กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 655

เว่ยเปิ่นหยวนยิ้มเอ่ย “สกุลสวี่มีความสามารถในการหาเงินมาก เพียงแต่ว่าชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไร”

ตอนอยู่นครลมเย็น หลี่เป่าผิงซื้อนิยายรักเกี่ยวกับบัณฑิตและเซียนจิ้งจอกมาบางส่วน รูปเล่มจัดพิมพ์ได้อย่างงดงาม แทบจะไม่แพ้ให้กับการจัดพิมพ์จากเตี้ยนเก๋อเปิ่นของราชวงศ์ในโลกมนุษย์เลย เพียงแต่ไม่แน่เสมอไปว่านางจะเปิดอ่าน เพราะคิดว่าวันหน้าจะเอาไปมอบให้เผยเฉียน เกี่ยวกับเรื่องราวในยุทธภพและภูตประหลาดตามขุนเขาสายน้ำแล้ว อันที่จริงตอนนี้เผยเฉียนไม่ได้มีจินตนาการภาพถึงพวกมันมากสักเท่าไร สู้เผยเฉียนกับหลี่ไหวไม่ได้

หลายปีมานี้นอกจากไปศึกษาต่อที่สำนักศึกษาแล้ว หลี่เป่าผิงก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย นางเคยสอบถามเรื่องการฝึกตนบางอย่างจากหลินโส่วอีและเซี่ยเซี่ย แล้วก็ขอความรู้วิชาหมัดมาจากอวี๋ลู่

แน่นอนว่าทั้งสามคนนี้ต้องบอกทุกเรื่องที่ตัวเองรู้ให้แก่หลี่เป่าผิง

บางครั้งเจอหลี่ไหวกลางทางกลับกลายเป็นว่าพวกเขาคุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อยมากกว่า

แคว้นหูตั้งอยู่ในพื้นที่มงคลถ้ำสวรรค์ที่ปริแตกแห่งหนึ่ง ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่กระจัดกระจาย ถ้อยคำที่บรรยายมีไม่ละเอียดมากพอ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นการสรุปความเอาเอง มิอาจเชื่อถือได้

หลี่เปิ่นหยวนจอดเรือยันต์ตรงทางเข้าแห่งหนึ่ง ที่นั่นคือซุ้มประตูไม้ แขวนกรอบป้ายคำว่า ‘กิ่งสอดผสาน’ กลอนคู่สองฝั่งหายไปเกินครึ่ง กลอนท่อนล่างค่อนข้างสมบูรณ์ คือประโยคที่ว่า ‘บนโลกมีคนลุ่มหลงในรักเพิ่มมาคู่หนึ่ง’ กลอนท่อนบนเหลือเพียงสามคำว่า ‘สถานที่แห่งความอบอุ่น’ มีเรื่องเล่าบอกว่าในอดีตเคยถูกเซียนคนหนึ่งที่เดินทางมาเยือนที่นี่ใช้กระบี่ฟันให้หายไป บ้างก็บอกว่าเป็นหลี่ถวนจิ่งแห่งสวนลมฟ้า แล้วก็มีคนบอกว่าเป็นเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ ส่วนเวลาที่เกิดเรื่องจะตรงกันหรือไม่ ทุกคนก็แค่พูดอย่างสนุกปากเท่านั้น ใครจะคิดเป็นจริงเป็นจัง

ตรงซุ้มป้ายแห่งนี้มีผู้คนเนืองแน่น กระแสผู้คนสัญจรกันขวักไขว่ ส่วนใหญ่เป็นบุรุษ โดยเฉพาะบัณฑิตที่มีอยู่ไม่น้อย เพราะแคว้นหูมีหนึ่งศาลหนึ่งภูเขาที่เล่าลือกันว่าเป็นสองสถานที่ที่มีชะตาบุ๋นเข้มข้น ผู้ที่มาจุดธูปกราบไหว้ขอพรที่นี่จะศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ง่ายที่จะสอบติด ส่วนบัณฑิตยากจนที่จงใจอ้อมเส้นทางมาที่นี่ระหว่างที่เดินทางมาสอบ ด้วยหวังว่าจะหาเงินค่าเดินทางเพิ่มจากแคว้นหูก็มีอยู่เหมือนกัน พวกสาวงามในแคว้นหูขึ้นชื่อว่าชื่นชอบบัณฑิต และยังมีบัณฑิตตกอับอยู่มากมายที่ยินดีจะตายอยู่ในสถานที่แห่งความอบอุ่นแห่งนี้ พวกเขาจะอายุยืนมาก เพราะคำกล่าวที่บอกว่าเซียนจิ้งจอกลุ่มหลงในรักนั้นไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอย ทุกครั้งที่บุรุษผู้เป็นที่รักจากโลกนี้ไป พวกนางส่วนใหญ่ล้วนไม่หวังให้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน แต่ขอให้ได้ตายวันเดือนปีเดียวกัน

