กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 610

เฉินผิงอันกับชุยตงซาน อาจารย์และลูกศิษย์ที่อยู่ต่างบ้านต่างเมืองเหมือนกันเดินไปที่ร้านเหล้าต่างบ้านต่างเมืองที่ถือว่าเป็นกิจการบ้านตัวเองครึ่งตัวหนึ่งพร้อมกัน

ชุยตงซานถามเสียงเบาว่า “อาจารย์เกลี้ยกล่อมเขาไม่สำเร็จหรือ? เถาเหวินยังคงไม่ยินดีจะไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ ดึงดันว่าจะตายอยู่ที่นี่?”

ข้าวหนึ่งชนิดเลี้ยงคนได้ร้อยแบบ ในเมื่อกำแพงเมืองปราณกระบี่มีผู้ฝึกกระบี่ชุยเหวยที่ไม่อยากตาย แน่นอนว่าก็ต้องมีเซียนกระบี่อย่างเถาเหวินที่อยากตายอยู่ในบ้านเกิดของตัวเอง

ในประวัติศาสตร์ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ จำนวนของทั้งสองฝ่ายนี้ อันที่จริงล้วนไม่น้อย

เซียนกระบี่ผู้อาวุโส เซียนกระบี่ใหญ่ที่อยู่ระดับสูงสุดจำนวนเพียงหยิบมือ ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกหรือรบตายไปแล้ว เหตุใดแต่ละคนถึงไม่ยินดีให้ความรู้ของสามลัทธิและเมธีร้อยสำนักของใต้หล้าไพศาลหยั่งรากแตกหน่อ เผยแพร่อยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่มากนัก? แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล อีกทั้งยังไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่ว่าดูแคลนความรู้พวกนี้ เพียงแต่ว่าคำตอบของกำแพงเมืองปราณกระบี่กลับเรียบง่ายยิ่งกว่า และคำตอบก็มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือหากความรู้เยอะไป ผู้คนใคร่ครวญขบคิดมากเกินไป จิตใจคนก็จะซับซ้อน การฝึกกระบี่ของผู้ฝึกกระบี่ก็ยากที่จะบริสุทธิ์ผุดผ่อง กำแพงเมืองปราณกระบี่ย่อมไม่มีทางยืนหยัดมาได้ถึงหนึ่งหมื่นปีแน่นอน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ อันที่จริงเซียนกระบี่ทั่วไปในท้องถิ่นที่รู้เรื่องก็มีอยู่น้อยมาก เมื่อหลายปีก่อนบนหัวกำแพงเมืองของกำแพงเมืองปราณกระบี่ เฉินชิงตูเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเคยเฝ้าพิทักษ์หัวกำแพงเมืองอยู่ด้วยตัวเอง เขาสร้างฟ้าดินแห่งหนึ่งขึ้นมา จากนั้นเมื่ออริยะของแต่ละฝ่ายมารวมตัวกันก็มีการร่วมปรึกษาพูดคุยเกิดขึ้น ทว่าจุดจบกลับไม่ค่อยดีนัก นับแต่นั้นมานักปราชญ์ วิญญูชน อริยะของหลี่เซิ่ง หย่าเซิ่งสองสายที่มาเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่ ก่อนจะจากไป ไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่ ก็ล้วนจะได้รับคำสั่งจากทางสถานศึกษาสำนักศึกษา หรือควรพูดให้ถูกคือได้รับคำสั่งอย่างเข้มงวดว่า อย่างมากสุดก็แค่รับผิดชอบคอยสังเกตการณ์สงครามการศึกเท่านั้น ระหว่างนี้ด้วยคิดอยากจะทำเรื่องหลายๆ อย่างให้แก่กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนยอมเสี่ยงถูกลงโทษ แต่ก็ต้องลงมือเองโดยพลการให้จงได้ พวกเซียนกระบี่ก็ไม่เคยจงใจข่มกำราบหรือผลักไส เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อพวกนี้ก็ต้องหมดอาลัยตายอยากเหมือนกันแทบทั้งหมด

เฉินผิงอันเอ่ย “พอนั่งบนโต๊ะเหล้าแล้วก็เอาแต่ดื่มเหล้าอย่างเดียว ไม่ทันได้เอ่ยโน้มน้าว ดื่มเหล้าทำให้เสียเรื่องจริงๆ เสียด้วย”

