กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 557

ในห้องของหลูป๋ายเซี่ยง จูเหลี่ยนนั่งขัดสมาธิ บนโต๊ะมีเหล้าหนึ่งกา จอกกระเบื้องหนึ่งใบ ถั่วเหลืองหนึ่งจาน จิบเหล้าคำเล็กดื่มเนิบช้า

หลูป๋ายเซี่ยงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่มีท่าทีว่าจะดื่มเหล้า

ในจดหมายตอบกลับฉบับนั้นของชุยตงซาน เขาได้พูดถึงเว่ยเซี่ยน บอกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าหมอนี่เริ่มจากการเป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพ ไปเป็นลูกน้องของแม่ทัพบู๊ที่มีอำนาจคนหนึ่งนามว่าเฉาจวิ้น สะสมคุณความชอบทางการทหารมาไม่น้อย จึงได้รับตำแหน่งอู่ซ่าน (ตำแหน่งทางการทหารอย่างหนึ่งที่มีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจหน้าที่จริงจัง) จากราชสำนักต้าหลี วันหน้าเมื่อได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางชิงหลิวก็ถือว่ามีบันไดให้ก้าวเดินต่อ

สี่คนในม้วนภาพวาดของพื้นที่มงคลดอกบัว ตอนนี้ต่างคนต่างเดินไปบนเส้นทางใต้ฝ่าเท้าของตัวเอง

เว่ยเซี่ยนเข้าร่วมกองทัพ สุยโย่วเปียนฝึกตนอยู่ในสำนักกุยหยกใบถงทวีป กลายเป็นผู้ฝึกตน หลูป๋ายเซี่ยงก่อสำนักตั้งพรรคอยู่ในยุทธภพ มีเพียงจูเหลี่ยนที่อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว

ก่อนหน้านี้ที่หลูป๋ายเซี่ยงได้รับจดหมายลับจากจูเหลี่ยนก็ได้จัดเตรียมสมบัติบนภูเขาสามชิ้นและเงินเทพเซียนหนึ่งหีบทันที ล้วนเป็นเงินซื้อชีวิตที่ชาวบ้านสิ้นแคว้นของราชวงศ์จูอิ๋งหลายกลุ่มนำมามอบให้ แต่ภายหลังเฉินผิงอันส่งจดหมายจากถ้ำสวรรค์วังมังกรกลับมายังภูเขาลั่วพั่ว จูเหลี่ยนจึงไม่เพียงแต่ไม่ได้รับเอาทรัพย์สมบัติที่หลูป๋ายเซี่ยงสะสมอย่างยากลำบากมา ยังกลับเป็นฝ่ายมอบเงินฝนธัญพืชให้หลูป๋ายเซี่ยงอีกสิบเหรียญ แต่ขณะเดียวกันก็กำชับหลูป๋ายเซี่ยงว่าจะก่อตั้งพรรค รวบรวมกองกำลังจากฝ่ายต่างๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ทางที่ดีที่สุดอย่าไปเข้าร่วมการกอบกู้แคว้นของพวกคนแก่คนหนุ่มเหล่านั้น เพราะสิ่งที่กองทัพม้าเหล็กต้าหลีจะทำต่อจากนี้จะต้องเป็นการหันไปเล่นงานพวกปลาที่หลุดรอดออกจากตาข่ายซึ่งพยายามจะจุดไฟให้ขี้เถ้ามอดกลุ่มนี้อย่างแน่นอน ในจดหมายเฉินผิงอันแค่เสนอคำแนะนำ ไม่ได้เรียกร้องว่าหลูป๋ายเซี่ยงควรทำอย่างไร

ปรึกษาเรื่องการค้นหาสมบัติกับหลิวจ้งรุ่น หลูป๋ายเซี่ยงเองก็อยู่ด้วย เพียงแต่ว่าล้วนเป็นจูเหลี่ยนที่วางแผนทั้งหมด

การกระทำของจูเหลี่ยนเท่ากับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว

ช่วยภูเขาลั่วพั่วยืนยันว่าหลิวจ้งรุ่นและเกาะจูไชมีค่าพอจะเป็นพันธมิตรกันอย่างยาวนานหรือไม่

และเกาะจูไชยังติดค้างน้ำใจควันธูปที่ไม่เล็กส่วนหนึ่งกับภูเขาลั่วพั่ว

หลิวจ้งรุ่นติดค้างหนี้ส่วนหนึ่งกับเจ้าขุนเขาหนุ่มอย่างเฉินผิงอัน

แน่นอนว่าภูเขาลั่วพั่ว เฉินผิงอันและจูเหลี่ยนต่างก็ไม่ได้ละโมบในความสัมพันธ์ควันธูปเหล่านี้ หากการทำการค้าในอนาคต หลิวจ้งรุ่นและเกาะจูไชแสดงท่าทีออกมา ภูเขาลั่วพั่วก็ย่อมมีวิธีอื่นในการตอบแทนกลับคืนไป

