ใต้เท้าอิ่นกวานของกำแพงเมืองปราณกระบี่?
ไม่ใช่แม่นางน้อยมัดผมแกละในตำนานผู้นั้นหรอกหรือ? เล่าลือกันว่านางใช้แค่สองหมัดก็สามารถต่อยให้ร่างจริงของปีศาจใหญ่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างแหลกสลายได้แล้ว คือหนึ่งในคนที่สู้รบเก่งที่สุดของกำแพงเมืองปราณกระบี่
เหตุใดถึงเปลี่ยนมาเป็นคนหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นเคยตรงหน้านี้ได้?
เพียงแต่ว่าไม่กล้าพูดอะไร และเวลานี้ก็ได้แต่ต้องเชื่ออีกฝ่ายเท่านั้น
มีเซียนกระบี่นั่งอยู่ด้วยมากมายขนาดนี้ ไม่เหลือพื้นที่ให้คนหนุ่มพูดจาเหลวไหลอยู่แล้ว
หรือควรจะพูดว่าต่อให้ไม่เชื่อก็ได้แต่แสร้งทำเป็นว่าเชื่อ ไม่อย่างนั้นหากถูกกระบี่บินของเซียนกระบี่ทวีปเดียวกันตัดหัวแล้วโยนออกไปจากภูเขาห้อยหัว ความแค้นครั้งนี้จะไปคิดบัญชีกับใคร? หรือจะให้ลากคนมาเป็นพรรคพวก มองอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่มีร่วมกันแล้วพากันไปคิดบัญชีกับกำแพงเมืองปราณกระบี่? อย่าลืมล่ะว่าคนร่วมอาชีพ แต่ไหนแต่ไรมาก็ถือเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว และในความเป็นจริงแล้วการค้าของเรือข้ามฟากทั้งหลายก็มีความขัดแย้งกันเองเรื่อยมา
ผู้ดูแลเฒ่าคนหนึ่งของธวัลทวีปใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ก็ลุกขึ้นยืน ค้อมเอวคารวะอีกฝ่าย ก่อนเอ่ยเนิบช้า “ขอแสดงความยินดีกับเซียนกระบี่เฉินที่ได้รับเกียรติเลื่อนขั้นเป็นใต้เท้าอิ่นกวาน ข้าน้อยแซ่ไต้นามเฮา เป็นผู้ดูแลเรือข้ามฟาก ‘ไท่เกิง’ ของธวัลทวีป ตบะก็ยิ่งไม่มีค่าพอให้พูดถึง กลัวก็แต่ว่าพูดไปแล้วจะสกปรกหูใต้เท้าอิ่นกวาน ผู้น้อยขอบังอาจเอ่ยคำหนึ่ง การปรึกษาหารือกันในวันนี้ ลำพังเพียงแค่ใต้เท้าอิ่นกวานออกหน้าก็ถือว่าเป็นเกียรติใหญ่เทียมฟ้าของพวกเราแล้ว ใต้เท้าอิ่นกวานเป็นผู้ออกคำสั่ง มีหรือที่พวกเราจะกล้าไม่ทำตาม? อันที่จริงไม่จำเป็นต้องรบกวนให้ผู้อาวุโสเซียนกระบี่มากมายขนาดนี้มาเยือน ผู้น้อยโง่เขลาแถมยังสายตาไม่ดี ไม่รู้ถึงสถานการณ์การสู้รบของกำแพงเมืองปราณกระบี่ในทุกวันนี้ รู้เพียงว่าไม่ว่าผู้อาวุโสเซียนกระบี่คนใดก็ตาม ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งบนยอดเขาที่มีพลังพิฆาตสูงสุดในใต้หล้าทั้งสิ้น มาหยุดรั้งรออยู่ที่ภูเขาห้อยหัว ก็ทำให้ออกกระบี่ได้น้อยครั้งลงไปอีก ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
มุมปากของอู๋ฉิวกระตุกขึ้นแล้วถูกเขากดลงไปอีกครั้ง
คำพูดประโยคนี้ของไต้เฮามีทั้งแข็งและอ่อน ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ไม่เสียแรงที่เป็นโอสถทองบนเส้นทางของการฝึกตน เป็นห้าขอบเขตบนบนเส้นทางการค้า
เซียนกระบี่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปหลายทวีปมากมายขนาดนี้ แทนที่จะมาพูดคุยเรื่องการค้าที่ไม่มีเกียรติกับพวกเขา ก็ไม่สู้ไปออกกระบี่สังหารปีศาจที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ยังจะเหมาะสมเสียกว่า
