กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 632

อวี๋ฟู่จิ่งลากฟู่เค่อมาดื่มเหล้าด้วยกัน

ฟู่เค่อเอาเหล้าตระกูลเซียนที่สำนักอวี่หลงเป็นคนหมักออกมาจากวัตถุจื่อชื่อสามไห ดื่มกับอวี๋ฟู่จิ่งคนละหนึ่งไห เหลือไว้ไหหนึ่ง ฟู่เค่อยิ้มกล่าวว่าอาจารย์ของเจ้าชอบดื่มเหล้า วันหน้าสามารถเอาไปมอบให้เขาได้

อวี๋ฟู่จิ่งยิ้มพลางยกนิ้วโป้งให้ “มีน้ำใจ”

ฟู่เค่อยิ้มกล่าว “เหล้าสามารถดื่มได้ แต่เจ้าไว้ว่าอย่าดื่มจนเมามาย เหล้ากานี้ฤทธิ์แรงนัก หากชอบดื่ม ต่อให้ข้าไม่ได้มาเยือน ก็สามารถสั่งให้คนเอามาส่งที่เกาะหยกมรกตแห่งนี้ได้”

อวี๋ฟู่จิ่งเอ่ยสัพยอก “มาดใหญ่ขนาดนี้เชียว? ฟู่เค่อ พอกลายเป็นเทพเซียนแล้วก็เลยดูแคลนสหายที่เป็นห้าขอบเขตล่างอย่างข้าแล้วใช่หรือไม่?”

ฟู่เค่อกล่าวอย่างระอาใจ “พูดอะไรเหลวไหล เพราะว่าคอขวดเล็กๆ ข้าจึงจำเป็นต้องปิดด่านระยะหนึ่ง ไม่อาจปลีกตัวมาได้”

อวี๋ฟู่จิ่งดื่มเหล้าหนึ่งอึก ยกเท้าเหยียบบนม้านั่ง ตามองไปนอกห้อง เอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “ตีให้ตายก็คิดไม่ถึงว่า ข้าจะได้มาดื่มเหล้าหมักตระกูลเซียนที่แพงหูฉี่กับฟู่เค่ออยู่ที่นี่”

ฟู่เค่อยิ้มกล่าว “มหามรรคาไม่แน่นอนก็เป็นเช่นนี้เอง ดื่มเหล้าๆ”

อวี๋ฟู่จิ่งดื่มเหล้าเร็วมาก ฟู่เค่อจะห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่

เดิมทีอวี๋ฟู่จิ่งรู้สึกซาบซึ้งในใจตัวฟู่เค่ออย่างมาก เพียงแต่ว่าเมื่อฟู่เค่อเดินขึ้นฟ้าไปทีละก้าว ภาพลักษณ์ที่เขามอบให้ผู้คนจึงแทบจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบแล้ว ดังนั้นในใจจึงอดมีความคิดบางอย่างไม่ได้

มีประโยชน์ให้ฉกฉวย

ฟู่เค่อทอดทิ้งภรรยาที่เคยลำบากตรากตรำด้วยกันมา ดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้รับผลกรรมจากล่างภูเขา พอขึ้นมาบนภูเขาก็ได้กอดสาวงามกลับไป กลายมาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของศาลบรรพจารย์สำนักอวี่หลง ทอดทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้ด้านหลัง

อวี๋ฟู่จิ่งย่อมไม่กล้าข่มขู่ เขาหรือจะกล้าข่มขู่ฟู่เค่อที่เป็นทั้งสหาย ยิ่งเป็นเซียนดินคนหนึ่ง

ดังนั้นบนโต๊ะเหล้าวันนี้อวี๋ฟู่จิ่งจึงทำเหมือนหลุดปากพูดโดยไม่ทันระวัง เอ่ยประโยคที่ผ่อนคลายสบายๆ ประโยคหนึ่งซึ่งแฝงไว้ด้วยเรื่องราวบางอย่างในความทรงจำ

ฟู่เค่อวางกาเหล้าลง

อวี๋ฟู่จิ่งจึงตบบ้องหูตัวเอง “ดูปากเสียๆ ของข้านี่สิ! ฟู่เค่อเจ้าอย่าคิดมากนะ ตีให้ตายข้าก็ไม่มีทางปากมากเอาเรื่องนี้ไปพูดกับคนนอกเด็ดขาด”

ฟู่เค่อคลี่ยิ้ม

จากนั้นอวี๋ฟู่จิ่งก็ตายคาที่ทันที

ฟู่เค่อหยิบกาเหล้าขึ้นมาดื่มเหล้าอย่างเนิบช้าต่อไป มองไปทางประตูใหญ่พลางพึมพำกับตัวเอง “อวี๋ฟู่จิ่ง เจ้ามาหาข้าเพื่อเดิมพันถึงเกียรติยศความร่ำรวย ข้าเลยออกจากสำนักอวี่หลง ถ่อเรือมาพบเจ้า มอบเกียรติยศความร่ำรวยที่แม้แต่ฝันเจ้าก็ยังคิดไม่ถึงให้แก่เจ้า หากเจ้าอยู่อย่างสงบ รู้อะไรควรไม่ควรสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะยังพอมีโอกาสกลายมาเป็นแขนซ้ายขวาของข้าในอนาคต เพราะถึงอย่างไรขอบเขตก็ส่วนขอบเขต สมองก็ส่วนสมอง ข้ารู้มาตลอดว่าเจ้าเป็นคนฉลาด ผลกลับกลายเป็นว่าตัวเจ้าเองไม่รู้จักทะนุถนอมความโชคดีเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นก็โทษที่ข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพพี่น้องไม่ได้แล้ว”

“เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่าง ยังไม่เคยเห็นทัศนียภาพบนยอดเขามาก่อน แต่ข้ากลับเคยเห็นมาแล้ว สิ่งของอย่างพวกหน้าตา ชื่อเสียง หากเป็นไปได้ แน่นอนว่าข้าล้วนต้องการ เพียงแต่ว่าเมื่อทั้งสองอย่างต่างมีโทษ ข้าย่อมต้องเลือกสิ่งที่มีโทษน้อยที่สุด เจ้าทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้าคือหมาป่าตาขาว (เปรียบเปรยถึงคนเนรคุณ) ที่ป้อนอย่างไรก็ไม่รู้จักอิ่ม ถ้าอย่างนั้นแทนที่จะเลี้ยงเจ้าไว้ข้างกายโดยไม่รู้ว่าวันไหนเจ้าจะทำร้ายข้า ก็ไม่สู้ตัดสินใจเด็ดขาดในเร็ววัน อันที่จริงการที่ข้าให้เจ้าอยู่ที่นี่ก็เพราะว่ามีเหตุผล นั่นก็คือทุกครั้งที่เห็นเจ้า ข้าจะเหมือนได้รับคำเตือน เตือนว่าตัวข้าเองนั้นมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยแค่ไหน และนั่นก็จะทำให้ข้ายิ่งรู้จักทะนุถนอมเห็นค่าเงินเทพเซียนทุกเหรียญ ใบหน้าประจบสอพลอทุกใบหน้า คำพูดเยินยอสรรเสริญทุกประโยคที่ตัวเองได้รับในตอนนี้”

สีหน้าของฟู่เค่อเปลี่ยวเหงา “เจ้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ งั้นหรือ? ข้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น พอออกจากประตูไปแล้วก็ยังไม่ต้องพูดอะไร ย้อนกลับไปยังสำนักอวี่หลงทั้งอย่างนี้ คนของเกาะหยกมรกตก็จะจัดการให้ข้าอย่างราบรื่นไร้ช่องโหว่ ถึงขั้นที่ว่ายังรู้สึกซาบซึ้งในตัวเจ้าจากใจจริงที่ช่วยให้เกาะหยกมรกตได้มีความสัมพันธ์ควันธูปส่วนหนึ่งกับข้า นี่ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องที่คนฉลาดควรจะทำ อวี๋ฟู่จิ่งเอ๋ยอวี๋ฟู่จิ่ง โลกทัศน์เจ้ายังไม่กว้างไกลมากพอ มิน่าเล่าถึงได้รนหาที่ตายเช่นนี้”

ฟู่เค่อลุกขึ้นยืน เช็ดมือ หันหน้ามามองคนผู้นั้นที่ตายไปแล้ว “บอกไว้แล้วว่าให้ดื่มเหล้าดีๆ ถ้อยคำเมามายพูดให้น้อยหน่อย แต่เจ้าดันไม่ฟังเอง”

แล้วฟู่เค่อก็ออกจากเกาะหยกมรกตไปทั้งอย่างนี้จริงๆ เขาเดินไปที่ประตูภูเขา แล้วถึงได้เรียกเรือยันต์ออกมา ขี่กลับไปยังสำนักอวี่หลง

ฟู่เค่อนอนอยู่บนเรือยันต์ หลับตาลง นึกถึงเรื่องบางอย่างในอนาคต ยกตัวอย่างเช่นเป็นก่อกำเนิดก่อน แล้วค่อยเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน จากนั้นจึงเป็นเจ้าสำนักอวี่หลง เก็บตำหนักสุ่ยจิ่งของสำนักอวี่หลงที่เป็นหนึ่งในสี่เรือนส่วนตัวขนาดใหญ่ของภูเขาห้อยหัวมาไว้ในกระเป๋าตัวเอง กลายมาเป็นของส่วนตัว แล้วค่อยสวมชุดผ้าแพรย้อนคืนสู่บ้านเกิด ไปยังแจกันสมบัติทวีปเล็กๆ ที่กันดารห่างไกล รับพวกเทพธิดาทั้งหลายที่เดิมทีตนมองเป็นดั่งเทพหญิงบนสวรรค์ให้มาเป็นสาวใช้ที่คอยยกน้ำชาส่งน้ำให้ตน ซูเจี้ยแห่งภูเขาตะวันเที่ยงอะไรนั่น อ้อ ไม่ถูกสิ เทพธิดาผู้นี้เปลี่ยนจากหงส์บนกิ่งไม้มาเป็นไก่ที่เดินบนพื้นดินเนื้อตัวเปรอะเปื้อนดินโคลนแล้ว หากเป็นนางก็ช่างเถิด ต่อให้จะงดงามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ใต้หล้านี้ขาดสตรีที่หน้าตางดงามด้วยหรือ? ขาดแค่ก็คนอย่างฟู่เค่อที่มีปณิธานอยู่ที่การเดินขึ้นสูงสู่สวรรค์เท่านั้น

ฟู่เค่อยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นสูงแล้วกำเป็นหมัดเบาๆ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เซียนกระบี่หญิงแห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่ได้รับโอกาสถูกข้านำมาฟูมฟักเลี้ยงดู ได้ยินมาว่าหลัวเจินอี้ ซือถูเว่ยหรันต่างก็อายุไม่มากเท่าไร หน้าตางดงาม แถมยังต่อสู้ได้เก่ง คือตัวอ่อนเซียนกระบี่หญิงอันดับหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นหากกำแพงเมืองปราณกระบี่เป็นไม้ล้มวานรแยกย้าย ข้าก็จะมีโอกาสให้ฉกฉวยแล้วใช่หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!