คิดจะเดินทางไปท่องเที่ยวแคว้นหู กฎเกณฑ์ของที่นั่นน่าสนใจอย่างมาก จำเป็นต้องเอาบทกวีมาจ่ายเป็นค่าผ่านทาง จะใช้บทร้อยกรอง บทร้อยแก้วหรือบทความที่แต่งตามตามหัวข้อที่เสนอให้ก็ได้ทั้งหมด ขอแค่มีความสามารถมากพอ จะเขียนกลอนคู่วันปีใหม่บทหนึ่งก็ยังได้ แต่หากเขียนบทที่ทำให้เซียนจิ้งจอกผู้ตรวจสอบทั้งหลายรู้สึกว่าแย่จนไม่เข้าตา ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ย้อนกลับไปทางเดิม ส่วนจะขอให้คนอื่นช่วยเขียนให้หรือไม่ก็ไม่มีปัญหาใดๆ

ไม่อาจมอบบทความดีๆ ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่จ่ายเป็นเงินเทพเซียนแล้ว

หลี่เป่าผิงชำเลืองตามองหอเรือนงดงามที่อยู่ห่างจากซุ้มป้ายไปไม่ไกลแล้วขมวดคิ้ว สกุลสวี่นครลมเย็นและแคว้นหูใช้สิ่งนี้มาสะสมโชคชะตาบุ๋น? สะสมจากน้อยเป็นมาก คิดจะทำอะไร? แล้วจะทำอะไรได้บ้าง?

สกุลสวี่นครลมเย็นยอมทำตัวต่ำต้อย ให้บุตรสาวสายตรงแต่งกับบุตรอนุภรรยา แต่ก็ต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลหยวนเสาคานค้ำยันแคว้นต้าหลีให้จงได้ นี่เป็นเพราะว่าสกุลสวี่มีเป้าหมายบางอย่างต่อราชสำนักต้าหลีในอนาคตหรือไม่ คิดอยากจะให้ลูกหลานสกุลสวี่บางคนที่มีความสามารถพอจะแบกรับโชคชะตาบุ๋นยึดครองพื้นที่หนึ่ง แล้วเดินทีละก้าวจนกลายเป็นขุนนางคนสำคัญ สุดท้ายควบคุมการบริหารปกครองส่วนหนึ่งของต้าหลี กลายเป็นแซ่สกุลเสาค้ำยันแคว้นแซ่ถัดไปของต้าหลีหรือไม่?

หลี่เป่าผิงเริ่มคิดถึงการเดินทางไปเยือนเมืองเล็กของแม่ลูกสกุลสวี่นครลมเย็นในปีนั้น ไม่ได้ ต้องถามท่านปู่สักหน่อยว่านอกจากเสื้อเกราะโหวจื่อตัวนั้นแล้ว ปีนั้นแม่ลูกสกุลสวี่ได้ร่ายเวทอำพรางตาเพื่อบดบังแผนการที่แท้จริงบางอย่างเอาไว้ด้วยหรือไม่

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่อาจารย์อาน้อยไม่เคยถือสามาโดยตลอด แต่กลับกลายเป็นปมเล็กๆ อยู่ในใจของหลี่เป่าผิงตลอดมา

นั่นก็คือวานรย้ายภูเขากับเด็กหญิงแห่งภูเขาตะวันเที่ยงคู่นั้น ปีนั้นพวกเขามาขอพักอาศัยอยู่ในบ้านสกุลหลี่ถนนฝูลวี่

หากเรื่องนี้มีเพียงเท่านี้ก็ยังถือว่าดี กลัวก็แต่ว่านี่จะเป็นแผนการร้ายของคนบนภูเขาที่วกไปวนมามากกว่า

