กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 695

ผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งขี่กระบี่มาถึง ก็คือหวังซือจื่อที่เดินทางกลับจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มาพร้อมกับจั่วโย่ว ผู้ฝึกกระบี่คอขวดโอสถทอง มักจะได้รับการชี้แนะด้านเวทกระบี่จากจั่วโย่วเป็นประจำ ตอนนี้มีหวังจะฝ่าทะลุคอขวดแล้ว

ระหว่างระยะเวลาสิบสี่ปีก่อนหน้านี้ เคยขึ้นไปบนหัวกำแพงเมืองสามครั้ง สองครั้งได้ออกจากนครไปเข่นฆ่า ในบรรดาผู้ฝึกกระบี่โอสถทองมีผลงานการต่อสู้อยู่ในระดับกลาง สำหรับผู้ฝึกกระบี่อิสระต่างถิ่นคนหนึ่งแล้ว มองดูเหมือนธรรมดา แท้จริงแล้วกลับถือเป็นผลงานการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้นคือหวังซือจื่อออกกระบี่อย่างสุดชีวิตทุกครั้ง แต่กลับแทบไม่เคยบาดเจ็บหนักมาก่อน ถึงขั้นไม่มีโรคร้ายที่ส่งผลต่อการฝึกตนใดๆ เหลือทิ้งไว้ หากพูดตามคำของจั่วโย่วก็คือดวงแข็ง วันหน้าตำแหน่งเซียนกระบี่ที่ควรเป็นของเจ้าหวังซือจื่อย่อมไม่หนีไปไหนแน่

หวังซือจื่อกุมหมัดกล่าว “ผู้อาวุโสจั่วโย่ว เจ้าสำนักฟู่”

จากนั้นก็หันไปผงกศีรษะทักทายอวี๋ซินกับหลี่หวานย่ง

ลูกรักแห่งสวรรค์ของสำนักใบถงทั้งสองคนก็ทยอยกันทักทายกลับคืน สำหรับหวังซือจื่อที่เดิมทีไร้ชื่อเสียงบนภูเขาของใบถงทวีปผู้นี้ ผู้กอบกู้ทั้งสี่คนที่อายุน้อยต่างก็เลื่อมใสเขาอย่างมาก ที่แท้ถึงแม้หวังซือจื่อจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ แต่ก่อนที่จะไปเยือนภูเขาห้อยหัวกลับชอบท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำเพียงลำพัง อีกทั้งยังปิดบังชื่อแซ่ตลอดเวลา ไม่เคยไปเข้าร่วมกับตระกูลเซียนอักษรจงใดๆ หลังจากที่ฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตประตูมังกรแล้วก็เดินทางไกลข้ามทวีปไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่อย่างเงียบเชียบ ไปอยู่ที่นั่นได้ไม่นานก็ฝ่าทะลุขอบเขตสร้างโอสถได้สำเร็จ ครั้งนี้ติดตามจั่วโย่วกลับบ้านเกิด หลังจากคอยช่วยเหลือสำนักใบถงอยู่ตลอดเวลา หวังซือจื่อที่มีภาพบรรยากาศของ ‘ตัวอ่อนเซียนกระบี่’ คนนี้ถึงได้ค่อยๆ เป็นที่รู้จักของผู้คน

หวังซือจื่ออายุใกล้เคียงกับจั่วโย่ว แต่กลับชอบเรียกจั่วโย่วว่าผู้อาวุโส อีกทั้งยังเรียกอย่างจริงใจ บางทีอาจเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสจั่วโย่วมาก่อน ใครที่ถามเรื่องของกำแพงเมืองปราณกระบี่ หวังซือจื่อล้วนบอกว่าไม่รู้ อย่างมากสุดก็แค่เล่าเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีของที่นั่นเท่านั้น

