ใต้หล้าแห่งที่ห้า ช่องโพรงแห่งหนึ่งบนม่านฟ้าที่เปิดอ้ามีนักพรตหนุ่มสองคนเดินออกมา คนหนึ่งสวมกวานดอกบัว อีกคนหนึ่งสวมชุดถ้ำเซียนสวรรค์ สวมกวานหย่วนโหยว สวมรองเท้าอวิ๋นลวี่ปักลายเมฆ มองดูเหมือนทั้งสองฝ่ายอายุไม่ต่างกันเท่าใด ฝ่ายแรกเป็นผู้พิทักษ์มรรคาให้ฝ่ายหลังในนาม แต่อันที่จริงเพราะคร้านจะออกไปสังหารเทวบุตรมารนอกโลกที่ฟ้านอกฟ้าต่างหาก
นักพรตจากใต้หล้ามืดสลัวจำเป็นต้องสวมชุดที่ตัดเย็บตามระเบียบ มิอาจล้ำเส้นได้แม้แต่นิดเดียว ทว่าวัตถุสองอย่างเช่นกวานหย่วนโหยวและรองเท้าอวิ๋นลวี่กลับเป็นข้อยกเว้น ไม่ได้ยึดติดกับสายเต๋า สำนักหรือชาติกำเนิด ขอแค่ได้รับทำเนียบวงศ์ตระกูลจากลัทธิเต๋า นักพรตก็สามารถสวมกวานเต๋าและรองเท้าอวิ๋นลวี่นี้ได้ เล่าลือกันว่าเป็นกฎที่มรรคาจารย์เต๋าตั้งเอง นักพรตเต๋าต้องมานะฝึกตน ออกเดินทางไกลไปเยือนขุนเขาสายน้ำ บำเพ็ญตบะสร้างคุณธรรม แสวงหาความสะอาดบริสุทธิ์
หลังจากที่ม่านฟ้าเปิดออก นักพรตหนุ่มสวมกวานดอกบัวก็เริ่มปลุกเสกตราผนึกให้กับประตูใหญ่ด้านหลังของตน ใช้ปลายนิ้ววาดยันต์ลงบนความว่างเปล่า
นอกจากสำนักตระกูลเซียนใหญ่หลายสิบแห่งซึ่งมีป๋ายอวี้จิง อารามเสวียนตูและตำหนักสุ้ยฉูเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว สำนักที่เหลือทุกแห่งล้วนมีจำนวนรายชื่อที่แน่นอนในการส่งคนเข้ามาฝึกตนหาประสบการณ์ในใต้หล้าใหม่แห่งนี้ นับแต่นี้ไปก็มาแตกกิ่งก้านสาขาในฟ้าดินต่างบ้านต่างเมือง ก่อสำนักตั้งพรรคเป็นผู้ปกครองด้วยตัวเอง
ครั้งนี้ลัทธิขงจื๊อเป็นผู้ออกแรงบุกเบิกใต้หล้าแห่งที่ห้าเพียงลำพัง ตามหลักแล้วก็ควรจะให้ศาลบุ๋นได้ยึดครองพื้นที่แห่งนี้ไปฝ่ายเดียว ใต้หล้าแห่งอื่นอย่างมากก็แค่มาช่วยเป็นกำลังเสริมเท่านั้น แต่ว่าทางฝั่งของศาลบุ๋นแผ่นดินกลางกลับอนุญาตให้ใต้หล้ามืดสลัวและใต้หล้าบงกชมาเปิดประตูที่นี่กันคนละบาน ผู้ฝึกตนที่ขอบเขตต่ำกว่าห้าขอบเขตบนขึ้นไป ภายในเวลาหนึ่งร้อยปีต่างก็ได้รับอนุญาตให้ทยอยเข้ามาเยือนที่แห่งนี้ได้ แต่จำนวนคนต้องห้ามเกินสามพันคน หากคนเต็มเมื่อไหร่จะต้องปิดประตูทันที หนึ่งร้อยปีให้หลังค่อยคลายตราผนึกอีกครั้ง ส่วนถึงเวลานั้นสภาพการณ์จะเป็นอย่างไรก็ต้องรอให้สามฝ่ายอย่างศาลบุ๋น ป๋ายอวี้จิงและดินแดนพุทธะสามแห่งปรึกษากันให้ดีเสียก่อน
นักพรตน้อยคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูใหญ่บานนั้น เขากวาดตามองไปรอบด้าน ตรงเอวห้อยกลองป๋องแป๋งห้าสีเอาไว้อันหนึ่ง ด้านหลังแบกน้ำเต้าสีทองขนาดใหญ่ยักษ์ไว้เอียงๆ