เหมาะสมกับมาดอันองอาจของเซียนกระบี่มากกว่า
อู๋ฉิวรู้สึกว่าคงต้องเห็นแก่ความสัมพันธ์ควันธูปของเรือข้ามทวีป ‘ไท่เกิง’ ครั้งนี้แล้ว เพราะถึงอย่างไรไต้เฮาเสี่ยงอันตรายเปิดปากพูดเช่นนี้ก็เพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ให้แก่เรือข้ามทวีปของอีกแปดทวีปที่เหลือ
หากมีเซียนกระบี่เดือดดาลอยากสังหารคนจริงๆ เขาอู๋ฉิวต้องลงมือขัดขวางเป็นแน่
เซี่ยซงฮวาเซียนกระบี่หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้ดูแลเรือข้ามฟากของธวัลทวีปเลิกคิ้วขึ้นสูง
เจ้าตัวดี ตัวเองรับผิดชอบกิจการของธวัลทวีป แต่ดันกลายเป็นคนแรกที่กระโดดออกมา ‘ถามกระบี่’ ทำลายสถานการณ์อย่างนั้นรึ?
เฉินผิงอันอดทนรับฟังโอสถทองเฒ่าผู้นี้พูดจนจบ สายตาจับจ้องไต้เฮาที่คำพูดเป็นดั่งสำลีซ่อนเข็มอยู่ตลอดเวลา แต่กลับยื่นมือไปทางเซี่ยซงฮวาแล้วกดลงบนความว่างเปล่าสองที บอกเป็นนัยให้นางรู้ว่าไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องเล็ก
เฉินผิงอันพยักหน้าให้ผู้ดูแลโอสถทองเฒ่าแล้วยิ้มเอ่ย “อันดับแรกข้าไม่ใช่เซียนกระบี่ จะใช่ผู้ฝึกกระบี่หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง หากพวกเจ้าสนใจก็สามารถลองเดาดูได้ ข้าเคยนั่งเรือข้ามทวีปมาแล้วหลายลำ รู้ดีว่าการเดินทางไกลข้ามทวีปนั้นเส้นทางยาวไกล หากไม่มีเรื่องให้คลายความอุดอู้บ้างเลยย่อมไม่ได้ อันดับต่อมา เหล่าเซียนกระบี่ที่แท้จริงซึ่งนั่งอยู่ที่นี่ ยกตัวอย่างเช่นเซียนกระบี่เซี่ยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าไต้เฮาควรจะออกกระบี่เมื่อไหร่ เก็บกระบี่เมื่อไหร่ คนนอกสามารถเอ่ยโน้มน้าวด้วยความหวังดีได้ คนดีมีความหวังดี ยินดีเอ่ยถ้อยคำที่มาจากใจจริง ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ไต้เฮา เจ้าเริ่มต้นได้ดีมาก ต่อจากนี้การพูดคุยของพวกเราก็ควรจะเป็นเช่นนี้ เปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดกันได้หมด”
นี่ทำให้พวกผู้ดูแลเรือข้ามฟากหลายคนที่เดิมทีคิดว่าคนหนุ่มจะอับอายจนพานเป็นความโกรธแล้วหาเรื่องทะเลาะให้แตกหักกันไปรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เฉินผิงอันหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนยื่นมือมาเคาะผิวโต๊ะเบาๆ รอยยิ้มไม่ลดน้อยลง “แต่สืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้ว จะควบคุมได้หรือไม่ ก็อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสท่านนั้นของพวกเราก็ไม่เคยควบคุมเหล่าเซียนกระบี่ เพราะอะไร? เหตุผลเรียบง่ายมาก เซียนกระบี่อย่างไรก็เป็นเซียนกระบี่ ทั้งร่างกายจิตใจและกระบี่บินล้วนมีอิสระเสรี ไม่อย่างนั้นจะเป็นผู้นำของสี่ผีใหญ่ตอแยยากบนภูเขาได้อย่างไร นี่ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ค่อยสนใจเงินเทพเซียน หลักการเหตุผลอริยะปราชญ์หรือกฎเกณฑ์ของสำนักอะไรหรอกนะ”
