กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 671

ในนครที่อยู่ทางทิศเหนือ นับว่าหาได้ยากที่เยี่ยนหมิงจะกลับจวน เขานั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ในห้องหนังสือ ภูตน้อยที่เชี่ยวชาญด้านการคิดบัญชีตนนั้นกำลังพลิกเปิดสมุดบัญชีแต่ละหน้าพลางบ่นบุรุษไปด้วยว่า รายรับของตระกูลสู้รายจ่ายไม่ได้ ใครเขาทำการค้ากันแบบนี้บ้าง จะต้องไปร้องทุกข์กับอิ่นกวานหนุ่มคนนั้นสักหน่อย ไม่อย่างนั้นตระกูลเยี่ยนจะกลายเป็นคนยากจนจริงๆ แล้ว เจ้าตัวน้อยที่เป็นภูตยุคโบราณนั่งแปะลงบนสมุดบัญชีเล่มหนึ่ง แหงนหน้าถามว่า “วัตถุจื่อชื่อชิ้นนั้นจะไม่เอากลับคืนมาจริงๆ หรือ? วัตถุจื่อชื่อไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไปนะ จะทำเฉยแบบนี้ไม่ได้ จะดีจะชั่วใต้เท้าอิ่นกวานก็ต้องมีคำอธิบายให้ตระกูลเยี่ยนของพวกเราบ้าง”

เยี่ยนหมิงลืมตาขึ้น ยิ้มกล่าว “ยาก”

ก่อนหน้านี้ตอนที่ปรึกษาธุระอยู่ในเรือนชุนฟาน เฉินผิงอันเองก็เป็นฝ่ายพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ตอนที่เขาตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ล้อมสังหารของผู้ฝึกกระบี่ห้าคนจากกระโจมเจี่ยเซิน ได้ถูกปีศาจใหญ่บนบัลลังก์เล่นงานเสียจนอนาถ เดือดร้อนให้วัตถุจื่อชื่อต้องถูกทำลายเสียหายไปด้วย เขาจะต้องซ่อมแซมก่อนถึงจะเอามาคืนให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะดูไร้คุณธรรมเกินไป

เยี่ยนหมิงคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับอีกฝ่าย

เยี่ยนจั๋วเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา พอเข้ามาในห้องแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไร เขายังคงกลัวบิดาอยู่เหมือนเดิม

ในความเป็นจริงแล้วเยี่ยนหมิงเองก็ไม่ถนัดที่จะพูดคุยกับบุตรชายเท่าไรนัก และเจ้าประมุขตระกูลเยี่ยนยามที่ไม่พูดจาก็มีบารมีน่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด ภูตน้อยจึงกระแอมติดๆ กัน ขยิบตาส่งให้แรงๆ

เยี่ยนหมิงถึงได้เอ่ยว่า “ฟังอาเหลียงพูดจาเหลวไหลให้น้อยหน่อย อันที่จริงนับแต่เด็กมาหน้าตาเจ้าก็เหมือนข้ามาโดยตลอด ขอแค่ผอมกว่านี้สักหน่อย หน้าตาก็ย่อมไม่แย่”

เยี่ยนจั๋วเพิ่งจะนั่งลงบนเก้าอี้ เก้าอี้ก็ส่งเสียงแอดขึ้นมาทันที

ภูตน้อยที่อยู่บนสมุดบัญชีกุมท้องหัวเราะก๊าก

เยี่ยนหมิงเองตอนแรกก็ขึงหน้านิ่ง เพียงแต่สุดท้ายทนไม่ไหวหลุดหัวเราะเหมือนกัน

เยี่ยนจั๋วเกาหัว ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร บิดาที่เป็นเช่นนี้ ทำให้เขาปรับตัวไม่ทันสักเท่าไร

ในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง ข้างป้ายศิลาที่เอียงกะเท่เร่ มีเด็กสองคนกำลังนั่งยองง่วนทำงานในมือ พวกเขาก็คือเฝิงคังเล่อกับเถาป่านที่รับหน้าที่เป็นลูกจ้างของร้านเหล้า เถ้าแก่รองถ่ายทอดวิชาคัดลอกศิลาให้พวกเขา สิ่งของที่จำเป็นที่ต้องใช้ในการคัดลอกล้วนเอามาให้พวกเขาหมดแล้ว จากนั้นก็ให้เด็กทั้งสองรับหน้าที่มาช่วยคัดลอกศิลาแทนเพื่อหารายได้ หลังจบเรื่องจะคิดเงินตามตัวอักษร ขอแค่เท้าวิ่งได้เร็วพอ มือไม้คล่องแคล่วมากพอก็จะได้เงินเหรียญทองแดงมาไม่น้อย ยามกินบะหมี่หยางชุนยังสามารถเพิ่มไข่ดาวได้ด้วย

เฝิงคังเล่อบอกว่าจะเรียนรู้การเป็นร้านผ้าห่อบุญอย่างเฉินผิงอัน เดินทางไปทั่วทิศเพื่อเก็บของผุๆ พังๆ มาแลกเป็นเงิน ถึงเวลานั้นไหเงินใบนั้นของเขาคงไม่พอให้ใช้แล้ว ต้องเปลี่ยนเป็นใบใหญ่กว่าเดิม

เถาป่านบอกว่าวันหน้าเขาเองก็จะเปิดร้านเหล้าที่กิจการดีมากๆ ร้านหนึ่ง ไม่เป็นลูกจ้างแล้ว แต่จะเป็นเถ้าแก่ ทุกวันไม่ต้องทำงาน แค่รอเก็บเงินอย่างเดียวพอ