หวังซือจื่อคือผู้ฝึกตนอิสระของใบถงทวีป ความตั้งใจเดิมของจั่วโย่วคือต้องการให้หวังซือจื่อไปอยู่สำนักกุยหยกที่ปลอดภัยมากกว่า แต่หวังซือจื่อกลับยืนกรานจะอยู่ต่อในสำนักใบถง หลายปีมานี้คอยช่วยเหลือสำนักใบถงตรวจตราเรื่องการสร้างค่ายกลใหญ่ ทุกวันนี้จึงมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับตู้เหยี่ยน ฉินสุ้ยหู่ บางครั้งที่เกิดความขัดแย้ง ยกตัวอย่างเช่นมีความเห็นต่างอย่างมากกับพวกอาจารย์ค่ายกลสำนักหยินหยาง อาจารย์กลไกสำนักโม่ในบางเรื่อง หวังซือจื่อก็จะถูกผู้ฝึกตนของสำนักใบถงผลักออกมาให้บากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสจั่วโย่ว

หวังซือจื่อเล่าปัญหายุ่งยากที่สำนักใบถงและผู้ฝึกตนต่างถิ่นโต้เถียงกันไม่หยุดอย่างกระชับได้ใจความ ฟู่หลิงชิงจึงตัดสินใจทันที บอกว่าสำนักใบถงจะยอมถอยให้ก่อน จั่วโย่วจึงพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

หวังซือจื่อเอ่ยลาแล้วขี่กระบี่จากไป

ฝนใหญ่หยุดลงแล้ว หลี่หวานย่งติดตามเจ้าสำนักขี่กระบี่ไปตรวจสอบสถานการณ์การจัดวางวัตถุสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะไว้บนภูเขาที่เป็นแกนกลางสำคัญ

จั่วโย่วยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าเหตุใดสตรีผู้นั้นถึงไม่ได้จากไปด้วย

ใต้หล้าไพศาล จิตใจคนว่ายวนอยู่ในน้ำมาเนิ่นนาน

จั่วโย่วเห็นว่านางไม่มีทีท่าว่าจะจากไปจึงหันหน้ามาถาม “แม่นางอวี๋ มีธุระอะไรหรือ?”

อวี๋ซินจึงปลุกความกล้าถามว่า “ผู้อาวุโสจั่วโย่ว หอพิทักษ์เมืองทั้งเก้าแห่งในใต้หล้าไพศาล ทักษินาตยทวีปมีหอสยบกระบี่ เล่าลือกันว่าเซียนกระบี่ที่มีชาติกำเนิดจากแจกันสมบัติทวีปนามเฉาซีรับผิดชอบคอยดูแล ฝูเหยาทวีปก็มีหอสยบขุนเขา เหตุใดใบถงทวีปของพวกเราถึงไม่มีพอพิทักษ์เมืองอยู่เลยแม้แต่แห่งเดียว?”

จั่วโย่วเอ่ย “อันที่จริงมี อีกทั้งยังเป็นหอสยบปีศาจที่สำคัญอย่างถึงที่สุดด้วย ก็คืออารามกวานเต๋าของพื้นที่มงคลดอกบัว ใต้หล้านี้มีเพียงถ้ำสวรรค์กับพื้นที่มงคลสองแห่งที่เชื่อมโยงถึงกัน พื้นที่มงคลดอกบัวของใบถงทวีปพวกเจ้าเชื่อมโยงกับถ้ำสวรรค์เล็กเหลียนฮวาของมรรคจารย์เต๋า แต่เจ้าอารามท่านนั้นบินทะยานไปยังใต้หล้ามืดสลัว หมายจะถามมรรคากับมรรคาจารย์เต๋า ในเมื่อทางฝั่งของศาลบุ๋นไม่ได้ขัดวาง คิดดูแล้วก็คงเป็นข้อตกลงที่มีมานานแล้ว”

อวี๋ซินถามอย่างใคร่รู้ “เรื่องนี้สำคัญมาก เหตุใดศาลบุ๋นถึงไม่ปรึกษากับเจ้าอารามผู้เฒ่า ให้เขาบินทะยานช้าหน่อย หรือไม่ก็ให้เจ้าอารามผู้เฒ่าทิ้งหอสยบปีศาจแห่งนั้นเอาไว้ มอบให้สำนักศึกษาดูแลล่ะ? ทุกวันนี้กองทัพใหญ่ของเผ่าปีศาจรุกรานเข้ามา ก็เท่ากับว่าจะมีที่พึ่งและโอกาสชนะเพิ่มมาอีกส่วนหนึ่งใช่หรือไม่?”