เชื่อว่าจนถึงตอนนี้หลิวจ้งรุ่นก็ยังไม่รู้ว่า ก่อนหน้านี้ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเกาะจูไชจะได้ฝึกตนอยู่บนภูเขาหลังอ๋าวหรือไม่ ล้วนอยู่ที่ชั่วความคิดเดียวของนางเท่านั้น

หากโดนผลประโยชน์บดบังใจ หลังจากรู้ว่าการค้นหาสมบัติเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน แต่ก็ยังยืนกรานจะเสี่ยงทำเรื่องครั้งนี้ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีเหตุการณ์ในตอนนี้เกิดขึ้น

หลูป๋ายเซี่ยงยิ้มถาม “ถ้าหากหลิวจ้งรุ่นเลือกผิด ก็เท่ากับว่าเจ้าจูเหลี่ยนวาดงูเติมขา ไม่ใช่ว่าหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ เมื่อเจ้าหยั่งเชิงจนรู้ว่าหลิวจ้งรุ่นไม่ใช่พันธมิตรที่เหมาะสม ตำหนักวารีและเรือน้ำที่เดิมทีควรเป็นของในกระเป๋าของภูเขาลั่วพั่ว สรุปแล้วว่าจะยังเอามาหรือไม่? ไม่เอามาก็เท่ากับว่าเสียส่วนแบ่งไปห้าส่วนอย่างเสียเปล่า เอามาแล้วก็ต้องมีความสัมพันธ์กับหลิวจ้งรุ่นและเกาะจูไชลึกซึ้งไปอีกขั้น ภูเขาลั่วพั่วก็ย่อมต้องเจอกับภัยแฝงนับไม่ถ้วน”

จูเหลี่ยนคีบถั่วเหลืองคั่วสีทองอร่ามสองสามเม็ดขึ้นมาโยนใส่ปาก เคี้ยวเสียงดังกรุบกรอบ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ถ้าหาก? ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี ‘ถ้าหาก’ นี้สักหน่อย”

หลูป๋ายเซี่ยงส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยยอมรับในการกระทำนี้ของจูเหลี่ยน

หากเขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ หลังจากที่จดหมายฉบับนั้นของชุยตงซานส่งมาถึงภูเขาลั่วพั่ว สถานการณ์ใหญ่ก็มั่นคงดีแล้ว ตำหนักวารี เรือมังกร จะต้องมีชิ้นหนึ่งที่ถูกย้ายมายังภูเขาลั่วพั่วอย่างผึ่งผาย ส่วนเรื่องอื่นๆ ความถูกและความผิดของหลิวจ้งรุ่นและผู้ฝึกตนเกาะจูไชในอนาคตหลังจากนี้ อันที่จริงล้วนเป็นเรื่องเล็ก เพราะหลูป๋ายเซี่ยงเชื่อว่าภูเขาลั่วพั่วต้องพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงไม่นานก็จะต้องทำให้ผู้ฝึกตนเกาะจูไชทุกคนได้แต่แหงนมองขุนเขาสูงอย่างพวกเขา คิดจะทำความผิดก็ยังไม่กล้า ต่อให้เป็นความผิดที่ผู้ฝึกตนเกาะจูไชคิดว่าใหญ่เทียมฟ้า แต่เมื่ออยู่กับภูเขาลั่วพั่วก็มีแต่จะเป็นความผิดเล็กๆ ที่เขาหลูป๋ายเซี่ยงสามารถเอามือลูบให้ราบเรียบได้อย่างง่ายดาย

จูเหลี่ยนจิบเหล้าคำเล็ก สูดเหล้าเข้าปากดังซูด สีหน้าเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม เขาคีบถั่วเหลืองเม็ดหนึ่งขึ้นมา ชำเลืองตามองแล้วยิ้มกล่าวว่า “เป็นเจ้าลัทธิมารของเจ้าไปอย่างสบายใจเถอะ อย่าได้กังวลเรื่องเล็กน้อยเท่าเมล็ดถั่วเหลืองของข้านี่เลย”

หลูป๋ายเซี่ยงยิ้มถาม “เผยเฉียนเป็นฝ่ายไปขอเรียนหมัดที่เรือนไม้ไผ่ด้วยตัวเอง เหตุใดถึงไม่บอกเฉินผิงอันไปตรงๆ? ในเมื่อรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ เหตุใดถึงปล่อยให้ผู้อาวุโสชุยทำลายจิตดั้งเดิมของเผยเฉียนเช่นนั้น? ไม่กลัวจริงๆ หรือว่าเรื่องราวเมื่อพัฒนาไปถึงจุดสูงสุดจะกลับกลายเป็นตรงกันข้าม เส้นทางการเรียนวรยุทธของเผยเฉียนไปถึงเส้นทางหัวขาดเสียแต่เนิ่นๆ?”