ฝั่งตรงข้ามของป๋ายซีผู้ดูแลเรือข้ามทวีป ‘อ่างกระเบื้อง’ แห่งถ้ำซานสุ่ยฝูเหยาทวีปก็คือเซียนกระบี่เซี่ยจื้อคนทวีปเดียวกันที่มีชาติกำเนิดเป็นผู้ฝึกตนอิสระ
ส่วนฝั่งตรงข้ามผู้ดูแลเรือข้ามฟากของเกราะทองทวีปก็คือซ่งพิ่นเซียนกระบี่หญิงที่ยามแรกดื่มสุราคารวะแล้วค่อยตามมาด้วยสุราลงทัณฑ์
ตรงข้ามของหลิวเสียทวีปคือเซียนกระบี่ผูเหอ นั่นคือคนที่หิ้วคอผู้ดูแลเรือข้ามฟากก่อกำเนิดคนหนึ่งโยนออกไปนอกเรือนชุนฟานเหมือนหิ้วลูกเจี๊ยบ แล้วยังบอกอีกว่าจะพาสหายสองสามคนพกกระบี่ไปพูดคุยเรื่องในวันวานกับหลี่สวิ้นที่ศาลบรรพจารย์
ผู้แทนของเรือข้ามทวีปสามลำนี้ต่างก็เข้าใจความหมายในคำพูดประโยคนี้ของใต้เท้าอิ่นกวานได้ลึกซึ้งอย่างแท้จริง
สีหน้าของเฉินผิงอันเป็นมิตรอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับคนสนิท “ไต้เฮา ความหวังดีของเจ้า แม้ข้าจะรับเอาไว้แล้ว เพียงแต่คำพูดพวกนี้ หากเปลี่ยนมาเป็นคนของทวีปอื่นเป็นคนพูด ดูเหมือนจะดียิ่งกว่า เจ้าเป็นคนพูด กลับดูไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร สองครั้งที่เซียนกระบี่เซี่ยออกกระบี่ ครั้งแรกทำลายรากฐานมหามรรคาของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบเผ่าปีศาจ อีกครั้งหนึ่งทำลายทุกสิ่งอย่างของเผ่าปีศาจขอบเขตหยกดิบทั่วไป จิตวิญญาณของอีกฝ่ายแหลกสลายไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่เสี้ยว ทารกก่อกำเนิดเอย โอสถทองอะไรเอย แน่นอนว่าย่อมไม่เหลืออยู่แล้ว ดังนั้นจึงถือว่าเซียนกระบี่เซี่ยสร้างคุณูปการได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่เพียงแต่จะไม่กลับไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ กลับกันยังจะออกจากภูเขาห้อยหัว กลับบ้านเกิดที่ธวัลทวีปไปพร้อมกับพวกเจ้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ยามที่คนบ้านเดียวกันพูดคุยกันอย่างชื่นบาน เซียนกระบี่เซี่ยไม่ได้บอกเจ้าเลยหรือ?”
เฉินผิงอันหันหน้าไปมองเซี่ยซงฮวา
เซี่ยซงฮวาจ้องไต้เฮาเขม็ง ปากก็เอ่ยว่า “เคยบอกแล้ว คาดว่าเทพเซียนผู้เฒ่าไต้คงลืมไปแล้ว”
เฉินผิงอันโบกมือ ชำเลืองตามองหิมะใหญ่เท่าขนห่านที่ตกอยู่นอกห้องโถงกลางของเรือนชุนฟาน เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร เวลานี้ก็ถือเสียว่าพูดซ้ำอีกรอบ พบเจอคนบ้านเดียวกันในต่างบ้านต่างเมือง นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากนัก ไม่ว่าอย่างไรก็มีค่าพอให้พูดเตือนบ่อยๆ”
ไต้เฮายืนขึ้นมาแล้วก็ไม่กล้านั่งลง คาดว่าต่อให้นั่งลงแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็มกระมัง
“ยืนอยู่ทำไม? ทุกคนต่างก็นั่งกันหมด ยืนอยู่คนเดียวย่อมตกเป็นที่ต้องสงสัยว่าคิดหลุบตาลงต่ำมองเหล่าเซียนกระบี่อย่างดูแคลน”
เฉินผิงอันหุบยิ้ม พูดกับโอสถทองเฒ่าคนนั้น “นั่งลง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!