เฉินผิงอันเดินฝีเท้าไม่เร็ว ชุยตงซานก็ยิ่งไม่รีบร้อน

คนทั้งสองจึงเดินช้าๆ ไม่เร่งรีบไปดื่มเหล้าใหม่ที่โต๊ะกันเช่นนี้

ถนนใหญ่ตรอกเล็กต่างก็ซ่อนเรื่องราวน้อยใหญ่ที่จุดจบไม่ค่อยดีเอาไว้

ชุยตงซานเอ่ยปลอบว่า “มอบตราประทับให้แล้ว ในใจของอาจารย์ย่อมรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง แต่หากไม่มอบให้ อันที่จริงกลับดียิ่งกว่า เพราะเถาเหวินจะรู้สึกดีมากกว่า เหตุใดอาจารย์ต้องทำเช่นนี้ เหตุใดอาจารย์ถึงทำเช่นนี้ อาจารย์ไม่ควรทำเช่นนี้”

เฉินผิงอันเปลี่ยนหัวข้อคุย “หลินจวินปี้ผู้นั้นเล่นหมากล้อมกับเจ้า ผลออกมาเป็นอย่างไร?”

ชุยตงซานสะบัดชายแขนเสื้อ บนร่างของคนทั้งสองก็มีริ้วคลื่นกระเพื่อม ประหนึ่งดอกบัวสีทองอ่อนหลายดอกที่หุบๆ บานๆ เกิดๆ ดับๆ เพียงแต่ว่าถูกชุยตงซานร่ายเวทอำพรางตาวิชาเฉพาะตัวเอาไว้ จำเป็นต้องเห็นดอกไม้นี้ก่อน ไม่ใช่เซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนก็อย่าได้หวังเด็ดขาด จากนั้นถึงจะสามารถแอบฟังบทสนทนาของทั้งสองฝ่ายได้ เพียงแต่ว่ามองเห็นดอกไม้แล้วคิดจะฝ่าทำลายค่ายกล ก็เท่ากับเปิดเผยพิรุธของตัวเอง ชุยตงซานก็จะสามารถตามเบาะแสนี้ไปมอบของขวัญกลับคืนตามมารยาทได้ ไปถามเซียนกระบี่ท่านนั้นว่ารู้หรือไม่ว่าตนคือใคร หากไม่รู้ก็จะต้องบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเป็นใคร

เหยื่อล่อก็คือเรื่องที่ว่าสรุปแล้วเขาชุยตงซานคือใครกันแน่ แล้วจุดจบของหลินจวินปี้ล่ะเป็นอย่างไร แนวโน้มของสถานการณ์ราชวงศ์เส้าหยวนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินหรือไม่ จากนั้นก็นำสิ่งนี้มาพิสูจน์ว่าสรุปแล้วเขาชุยตงซานเป็นใครกันแน่

ถึงอย่างไรคนที่จะติดกับก็ล้วนเป็นคนที่ยินดีทั้งนั้น

เขาชุยตงานไม่ได้ขอร้องให้ใครมางับเหยื่อเสียหน่อย จุดจบจากการที่ควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เซียนกระบี่ใหญ่เยว่ชิงก็เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว หากขนาดนี้แล้วยังไม่ถอดใจ ก็คงต้องชั่งน้ำหนักควันธูปของสายเหวินเซิ่งดูอีกครั้ง แล้วก็อย่ามาโทษหากเขาชุยตงซานไปขอกำลังเสริม เรียกให้อาจารย์ลุงใหญ่มาช่วยหนุนหลังศิษย์หลานอย่างตน