จูเหลี่ยนวางจอกเหล้าที่ชูมาได้ครึ่งทางลงไป พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “การออกหมัดของชุยเฉิงได้แค่หล่อหลอมเรือนกายของผู้ฝึกยุทธอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ หรือ? หมัดไม่ร่วงลงบนหัวใจของเผยเฉียนจะมีความหมายอะไร?”

จูเหลี่ยนหัวเราะเสียงเย็น “คนมีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธอย่างเผยเฉียน ใครบ้างที่สอนไม่ได้ สอนได้ไม่ดี? ข้าจูเหลี่ยนสอนได้ เจ้าหลูป๋ายเซี่ยงก็สอนได้ คาดว่าแม้แต่เฉินยวนจีก็ยังสอนได้ ถึงอย่างไรขอแค่ตัวเผยเฉียนอยากเรียนหมัด ก็สามารถเรียนได้เร็วมาก เร็วจนขนาดคนที่เป็นอาจารย์ยังไม่กล้าเชื่อ แต่หากจะบอกว่าใครสามารถสอนให้กลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลกได้ เจ้าและข้าต่างก็ไม่ได้ ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่นายน้อยก็ยังทำไม่ได้!”

จูเหลี่ยนยกแขนขึ้นกำเป็นหมัดเบาๆ “หมัดนี้ต่อยลงไป คือต่อยให้เรือนกายและจิตใจของแม่นางน้อยเหลือเพียงแค่พลังชีวิตเสี้ยวเดียวที่มีชีวิตรอดได้ ที่เหลือล้วนตายหมด จำต้องยอมแพ้ยอมรับชะตากรรม แต่อาศัยลมหายใจเฮือกหนึ่งที่ยังเหลืออยู่นี้ กลับทำให้เผยเฉียนลุกขึ้นมาได้ หากแพ้ ก็ยังต้องกินหมัดเพิ่มอีกหมัด ทว่าก็ยัง ‘ชนะตัวข้าเอง’ หลักการข้อนี้ ตัวเผยเฉียนเองไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะคำพูดและการกระทำของนายน้อยข้าที่สอนนางนอกเหนือจากในตำรา แล้วก็ได้หล่นลงบนหัวใจของนางอย่างมั่นคง กระทั่งผลิดอกออกผล ทว่าชุยเฉิงเข้าใจพอดี อีกทั้งยังทำได้ด้วย เจ้าหลูป๋ายเซี่ยงทำได้หรือ? พูดประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อย ยามที่เผยเฉียนเผชิญหน้ากับเจ้าหลูป๋ายเซี่ยง นางไม่รู้สึกว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่จะถ่ายทอดวิชาหมัดให้นางด้วยซ้ำ แม่หนูเผยดีแต่จะแสร้งโง่ ยิ้มตาหยีถามว่า เจ้าเป็นใครกัน? ขอบเขตสูงแค่ไหน? คงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบเอ็ดสินะ? หากใช่ ทำไมเจ้าไม่ปล่อยหนึ่งหมัดต่อยให้ฟ้าเปิดเสียเลยเล่า? มามัวเสียเวลาอยู่กับข้าเผยเฉียนทำไม”

พูดถึงท้ายที่สุด จูเหลี่ยนก็หัวเราะขึ้นมากับตัวเอง แล้วดื่มเหล้าที่อยู่ในจอกรวดเดียวหมด

หลูป๋ายเซี่ยงหัวเราะพลางพยักหน้ารับ

นั่นคือแม่นางน้อยที่ฉลาดหลักแหลมอย่างถึงที่สุดคนหนึ่ง

จูเหลี่ยนยิ้มกล่าวอีกว่า “เจ้าคิดว่านางรู้หรือว่าชุยเฉิงมีขอบเขตอะไร? แม่หนูเผยจะรู้กับผายลมอะไรล่ะ นางรู้แค่เรื่องเดียว นั่นคือหมัดของอาจารย์นางได้ตาแก่ชื่อว่าชุยเฉิงช่วยต่อยออกมาทีละหมัด ถ้าอย่างนั้นใต้หล้านี้ก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดวิชาหมัดให้นางได้ นอกจากฟ้าใหญ่ดินใหญ่อาจารย์ใหญ่ที่สุดแล้ว ก็คือผู้เฒ่าบนชั้นสองคนนั้นเท่านั้นที่พอจะมีคุณสมบัติอยู่บ้าง คนอื่นๆ ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าเจ้าจะมีขอบเขตอะไร เมื่อมาเจอกับแม่หนูเผยก็ล้วนไม่มีสิทธิ์สั่งสอนนางทั้งสิ้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!