คู่พ่อลูกจูเหอจูลู่ พี่รองหลี่เป่าเจิน นี่ถือเป็นสองเรื่องแล้ว เรื่องเดิมไม่ทำซ้ำสาม

เว่ยเปิ่นหยวนควักเงินเกล็ดหิมะออกมาสองเหรียญ แล้วพาหลี่เป่าผิงเดินเข้าไปในแคว้นหูด้วยกัน

ทางฝั่งของหอเรือนมีสตรีโตเต็มวัยคนหนึ่งกำลังนั่งฟุบอยู่บนโต๊ะหนังสืออย่างเกียจคร้าน นางพลันเงยหน้าขึ้นมา อารมณ์เบิกบานลิงโลด รีบส่งกระบี่บินส่งข่าวไปยังห้องกระบี่ของสกุลสวี่นครลมเย็นทันที

เพียงไม่นานกระบี่บินก็บินกลับมา บอกแผนการหยาบๆ อย่างหนึ่ง ถ้อยคำที่ใช้ช่วงท้ายของจดหมายลับไม่ถือว่าอ้อมค้อมนัก บอกกับนางว่าอย่าได้มีความคิดที่ไม่สมควร ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาซานหยา อีกทั้งยังเป็นหลานสาวของก่อกำเนิดตระกูลหลี่ อย่าได้ไปหาเรื่อง ตอนนี้นครลมเย็นอยู่ในรายชื่อตัวสำรองของสำนักอักษรจงแล้ว ห้ามไม่ให้มีปัญหาแทรกซ้อนเกิดขึ้นเด็ดขาด นี่ทำให้สตรีโตเต็มวัยผู้นี้รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก หญิงสาวที่สวมปลอกเล็บยาวมากผู้นี้ฉีกจดหมายลับแผ่นนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้ว่าในใจจะไม่ยินยอม แต่นางก็ยังไม่กล้าขัดคำสั่งของนครลมเย็น จึงได้แต่ฟุบตัวกลับลงบนโต๊ะอย่างเกียจคร้านอีกครั้ง

เถาหยาผู้นั้นไปสร้างกระท่อมฝึกตนอยู่ข้างน้ำตกแห่งหนึ่งของแคว้นหู คำว่าโชควาสนาที่เว่ยเปิ่นหยวนเอ่ยถึงก็คือเถาหยาเดินผ่านน้ำตกโดยบังเอิญ แล้วจู่ๆ ก็มีผ้าทอที่เปล่งประกายแสงเจ็ดสีพลิ้วลงมาบนผิวน้ำ ตามมาด้วยเซียนจิ้งจอกโอสถทองตนหนึ่งที่พุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว หมายจะช่วงชิงโชควาสนากับเถาหยา คาดไม่ถึงว่าจะถูกผ้าทอผืนนั้นทำร้ายจนผิวหนังปริแตก เกือบจะถูกพันขาแล้วกระชากลงไปในบ่อลึก กระทั่งเซียนจิ้งจอกที่อกสั่นขวัญหายหนีไปอย่างกระเซอะกระเซิงแล้ว ผ้าทอก็ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำอีกครั้ง มันค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ชายฝั่ง พอเถาหยาเก็บมันขึ้นมา ตัวมันก็เหมือนรับนางเป็นเจ้านายจึงกลายมาเป็นเข็มขัดหลากสีบนเอวของสาวใช้สกุลเว่ยแห่งตรอกเถาเย่ผู้นี้ ไม่เพียงเท่านี้ ภายใต้การชักนำของมัน เถาหยายังเก็บกิ่งท้อแห้งที่ไม่สะดุดตากิ่งหนึ่งมาได้จากกลางภูเขาลึก พอเอามาหลอมแล้วก็กลายมาเป็นสมบัติอาคมที่ซ่อนตัวอย่างลึกล้ำชิ้นหนึ่ง

เวลาเพียงชั่วข้ามคืนเถาหยาก็กลายมาเป็นคนที่โชคดีที่สุดในช่วงระยะเวลาหลายร้อยปีของแคว้นหู