นักพรตหนุ่มที่สวมกวานหย่วนโยวคารวะนักพรตน้อย ฝ่ายหลังกลับโบกมือ พูดเหมือนคนแก่ว่า “ไม่ได้อยู่สายเดียวกัน อีกทั้งอาจารย์ของเจ้าและอาจารย์ของข้าต่างก็เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ทุกวันนี้ยังทะเลาะกันอยู่ในถ้ำสวรรค์เหลียนฮวา หากพวกเราสองคนสนิทกันจะดูไม่เหมาะสม วันหน้าหากต้องกลายมาเป็นศัตรู ต้องฆ่าแกงกันเอาเป็นเอาตายกลับจะลงมือได้ไม่ง่ายนัก”
นักพรตที่ใช้มือวาดยันต์ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ถึงอย่างไรก็ไม่ได้อยู่ในป๋ายอวี้จิง พวกเราคุยกันได้ไม่มีปัญหา หากมีคำถามก็ถามได้ตามสบาย”
นักพรตน้อยจึงถามว่า “เหตุใดศาลบุ๋นถึงยอมให้ผู้ฝึกตนจำนวนหกพันคนของสำนักอื่นเข้ามาช่วงชิงโชควาสนากับตัวเองในที่แห่งนี้? หากอริยะของลัทธิขงจื๊อคอยจับตามองอยู่ตลอด ต่อให้ป๋ายอวี้จิงของพวกเจ้าสามารถใช้วิธีการหลบๆ ซ่อนๆ ย้ายตัวคนที่ต้องการมาที่นี่ได้ แต่ถึงอย่างไรจำนวนคนก็มีจำกัด ยิ่งไม่กล้าขยับขยายพื้นที่อิทธิพลอย่างกำเริบเสิบสาน เวลานานเข้า คิดดูแล้วผู้ฝึกตนของใต้หล้าไพศาลที่สามารถหยัดยืนในก้าวแรกได้อย่างมั่นคงย่อมต้องช่วงชิงฟ้าอำนวยดินอวยพรคนสามัคคีไปได้ก่อน ใต้หล้าอีกสองแห่งที่เหลือจะยังมาแย่งชิงถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลทั้งหลายที่เหมาะแก่การฝึกตนกับใต้หล้าไพศาลได้อย่างไร?”
คนทั้งสามก็คือเจ้าลัทธิสามแห่งป๋ายอวี้จิง ลู่เฉิน ศิษย์น้องเล็กของเขาที่มีชื่อสามัญว่าเถียนซานชิง ทว่าในทำเนียบของป๋ายอวี้จิงกลับใช้อีกชื่อหนึ่ง ยามอยู่ด้านนอก ฉายาของเขาจะตัดแซ่ทิ้งไป เหลือแค่ชื่อว่าซานชิง ‘ซานชิง’ ผู้นี้ก็คือลูกศิษย์คนสุดท้ายของมรรคาจารย์เต๋า รวมถึงคนที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายคือเซาฮว่อถงจื่อที่มาจากอารามกวานเต๋าของตงไห่ เมื่อพื้นที่มงคลดอกบัวที่ ‘ฟ้าดินเชื่อมติด’ กับถ้ำสวรรค์เหลียนฮวาถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน นักพรตเฒ่าตงไห่ก็เอาไปแค่ส่วนเดียว ส่วนหนึ่งให้ภูเขาลั่วพั่ว อีกสองส่วนที่เหลือแบ่งเป็นยกให้ลู่ไถเพื่อยั่วโมโหลู่เฉินโดยเฉพาะ อีกแห่งหนึ่งยกให้กับ ‘นักพรตหนุ่มแห่งภูเขาไท่ผิง’ ที่แปลงกายมาจากเผ่าปีศาจ สุดท้ายถึงได้ยกตลอดทั้งพื้นที่มงคล ‘บินทะยาน’ มายังใต้หล้ามืดสลัวเพื่อถกเถียงอภิปรายปัญหากับมรรคจารย์เต๋าด้วยตัวเอง
ลู่เฉินย้อนถาม “ใต้หล้าไพศาลมีเมธีร้อยสำนัก สถานที่แห่งอื่นมีไหม?”