หอพิทักษ์เมืองทั้งเก้าแห่งในใต้หล้าไพศาลแบ่งออกเป็น สยบขุนเขา สยบแคว้น สยบมหาสมุทร สยบมาร สยบปีศาจ สยบเซียน สยบกระบี่ สยบมังกร สยบป๋ายเจ๋อ

จั่วโย่วส่ายหน้า “มีเรื่องราวมากมายที่ลัทธิขงจื๊อของพวกเราเปลืองแรงโดยไม่ได้รับผลดีใดๆ ยกตัวอย่างเช่นปล่อยให้ร้อยสำนักในใต้หล้าไพศาลประชันขันแข่งกัน ไม่สังหารเผ่าปีศาจให้สิ้นซาก มอบอำนาจให้ราชวงศ์โลกมนุษย์เป็นผู้แต่งตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้ำ ไม่เข้าร่วมการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ล่างภูเขาอย่างเป็นรูปธรรม การโต้เถียงภายในของศาลบุ๋น อันที่จริงก็มีอยู่ตลอดเวลา ระหว่างสถานศึกษากับสถานศึกษา ระหว่างสำนักศึกษากับสำนักศึกษา ระหว่างสายบุ๋นกับสายบุ๋น ต่อให้จะเป็นแค่การโต้เถียงเรื่องความรู้ของอิรยะปราชญ์ในสายบุ๋นสายเดียวกันก็ยังมีมากมายจนนับไม่ถ้วน”

จั่วโย่วเอ่ย “เรื่องของการใช้หลักการเหตุผล สิ้นเปลืองความคิดจิตใจมากที่สุด ข้าไม่เคยถนัดในเรื่องนี้ ตามคำกล่าวของลัทธิพุทธ อย่างมากสุดข้าก็เป็นได้แค่คนที่ดีแต่สนใจตัวเอง เรียนวิชากระบี่แล้วก็ยังเป็นเช่นนี้ พูดถึงแค่เรื่องการถ่ายทอดวิชาความรู้ ในสายของเหวินเซิ่ง เดิมทีเหมาเสี่ยวตงมีความหวังที่จะสืบทอดวิชาของอาจารย์ไปมากที่สุด แต่ติดที่ธรณีประตูของความรู้และคุณสมบัติในการฝึกตนมีจำกัด บวกกับสิ่งที่อาจารย์ต้องประสบพบเจอ เหมาเสี่ยวตงที่ไม่ยินดีไปจากสายเหวินเซิ่งจึงยิ่งยากจะแสดงฝีมือ ส่วนเรื่องที่จะช่วยสำนักศึกษาซานหยาขอยศหนึ่งในเจ็ดสิบสองสำนักศึกษามาก็ยังต้องให้เหมาเสี่ยวตงเดินทางไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางด้วยตัวเอง ยังดีที่ทุกวันนี้ข้ามีศิษย์น้องเล็กอยู่คนหนึ่ง เขาค่อนข้างจะเชี่ยวชาญเรื่องการใช้หลักการเหตุผลกับคนอื่น ควรค่าแก่การคาดหวัง”

อวี๋ซินค้นพบว่าผู้อาวุโสจั่วโย่วที่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ผู้นี้ ยามที่พูดถึงศิษย์น้องเล็กกลับมีรอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จั่วโย่วไม่เอ่ยอะไรอีก นี่คงจะเป็นวิธีไล่แขกที่มีเฉพาะตัวของจั่วโย่วแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!