ในอาณาเขตแคว้นหูห้ามทะยานลมเดินทางไกล แล้วก็ห้ามนั่งโดยสารเรือข้ามฟาก ได้แต่เดินเท้าอย่างเดียวเท่านั้น โชคดีที่ทางเข้าแคว้นหูมีอยู่สามจุด เว่ยเปิ่นหยวนเลือกประตูใหญ่ที่อยู่ใกล้กับแม่หนูเถาหยามากที่สุด ดังนั้นจึงเช่ารถม้าหนึ่งคัน แล้วยังเช่าม้าหนึ่งตัวให้แม่หนูผิง คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีของรถม้า ส่วนอีกคนหนึ่งที่ขี่ม้าห้อยดาบไว้ตรงเอวก็เดินๆ หยุดๆ คอยชมทัศนียภาพไปพลาง ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อเกินไป

พอไปถึงน้ำตกที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของภูเขา เถาหยาที่เผยความงดงามของสตรีอย่างเต็มที่แล้ว ยามที่ได้พบกับหลี่เป่าผิงในตอนนี้ก็ยังต้องรู้สึกละอายใจที่สู้ไม่ได้

ผลคือพอคนทั้งสามดื่มชาร่วมกัน หลี่เป่าผิงที่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเสร็จก็ลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวกลับ บอกว่านางจะเดินทางกลับเหนือ ไปหาเพื่อนคนหนึ่งที่เมืองหลวงต้าหลี ส่วนม้าตัวที่ทิ้งไว้ริมลำธารของหุบเขาก่อนหน้านี้ก็ให้ปล่อยไปได้เลย มันเดินทางผ่านขุนเขาสายน้ำนับพันนับหมื่นมาพร้อมกับนางตลอดทางก็ถึงเวลาที่ควรจะพักผ่อนได้แล้ว

เว่ยเปิ่นหยวนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เถาหยาก็รับมือไม่ทันอยู่บ้าง

เว่ยเปิ่นหยวนถาม “เปลี่ยนมาใช้ม้าที่อยู่ตีนเขาแทนหรือ?”

หลี่เป่าผิงตบหัวตัวเอง ยิ้มเอ่ยว่า “ลืมบอกท่านปู่เว่ยไป ทุกวันนี้ข้าเองก็เป็นผู้ฝึกลมปราณแล้ว ขอบเขตไม่สูง แต่สามารถทะยานลมได้”

หลี่เป่าผิงเอ่ยเสริมมาอีกประโยค “ขี่กระบี่ก็ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วข้าไม่ค่อยชอบเท่าไร บนฟ้าลมแรง พอพูดเมื่อไหร่จะต้องอมลมจนปวดแก้มไปหมด”

ผู้เฒ่ากับเถาหยาหันมามองหน้ากันเอง

หลี่เป่าผิงคิดแล้วก็บอกตามตรงอย่างไม่ปิดบัง “มีกระดาษพวกนั้นอยู่ ตัวอักษรบนกระดาษใกล้ชิดกับข้า ถือว่าพอจะจำแลงมาเป็นเรือยันต์ลำหนึ่งได้ เพียงแต่ว่าอาจารย์เหมาไม่อยากให้ข้าเอาออกมาใช้ง่ายๆ”

เว่ยเปิ่นหยวนกล่าวอย่างอ่อนใจ “ยังมีอีกไหม?”

หลี่เป่าผิงส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว แค่เรียนวิชาหมัดบางส่วนมาจากสหาย ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตทะยานลมจริงๆ เสียหน่อย ไม่อาจใช้เรือนกายที่เปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณออกเดินทางไกลได้”

เว่ยเปิ่นหยวนลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นก็ให้เถาหยาส่งเจ้าออกไปจากแคว้นหู ไม่อย่างนั้นท่านปู่เว่ยก็ไม่วางใจจริงๆ”

ขอบเขตของเถาหยาอาจจะสู้ผู้เฒ่าไม่ได้ แต่เถาหยามีวัตถุแห่งชะตาชีวิตสองชิ้นที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ได้ทั้งป้องกันและโจมตี จึงสามารถมองนางเป็นผู้ฝึกตนโอสถทองคนหนึ่งได้แล้ว

หลี่เป่าผิงยิ้มกล่าว “ช่างเถิด ไม่ถ่วงเวลาการฝึกตนของพี่หญิงเถาหยาดีกว่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!