หลังจากนั้นมาเผยเฉียนก็ยืนเอาสองแขนกอดอก ตีหน้าเคร่งมองหลี่ไหวอยู่ตลอดเวลา
หลี่ไหวซื้อของอีกสองอย่างมาอย่างหวาดหวั่นและระมัดระวัง
กลับไปถึงห้องของเผยเฉียน ของชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ล้วนถูกหลี่ไหววางไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง เผยเฉียนเปิดสมุดบัญชีใหม่เอี่ยมเล่มหนึ่งแล้วตบลงบนโต๊ะ “หลี่ไหว! เบิกตาสุนัขของเจ้าให้กว้าง เจ้าซื้อของไร้ประโยชน์ชิ้นใดมาในราคาใดบ้าง ข้าล้วนจดลงบัญชีของเจ้าไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากตอนที่พวกเรากลับบ้านเกิดแล้วมันยังอยู่ในมือของพวกเราทั้งหมด คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!”
หลี่ไหวร้อนใจจนยกสองมือเกาหัว
เผยเฉียนเหล่ตามอง
หลี่ไหวรีบวางมือลงทันที บอกกับตัวเองเงียบๆ ว่าจะแสดงความขี้ขลาดออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากซื้อของจริงมาก็ต้องถูกเผยเฉียนมองเป็นของปลอมอยู่ดี การเดินทางไกลของตนครั้งนี้เพิ่งจะออกจากบ้านมาเอง จะเอาแต่ทำตัวเป็นลูกสมุนให้เผยเฉียนไม่ได้ ดังนั้นหลี่ไหวจึงนั่งลงบนเก้าอี้ เป่าลมใส่ที่ล้างพู่กันเครื่องกระเบื้องเบาๆ แล้วเช็ดถูอย่างละเอียด แอบพูดกับเซียนบนแพไม้ไผ่ที่อยู่บนที่ล้างพู่กันว่า พี่ชายๆ ฮึดสู้สักหน่อย ต้องช่วยๆ กันนะ ไม่เอากำไรก็ได้ แต่ห้ามขาดทุนเด็ดขาดเชียว หากทำให้เผยเฉียนต้องขาดทุน นายท่านใหญ่หลี่ไหวของเจ้าก็จบเห่แน่แล้ว มีวาสนาอยู่ห่างพันลี้ยังได้มาพบเจอกัน ฝึกบำเพ็ญตบะร้อยปีจึงได้มาอยู่บนเรือข้ามฟากลำเดียวกัน พี่ชายน้องชายและพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ พวกเราก็มีคุณธรรมในยุทธภพกันให้มากหน่อย พบเจอด้วยดีจากลาด้วยดี ให้มีแต่เรื่องดีๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ หาเงินกันอย่างปรองดองเถอะนะ…
หลี่ไหวชูที่ล้างพู่กันขึ้นสูง ตรงก้นเครื่องกระเบื้องประหลาดอย่างมาก ไม่ได้สลักชื่อแคว้นและรัชสมัยเอาไว้ แต่สลักกลอนโบราณบทหนึ่งว่า ‘นั่งแพไปรับแขกเทพเซียน เคยไปถึงข้างสามดวงดาว’
หลี่ไหวเอ่ย “กลอนบทนี้ไม่เคยอ่านเจอในตำราเลยนะ”
เผยเฉียนจดบัญชีพลางพูดไปด้วย “เจ้าอ่านตำรามาสักกี่เล่มกัน?”