ชุยตงซานยิ้มกล่าว “หลินจวินปี้เป็นคนฉลาด ก็แค่อายุน้อย เลยหน้าบาง ประสบการณ์ยังไม่โชกโชน แน่นอนว่าศิษย์ต้องฉลาดกว่าเขา คิดจะทำลายจิตแห่งเต๋าของเขาอย่างสิ้นเชิงไม่ใช่เรื่องยาก เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ที่ถือโอกาสทำไปพร้อมกันได้ แต่ไม่มีความจำเป็น ถึงอย่างไรศิษย์กับเขาก็ไม่มีความอาฆาตแค้นกันเป็นการส่วนตัว คนที่ผูกปมแค้นกับข้าจริงๆ คืออาจารย์ซีหลูที่เขียน ‘ตำราหมากล้อมศาลาแห่งความชื่นมื่น’ เล่มนั้น เขาก็จริงๆ เลย ฝีมือเล่นหมากล้อมห่วยแตกขนาดนั้นก็ยังกล้าเขียนหนังสือสอนวิธีเล่นหมากล้อมให้คนอื่น ว่ากันว่าหนังสือนี่ยังขายดีอีกด้วย อยู่ในราชวงศ์เส้าหยวนก็ขายดีจนแทบจะเทียบได้กับ ‘ตำราเมฆหลากสี’ แล้ว ทนได้หรือ? ศิษย์ย่อมทนไม่ได้อยู่แล้ว นี่คือการถ่วงเส้นทางการหาเงินของศิษย์เลยนะ ตัดขาดเส้นทางความรวยของคนอื่น มันน่าแค้นจะตายไป ถูกไหม?”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างกังขา “ตัดขาดเส้นทางความรวยของเจ้า หมายความว่าอย่างไร?”

ชุยตงซานตอบอย่างเขินอาย “ไม่พูดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้น้อย โดยทั่วไปแล้ว ‘ตำราเมฆหลากสี’ ทุกเล่มที่ขายออกในใต้หล้าไพศาล ศิษย์ล้วนได้รับส่วนแบ่ง เพียงแต่ว่านครจักรพรรดิขาวไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ แน่นอนว่าไม่เคยเปิดปากเรียกร้องด้วยตัวเองด้วย ล้วนเป็นแผนการที่พวกร้านหนังสือบนภูเขาปรึกษาหารือกันมาได้ เพื่อความปลอดภัย ไม่อย่างนั้นหาเงินมาได้แต่ต้องหัวขาดก็ไม่คุ้มค่า แน่นอนว่าศิษย์เคยบอกเป็นนัยๆ ด้วยกังวลว่าเจ้านครจักรพรรดิขาวใจกว้าง แต่คนที่อยู่ข้างกายเจ้านครกลับจิตใจคับแคบ หากไม่ทันระวัง อาจเป็นเหตุให้พวกคนที่จัดพิมพ์ตำราหมากล้อมถูกนครจักรพรรดิขาวคิดบัญชีย้อนหลังเอาได้ คนวิถีมารนั้นยากจะคาดเดานิสัยใจคอ ถึงอย่างไรระมัดระวังก็ขับเรือได้นานเป็นหมื่นปี อีกอย่างสามารถมอบเงินให้กับนครจักรพรรดิขาวที่ยิ่งใหญ่ได้ ก็ถือเป็นความสัมพันธ์ควันธูปที่ได้มาอย่างยากลำบาก”

เฉินผิงอันไร้คำพูดตอบโต้ หากชุยตงซานไม่บอก เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามีเรื่องวงในของการหาเงินก้อนใหญ่ดั่งน้ำสายเล็กไหลยาวเช่นนี้อยู่ จึงพูดอย่างขันๆ ปนฉุนว่า “อีกเดี๋ยวดื่มเหล้า เจ้าเป็นคนจ่ายเงิน หาเงินมาอย่างใจดำเช่นนี้ เจ้าก็ควรจะดื่มเหล้าถ้ำสวรรค์จู๋ไห่หลายๆ ไหหน่อย จะได้ชำระล้างท้องล้างจิตใจให้สะอาดเสียบ้าง”

ชุยตงซานพยักหน้าขานรับว่าตกลง แล้วยังบอกว่าเหล้าพวกนั้นขายถูกเกินไปแล้ว บะหมี่หยางชุนก็อร่อยนัก อาจารย์มีคุณธรรมในการทำการค้าเกินไป จากนั้นก็เอ่ยต่ออีกว่า “อีกคนหนึ่งก็คืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาของหลินจวินปี้อย่างใต้เท้าราชครูราชวงศ์เส้าหยวนผู้นั้น ความไม่พอใจทั้งหลายของคนรุ่นเก่าไม่ควรจะถ่ายทอดมาถึงตัวของลูกศิษย์ คนอื่นรู้สึกอย่างไรล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่ว่าสายเหวินเซิ่งของพวกเราจะสามารถยืนหยัดในความรู้ที่เปลืองแรงแล้วก็ยังไม่ได้ดีนี้ไว้ได้หรือไม่ ในเรื่องนี้ไม่ต้องสอนเผยเฉียนมากนัก กลับกลายเป็นฉาฉิงหล่างที่ต้องให้เขาได้เห็นเรื่องให้มากขึ้น อธิบายหลักการเหตุผลกับเขาให้มากขึ้น”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “สรุปแล้วว่าหลินจวินปี้เป็นอย่างไร?”