เด็กสองคนง่วนทำงานพลางซุบซิบคุยกันไปด้วย ต่างคนต่างก็พูดถึงความฝันที่อยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้า

ท่ามกลางตัวอักษรใหญ่บนกำแพงเมืองของกำแพงเมืองปราณกระบี่ที่หันหน้าเข้าหาสนามรบ อินเฉินผู้ฝึกกระบี่เฒ่านั่งอยู่บนเบาะรองนั่งใบหนึ่งที่ถูกเสียดสีจนเสียหายอย่างหนัก ชีวิตนี้ไร้ญาติขาดมิตร ไร้ห่วงผูกคอ ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร

เซียนกระบี่ซุนจวี้เฉวียนถอดรองเท้านั่งอยู่ในระเบียงบ้านตัวเอง เอนหลังพิงพนังรายล้อมด้วยกลิ่นกำยาน ในมือถือถ้วยเหล้าดื่มสุราอยู่กับตัวเอง ชายแขนเสื้อลากระพื้น มีสาวงามกระดาษยันต์ที่เรือนกายอรชรอ้อนแอ้นกำลังร่ายรำอยู่ในระเบียง งดงามน่ามอง

เซียนกระบี่กวอเจวี้ยมองดูบุตรสาวที่ก้มหน้าก้มตาพุ้ยข้าว ภรรยาของเขาคอยพร่ำบอกให้นางกินช้าๆ หน่อย ไม่มีใครมาแย่งหรอก ทำท่าราวกับผีหิวโหยมาเกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น ไม่มีความเป็นกุลสตรีบ้างเลย วันหน้าจะออกเรือนได้อย่างไร หรือจะต้องกลายเป็นสาวแก่อย่างต่งปู้เต๋อถึงจะพอใจ?

กวอจู๋จิ่วเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบหุบยิ้ม ทำแก้มป่อง

ลี่ไฉ่ที่ซื้อเรือนถิงอวิ๋นมาได้ออกมาเดินเล่นนอกเรือน เดินมาถึงด้านนอกประตูคลังเจี่ยจ้างที่ไร้ผู้คน

หลังจากที่เจ้าสำนักหานไหวจื่อรบตายไป พวกผู้ฝึกกระบี่ของสำนักกระบี่ไท่ฮุยก็พากันออกจากเรือนที่เป็นของพวกเขาหลังนี้ หวนกลับคืนไปยังใต้หล้าไพศาล

ลี่ไฉ่ยืนอยู่ที่เดิม มีครั้งหนึ่งเคยมาเป็นแขกที่คลังเจี่ยจ้าง ตอนที่ผู้อาวุโสหานไหวจื่อยังมีชีวิตอยู่เคยยิ้มเอ่ยกับนางว่า ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงมีผู้ฝึกกระบี่หญิงอยู่มากมาย ทว่าสำนักกระบี่ไท่ฮุยกลับมีบุรุษเยอะจึงต้องกลัดกลุ้มเรื่องหาคู่บำเพ็ญเพียร วันหน้าทั้งสองฝ่ายสามารถแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันได้ ตอนนั้นพวกผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ในศาลบรรพจารย์ของสำนักกระบี่ไท่ฮุยล้วนเป็นคนหนุ่มรูปงามมากความสามารถกันทั้งนั้น แต่ละคนพากันหันมามองเจ้าสำนักทะเลสาบกระบี่ฝูผิงอย่างนางตาปริบๆ ลี่ไฉ่จึงตอบตกลง บอกว่าวันหน้าจะต้องจับคู่ชายหนุ่มหญิงสาวของสองสำนัก ให้พวกเขาได้มีโอกาสเดินทางไปหาประสบการณ์ร่วมกันให้มาก ถึงเวลานั้นขอแค่ทั้งสองฝ่ายเจ้ายินยอมข้าพร้อมใจ นางลี่ไฉ่ก็ยินดีจะเป็นผู้เฒ่าจันทราช่วยสานด้ายแดงให้

ลู่จือที่เรือนกายผอมสูง อันที่จริงรูปโฉมของนางถือว่าธรรมดา แต่สาเหตุเพราะอาเหลียง จึงกลับกลายเป็นว่าอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นโฉมสะคราญของกำแพงเมืองปราณกระบี่

ที่จวนส่วนตัวของลู่จือ ถัวเหยียนฮูหยินกำลังต้มชา ภูตห้าขอบเขตบนที่เพิ่งมอบสวนดอกเหมยไปให้คฤหาสน์หลบร้อนผู้นี้ ลู่จือเห็นนางเป็นสหายที่เท่าเทียมกัน เพียงแต่ว่าการกระทำและคำพูดของถัวเหยียนฮูหยินยามอยู่ในเวลาส่วนตัวกลับยังคงเรียกตัวเองว่าบ่าวอย่างอ่อนน้อม เวลานี้นางคุกเข่าอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ สองมือยื่นส่งถ้วยชาใบหนึ่งไปให้อาจารย์ลู่

ถัวเหยียนฮูหยินถามเสียงเบา “ก่อนหน้านี้มีการเรียกรวมเหล่าเซียนกระบี่โดยมีอาจารย์ลู่เป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือ?”

ลู่จือส่ายหน้า

ถัวเหยียนฮูหยินจึงไม่ถามต่ออย่างรู้อะไรควรไม่ควร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!