นักพรตน้อยเอ่ย “ปรมาจารย์มหาปราชญ์ใช่คนที่อ่านตำราเล่าเรียนหนังสือจนโง่หรือไม่ พอแก่แล้วก็เลยเลอะเลือนไปบ้าง? หรือว่าอยากจะแอบอู้ ตนไม่มีเวลามาจัดการได้ไหวก็เลยให้คนอื่นช่วยเสียเลย?”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยอย่างเนิบนาบ “บัณฑิตพิถีพิถันในเรื่องการปฏิบัติให้ครบถ้วนทั้งฝึกบำเพ็ญตน ปกครองเรือนดูแลบ้านเมือง ทั้งยังไม่คิดว่าตัวเองเป็นฮ่องเต้ที่เอาแต่เสวยสุข ตระกูลยากจน พอหิวก็แค่ไปตกปลาหาผลไม้มาเติมท้องให้อิ่มเท่านั้น ครอบครัวคนทั่วไป ต้องการอ่างใบใหญ่ไว้เลี้ยงปลา ความรู้จึงอยู่แค่เรื่องการหาเหยื่อตกปลา คอยดูแลไปทีละตัว คอยสังเกตว่าพวกมันเป็นหรือตาย เจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่ เป็นสุขเมื่อพวกมันมีชีวิตสุขสบาย เป็นทุกข์เมื่อพวกมันตาย ตระกูลคนรวยหากมีสระน้ำหลายไร่ เรื่องที่จะสนใจอย่างแท้จริงก็ไม่ได้อยู่ในเรื่องของการป้อนอาหารแล้ว แต่จะกำชับพวกข้ารับใช้ว่าอย่าลืมซื้อปลาปล่อยปลา ความสุขของตัวเองมีเพียงแค่การชื่นชมดูปลา ตกปลาเท่านั้น รอกระทั่งเจ้ามีทะเลสาบผืนใหญ่ ความบันเทิงจะอยู่ที่ตรงไหน? ก็หนีไม่พ้นการปล่อยไปตามธรรมชาติ อาจมีบางครั้งที่ปั้นเหยื่อเพื่อตกปลาตัวใหญ่บ้าง เรื่องที่เป็นกังวลอย่างแท้จริงอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงทิศทางไหลของแม่น้ำลำธาร ภัยแล้งภัยน้ำท่วมจากธรรมชาติ ศาลบุ๋นของใต้หล้าไพศาลค่อนข้างจะไม่เหมือนที่อื่น ความต่างนั้นอยู่ที่ว่าปล่อยให้คนนอกมาผ่าไม้ไผ่ทำเป็นคันเบ็ดตกปลาริมน้ำบ้านตัวเองได้”
นักพรตน้อยขมวดคิ้ว “ช่วยพูดให้ฟังง่ายกว่านี้ได้หรือไม่?”
ลู่เฉินยิ้มกล่าว “ท้องฟ้าลดตัวลงต่ำหน่อยได้หรือไม่ ผืนดินยกขึ้นสูงอีกได้หรือไม่? คนเราไม่ต้องฝึกตนก็ไม่ต้องตายได้หรือไม่?”
นักพรตน้อยไม่ยินดีจะพูดจาเหลวไหลกับเจ้าลัทธิสามท่านนี้ จึงกระโดดสองทีแล้วบ่นว่า “ได้ยินว่าซิ่วไฉเฒ่ามาทำงานใช้แรงงานอยู่ที่นี่ ทำไมยังไม่มาทักทายข้าอีกเล่า”
ลู่เฉินยิ้มกล่าว “หากซิ่วไฉเฒ่ามาจริงๆ ข้าก็คงได้แต่หลบเลี่ยงเขาแล้วล่ะ”
นักพรตน้อยเอ่ย “ซิ่วไฉเฒ่าก็แค่สอดคล้องกับมรรคาของฟ้าดินเท่านั้น วิธีการต่อสู้ของเขาไม่ได้เรื่อง”
ซานชิงพูด “ศิษย์พี่เล็กย่อมไม่กลัว แต่วันหน้าคนสามพันคนมาฝึกตนอยู่ที่นี่คงต้องเจออุปสรรค ฝึกตนได้อย่างลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ตลอดเวลาแล้วล่ะ”
นักพรตน้อยพยักหน้ารับอย่างแรง เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “นิสัยที่แย่ที่สุดของซิ่วไฉเฒ่าผู้นี้ก็คือเจ้าคิดเจ้าแค้น วิญญูชนต้องสำรวมระมัดระวังตน นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยมีอยู่เลย! ซิ่วไฉเฒ่าเดินขึ้นฟ้าในก้าวเดียว ไม่เคยได้ยศนักปราชญ์วิญญูชนมาก่อน”
ปีนั้นตอนที่อยู่บนมหาสมุทรระหว่างใบถงทวีปและแจกันสมบัติทวีป นักพรตน้อยเซาฮว่อยืนนิ่งให้ตีแต่โดยดี เขายื่นมือออกมา ถูกซิ่วไฉเฒ่าที่ใช้เหตุผลว่าคานบนไม่ตรงคานล่างเอียงเอากิ่งไม้ต่างไม้บรรทัดมาตีมือสั่งสอนเขาอย่างแรงไปรอบหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!