หลี่ไหวไร้คำพูดตอบโต้
เผยเฉียนวางพู่กันลง พูดอย่างเป็นกลางไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับส่วนรวม “หากทำการค้าแล้วขาดทุนก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด ข้าเองก็มีความผิดครึ่งหนึ่ง”
หลี่ไหวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
เผยเฉียนคิดดูแล้วก็หยิบยันต์ที่มัดเป็นปึกขึ้นมาแล้วเริ่มคลายเงื่อนตายของเชือกสีแดงนั้นออก คิดไม่ถึงว่าจะกินแรงไม่น้อย นางต้องแกะอยู่พักใหญ่กว่าจะคลายปมนั้นได้อย่างไม่ง่ายนัก เอาเชือกแดงที่คิดไม่ถึงว่าจะยาวถึงจั้งกว่าๆ วางไว้ด้านข้าง วัสดุของยันต์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเผยเฉียน นางดึงเอากระดาษยันต์สีเหลืองที่อยู่หน้าและหลังสองแผ่นออกมาก่อน ล้วนเป็นกระดาษยันต์ที่ธรรมดาที่สุด ไม่ใช่กระดาษหวงซีที่พวกเซียนซือพกไปยามขึ้นเขาลงห้วย แต่ยันต์นี้มาจากฝีมือของผู้ฝึกลมปราณคือเรื่องจริง ไม่อย่างนั้นลำพังเพียงแค่ว่านี่เป็นยันต์กระดาษหวงซีที่สมบูรณ์ปึกใหญ่ซึ่งไม่ต้องพูดถึงว่าฟูมฟักแสงวิเศษของแก่นยันต์ออกมาได้หรือไม่ ก็ถือว่ามีมูลค่ามากแล้ว เงินร้อนน้อยหลายเหรียญก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะซื้อมาได้ มีหรือจะตกมาอยู่ในมือของพวกเขา
ผลคือพอเผยเฉียนดึงเอากระดาษยันต์หัวท้ายออกไปอีกสองแผ่น แล้วคลี่กระดาษยันต์ปึกนั้นออกมา นางก็ต้องปากอ้าตาค้าง
หลี่ไหวรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงหัวทั้งที่ท้องฟ้าแจ่มใส่ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจราวกับว่าเคลื่อนทัพออกศึกไม่ทันคว้าชัย ตัวกลับต้องมาตายเสียก่อน ทำไมคนต่างถิ่นเหล่านี้ถึงยังเป็นเทพเซียนบนภูเขาได้นะ ไยไม่มีความซื่อบริสุทธิ์เหมือนคนที่บ้านเกิดเลยสักนิด?!
ยันต์ปึกใหญ่นอกจากสี่แผ่นก่อนหน้านี้ที่วาดอักขระยันต์เอาไว้แล้ว แผ่นที่เหลือล้วนเป็นเพียงกระดาษยันต์ว่างเปล่าที่ไม่มีค่าพอให้พูดถึง
เผยเฉียนพึมพำเบาๆ ว่าจริงด้วย จริงด้วย การค้าบนภูเขา แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างจากการค้าในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดตามตรอกเล็กถนนใหญ่ของเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนในอดีตเลยแม้แต่น้อย
เผยเฉียนใช้สองมือถูข้างแก้มอย่างแรงพักใหญ่ สุดท้ายก็ทอดถอนใจเอ่ยว่า “ช่างเถิด บอกไปแล้วว่าผิดกันคนละครึ่ง เงินเกล็ดหิมะสามสิบห้าเหรียญนี้ล้วนคิดลงบัญชีของข้าแล้วกัน”
กางสมุดบัญชีออกอีกครั้ง แม้ว่าจะยกพู่กันขึ้นเขียนตัวอักษร แต่เผยเฉียนกลับหันหน้าไปจ้องหลี่ไหวเขม็งอยู่ตลอดเวลา
หลี่ไหวถามอย่างระมัดระวังว่า “ไปด่าร้านซวีเฮิ่นกันไหม?”
เผยเฉียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คนเขาไม่ได้บังคับซื้อสักหน่อย จะไปด่าเขาได้ยังไง!”
เผยเฉียนปิดสมุดบัญชี เอนหลังพิงเก้าอี้ ทั้งคนทั้งเก้าอี้โยกตัวไปพร้อมกัน พูดพึมพำกับตัวเองว่า “เรื่องที่ขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากฟ้า ไม่มีจริงหรอก”
พอเผยเฉียนพูดถึงขนมเปี๊ยะ หลี่ไหวก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะเริ่มคิดถึงเกี๊ยวไส้เนื้อหมูผักกาดขาวของบ้านตัวเองขึ้นมาแล้ว ต่อให้เป็นไส้ผักขึ้นฉ่าย ไม่มีเนื้อ ก็ยังอร่อย
