดี แล้วจะยังทำอย่างไรได้อีก หาเสมียนของที่ว่าการคนหนึ่งของเมืองสุยเจี้ยแล้วใช้วิธีการคล้ายๆ กัน นั่นคือมอบเงินให้เขาถุงหนึ่ง หากเขาไม่รับไปก็ตาย เสมียนคนนั้นก็ไม่ใช่คนโง่ จึงช่วยเขาหาคู่ชายหญิงใจสุนัขของตรอกหยาเอ๋อร์คู่นั้นมา ถึงได้มีเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้

ผู้ฝึกตนอิสระคนนี้หยิบเอาเงินร้อนน้อยเหรียญนั้นออกมาแล้วคลี่ยิ้ม พูดพึมพำกับตัวเองว่า เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลไม่เห็นเงินเป็นเงินกันจริงๆ การค้าขายเช่นนี้ หวังว่าจะได้ทำอีกสักครั้ง

ข้างหูมีเสียงคนพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ดังมา “เจ้าเองก็ไม่เลวเหมือนกัน ไม่เห็นชีวิตคนเป็นชีวิต”

ชายฉกรรจ์หันหน้าไปอย่างแข็งทื่อ แล้วก็เห็นว่าเจ๋อเซียนชุดขาวในมือโบกพัดผู้นั้นยืนอยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าว ทว่าตนกลับไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย

ชายฉกรรจ์พูดเสียงสั่น “เซียนกระบี่ใหญ่ ไม่เลยๆ ข้าถูกสถานการณ์บีบบังคับจึงจำต้องทำเช่นนี้ เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของยอดเขาเมิ่งเหลียงที่สอนข้าคนนั้นก็แค่รังเกียจว่าเรื่องนี้จะทำให้มือของเขาสกปรก อันที่จริงเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนอิสระอย่างข้าแล้ว เขายังไม่สนใจชีวิตของมนุษย์ธรรมดามากกว่าเสียอีก”

ชายฉกรรจ์เค้นรอยยิ้มส่งไปให้ “เซียนกระบี่ใหญ่ท่านนี้ ท่านไม่รู้อะไร สตรีจากตรอกหยาเอ๋อร์ผู้นั้นเกิดมาก็มีจิตใจอำมหิตดุจอสรพิษ บุรุษของนางก็ยิ่งเป็นคนต่ำช้าที่สมควรตาย คนในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดประเภทนี้ไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกตน ได้แต่เกลือกกลิ้งอยู่ในโคลนตมก็ถือว่าดีแล้ว ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาได้กลายมาเป็นผู้ฝึกตน ยามที่ทำเรื่องชั่วร้ายขึ้นมา นั่นต่างหากที่เรียกว่าชั่วช้าสามานย์อย่างแท้จริง”

เซียนกระบี่ชุดขาวยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่ถามใจ ดูแค่ที่เรื่องราว ไม่อย่างนั้นใต้หล้านี้จะมีคนที่รอดชีวิตได้อีกกี่มากน้อย? เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ชายฉกรรจ์พยักหน้ารับ “ใช่ๆๆ ใต้เท้าเซียนกระบี่พูดถูกทั้งหมดเลย”

จากนั้นก็ได้ยินเซียนกระบี่ต่างถิ่นที่แม้แต่ทัณฑ์สวรรค์ก็ยังต้านรับไว้ได้โดยที่ไม่ตายผู้นั้นเอ่ยถามตนด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลตัวเล็กๆ ของยอดเขาเมิ่งเหลียงคนหนึ่ง ฆ่าชาวบ้านไปแค่ไม่กี่คนยังรู้สึกว่ามือสกปรกแล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าที่เป็นเซียนกระบี่ ฆ่าเจ้าแล้วจะไม่รู้สึกว่ามือสกปรกหรือ? หากไม่เป็นเช่นนี้ เหตุใดข้าถึงไม่ฆ่าสตรีที่มาขอเงินทองอยู่บนถนน อันธพาลในหมู่ชาวบ้านที่เข็นรถขนอาจมมาหาความบันเทิง และนักฆ่าที่หลบซ่อนตัวกินขี้อยู่ในถังอาจม?”

มือทั้งสองข้างของชายฉกรรจ์ถือประคองเงินร้อนน้อยเหรียญนั้นเอาไว้ เขาโค้งตัวลงต่ำ ชูมือขึ้นสูง ยิ้มประจบเอ่ยว่า “ในเมื่อใต้เท้าเซียนกระบี่รู้สึกว่าสกปรกมือก็โปรดแสดงความเมตตา ปล่อยข้าน้อยไปเถิด อย่าให้ศาสตราวุธเทพของเซียนกระบี่ต้องแปดเปื้อนเลย บุคคลที่เหมือนนอนเหน่าเหม็นอย่างข้า ไหนเลยจะคู่ควรให้เซียนกระบี่ออกกระบี่”

“วิชาคาถาตระกูลเซียนบนภูเขามีนับพันนับหมื่นชนิด ยังจำเป็นต้องออกกระบี่ด้วยหรือ?”

พอได้ยินประโยคนี้ ชายฉกรรจ์ก็เหงื่อแตกท่วมร่าง ไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!