ชุยตงซานยิ้มตอบ “สรุปก็คือหลินจวินปี้ถูกศิษย์พร่ำสอนชี้แนะด้วยความหวังดี เขากระจ่างแจ้งได้โดยพลัน ยินดีจะกลายเป็นหมากของข้าอย่างอารมณ์ดี ความหนักแน่นของจิตแห่งเต๋ายิ่งขยับสูงขึ้นไปอีกขั้น อาจารย์วางใจได้ ข้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงจิตแห่งเต๋าของเขาแม้สักเสี้ยว ข้าก็แค่ช่วยให้เขากลายเป็นราชครูราชวงศ์เส้าหยวน และยิ่งสมกับเป็นบุคคลอันดับหนึ่งข้างกายจักรพรรดิได้เร็วขึ้น ครามเกิดจากต้นครามแต่สีเข้มกว่าคราม ไม่เพียงแค่เรื่องของความรู้เท่านั้น ยังมีกองกำลังอำนาจในโลกมนุษย์อีกด้วย หลินจวินปี้สามารถได้รับสิ่งเหล่านี้มามากกว่าอาจารย์ของเขา สิ่งที่ศิษย์ทำไปก็คือการปักบุปผาลงบนผ้าแพร หลินจวินปี้คนนี้แบกรับโชคชะตาแคว้นของหนึ่งแคว้นในราชวงศ์เส้าหยวนเอาไว้ จึงมีคุณสมบัติที่จะคิดเช่นนี้ ปมของปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าข้าพูดอะไรหรือทำอะไร แต่อยู่ที่ว่าผู้ถ่ายทอดมรรคาของหลินจวินปี้ถ่ายทอดมรรคาได้ไม่มากพอ เข้าใจผิดคิดว่าการที่ค่อยๆ อบรมสั่งสอนไปทีละขั้นตอนปีแล้วปีเล่าก็จะสามารถทำให้หลินจวินปี้กลายเป็นตัวเองอีกคนหนึ่งได้ สุดท้ายเติบโตกลายมาเป็นเสาเทพค้ำมหาสมุทรของราชวงศ์เส้าหยวน แต่กลับไม่รู้เลยว่าจิตใจของหลินจวินปี้ใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้าเสียอีก เขาไม่ยินดีจะกลายเป็นเงาของใครทั้งนั้น ดังนั้นจึงมีโอกาสให้ศิษย์ลงมือ หลินจวินปี้ได้รับกำไรเป็นกอบเป็นกำอย่างที่เขาหวังว่าจะได้ ส่วนข้าก็ได้กำไรเท่าหัวแมลงวันที่อยากจะได้ ทุกคนต่างก็ชื่นบาน สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็ยังเป็นเพราะหลินจวินปี้ฉลาดมากพอ ศิษย์ถึงได้ยินดีสอนวิชาหมากล้อมที่แท้จริงและหลักการวางตัวให้แก่เขา”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ชุยตงซานก็เอ่ยว่า “อาจารย์ไม่ควรถามเช่นนี้ มีแต่จะถูกเรื่องสกปรกที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองพวกนี้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์อยากดื่มเหล้าเสียเปล่าๆ”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “เรื่องของอาจารย์คือเรื่องของลูกศิษย์ แล้วเรื่องของลูกศิษย์จะไม่ใช่เรื่องของอาจารย์ได้อย่างไร?”

ชุยตงซานยกชายแขนเสื้อขึ้น แสร้งทำท่าเค้นน้ำตา เฉินผิงอันจึงยิ้มเอ่ยว่า “คำประจบสอพลอไม่ต้องพูดหรอก แต่จำไว้ว่าจากนี้ซื้อเหล้าหลายๆ ไหหน่อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!