พอคิดถึงว่าตนออกเดินทางครั้งนี้ ยังไม่ทันถึงอุตรกุรุทวีปก็ต้องแบกหนี้ใหญ่เทียมฟ้าราคาครึ่งเหรียญเงินร้อนน้อยเอาไว้แล้ว หลี่ไหวก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก
เผยเฉียนเอ่ย “เอาเถอะๆ เดิมทีเงินร้อนน้อยเหรียญนั้นก็หล่นลงมาจากฟ้าอยู่แล้ว ของเหล่านี้มองดูแล้วนับว่ายังพอใช้ได้ ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่มีทางให้เจ้าซื้อมาหรอก ตามกฎเดิม แบ่งกันคนละครึ่งแล้วกัน”
ที่ล้างพู่กันเครื่องกระเบื้องเซียนนั่งแพไม้ไผ่ ม้วนภาพจิ้งจอกกราบดวงจันทร์ กล่องเก็บอุปกรณ์ห้องหนังสือไม้ถานเก่าแก่ที่แถมสิงโตสามสีมาหนึ่งคู่ ที่ทับกระดาษลักษณะคล้ายกู่ฉินโบราณลายพระอาทิตย์ตกดินชิ้นหนึ่ง แท่นฝนหมึกรูปเซียนประคองจันทร์เมามาย ถ้วยลายมังกรไล่ตามไข่มุกสีเขียวใบหนึ่ง
บอกตามตรง สามารถใช้เงินร้อนน้อยแค่เหรียญเดียวซื้อ ‘วัตถุตระกูลเซียน’ มากมายขนาดนี้มาจากร้านค้าตระกูลเซียนแห่งหนึ่งบนเรือข้ามฟากได้ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
เผยเฉียนฟุบตัวลงบนโต๊ะ พินิจมองที่ทับกระดาษกู่ฉินอย่างละเอียด ส่วนหลี่ไหวกำลังมองภาพจิ้งจอกกราบไหว้ดวงจันทร์ คนทั้งสองแหงนหน้าขึ้นสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นก็ยิ้มกว้าง
บางทีสิ่งของทั้งหลายที่อยู่บนโต๊ะเหล่านี้อาจไม่มีราคาค่างวด แน่นอนว่าไม่พูดถึงกระดาษยันต์ปึกนั้นที่ถูกเผยเฉียนโยนเข้าหีบหนังสือไปแล้ว แต่อันที่จริงพวกเขาต่างก็ชอบพวกมันมาก
ไปถึงท่าเรือของชายหาดโครงกระดูก ก่อนจะลงจากเรือ เผยเฉียนพาหลี่ไหวไปบอกลาผู้ดูแลซูและเถ้าแก่หวงด้วยกัน
เถ้าแก่หวงหัวเราะร่าหยิบเอาของขวัญก่อนจากมาให้ชิ้นหนึ่ง บอกว่าห้ามปฏิเสธ ข้ากับอาจารย์พ่อของเจ้าเป็นสหายต่างวัยกัน ตามหลักแล้วก็ควรรับไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเผยเฉียนก็ไม่ยอมรับไว้ บอกแค่ว่าวันหน้ารอให้ร้านซวีเฮิ่นไปเปิดกิจการที่ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวเมื่อไหร่ นางจะมอบของขวัญเปิดร้านเล็กๆ เท่าที่ความสามารถของตัวเองจะหามาได้ไปให้ก่อน จากนั้นจะทำหน้าหนาขอหงเปาซองใหญ่ๆ จากท่านปู่หวง เถ้าแก่หวงหัวเราะปากกว้างจนหุบไม่ลง เอ่ยปากรับคำนาง
ไม่เพียงเท่านี้ เผยเฉียนยังหยิบของขวัญที่พี่หญิงหน่วนซู่เตรียมไว้ให้ออกมา เป็นกระดาษจดหมายงามประณีตที่ทำมาจากใบไผ่ชิงจู๋ที่เว่ยซานจวินแห่งภูเขาพีอวิ๋นเป็นผู้ปลูกเอง มอบให้กับผู้ดูแลเรือผู้เฒ่าทั้งสองท่าน
บนใบไผ่เขียนบทกลอนบางอย่างเอาไว้ หากไม่ใช่ลายมือของห่านขาวใหญ่ก็เป็นลายมือของพ่อครัวเฒ่า เผยเฉียนรู้สึกว่ารวมๆ กันแล้ว ตัวอักษรพวกนี้ยังไม่สวยเท่าลายมือของอาจารย์พ่อเลย ก็แค่พอดูได้กระมัง
โชคดีที่ผู้เฒ่าทั้งสองต่างก็รับไว้ด้วยรอยยิ้ม พวกเขาต่างก็มองผ่านๆ แวบหนึ่ง จากนั้นก็มองซ้ำอีกสองสามที เป็นการกระทำที่เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เผยเฉียนยังกังวลว่าอยู่ต่อหน้านางพวกเขายอมรับไว้ก็จริง แต่พอหมุนตัวแล้วจะโยนมันทิ้งไป แต่ดูจากท่าทางนี้ก็คงไม่ทำเช่นนั้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!