กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 723

นับตั้งแต่บนภูเขาจนถึงล่างภูเขา พูดถึงเรื่องเห็นการเข่นฆ่าดุเดือดรุนแรงเป็นเรื่องปกติ พูดถึงคนที่นึกจะตายก็ตาย พูดถึงคนที่ไม่อาจตายได้ เรื่องพวกนี้ใต้หล้าไพศาลที่เสวยสุขอยู่กับความสงบสุขมานานนับหมื่นปีสามารถเปรียบเทียบกับใต้หล้าเปลี่ยวร้างได้หรือ?

พูดถึงเรื่องการระดมกำลังของตลอดทั้งใต้หล้าอย่างยิ่งใหญ่ ใต้หล้าไพศาลของพวกเจ้าที่เหมือนเม็ดทรายกระจัดกระจายถาดแล้วถาดเล่า แต่ละคนต่างก็เล่นดินโคลนของบ้านตัวเองกันไปเถอะ

โจวมี่แผดเสียงหัวเราะดังลั่น จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ สะบัดชายแขนเสื้อ แล้วก็ถึงขั้นเป็นฝ่ายคลายตราผนึกโชคชะตาฟ้าของทวีปออกด้วยตัวเอง ประสานมือคำนับฟ้าดิน เอ่ยด้วยเสียงดังกังวานว่า “ปรมาจารย์มหาปราชญ์ บ้านเกิดทำให้บัณฑิตเจี่ยเซิงผิดหวังมานานหลายปีแล้ว และตอนนี้ก็คงต้องปล่อยให้ข้าโจวมี่มหาสมุทรความรู้มาทำให้พวกเจ้าสะอิดสะเอียนกันบ้างแล้ว”

บนทะเลเมฆแห่งหนึ่งเหนือแจกันสมบัติทวีป

สวี่รั่วถาม “เจี่ยเซิงผู้นี้?”

ชุยฉานเอ่ย “แสร้งทำท่าให้ดูไปอย่างนั้นเอง ยังซ่อนทางหนีทีไล่เอาไว้”

โจวมี่หันหน้าไปมองทางแจกันสมบัติทวีป “คนที่รู้ใจข้าในฟ้าดิน มีเพียงซิ่วหู่คนเดียวเท่านั้น”

โจวชิงเกาเพียงถามคำถามหนึ่งที่เป็นกุญแจสำคัญ “ศาลบุ๋น?”

โจวมี่ยิ้มเอ่ย “เหตุใดถึงได้สำคัญขนาดนี้น่ะหรือ? บ้านเกิดของข้าแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่มีเหตุผลอะไรเสียหน่อย”

เขาโจวมี่ค่อนข้างเป็นคนมีเหตุผล ดังนั้นในอดีตจึงเคยพูดคุยกับศาลบุ๋นไปแล้ว เคยพูดเปิดโปงไปนานแล้วว่าเหตุใดศาลบุ๋นของแผ่นดินกลางถึงต้องกักขังพันธนาการ ทำให้คนเหมือนถูกมัดมือมัดเท้าเช่นนี้

กลยุทธแห่งความสันติสุขสิบสองข้อของเจี่ยเซิงในปีนั้น! มีข้อใดบ้างที่ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องราวที่จะเกิดในวันนี้ให้แทนศาลบุ๋น?! มีข้อใดบ้างที่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เรื่องราวในวันนี้เกิดขึ้น ทำให้สถานการณ์ใหญ่เละเทะวุ่นวายเช่นนี้? ใต้หล้าไพศาลที่แม้แต่วิญญูชนนักปราชญ์ก็ยังไม่อาจเป็นราชครูของราชสำนัก ไม่อาจเป็นจักรพรรดิที่อยู่เบื้องหลังได้ ใต้หล้าไพศาลที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่อาจเป็นลูกศิษย์ของลัทธิขงจื๊อได้ ก็สมควรแล้วที่ต้องเผชิญความทุกข์ยากในวันนี้ นี่เป็นปัญหาที่พวกเจ้าศาลบุ๋นรนหาที่เอง เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องการให้มีคนรบตายจริงๆ นักปราชญ์ วิญญูชน อริยะ พวกเจ้าจะเอาอะไรมาใช้อธิบายเหตุผล? หิ้วตำราอริยะปราชญ์สองสามเล่มไปพูดหลักการเหตุผลของอริยะปราชญ์ในหน้าตำรากับพวกคนที่กำลังจะตายน่ะหรือ?

ปีนั้นใต้หล้าไพศาลไม่ฟัง เก็บรวบเอาสิบสองกลยุทธแห่งความสันติสุขที่ข้าตรากตรำเรียบเรียงขึ้นมาด้วยความยากลำบากไปวางไว้ในหอสูง

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็จงฟังให้มาก คิดให้มาก ใคร่ครวญดูให้ดีๆ

น่าเสียดายที่มีชุยฉานเพียงผู้เดียว น่าเสียดายที่มีซิ่วหู่เพียงคนเดียว ไม่เพียงแต่ที่ตัวเองต้องตายเท่านั้น ยังจะต้องทิ้งชื่อเสียงฉาวโฉ่ไว้บนหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ไปนานอีกหมื่นปี ต่อให้…ต่อให้ใต้หล้าไพศาลเอาชนะสงครามในครั้งนี้ได้ ก็ยังจะเป็นเช่นนี้ ถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้

ศาลบุ๋นของเจ้ามอบเส้นทางให้วิถีทางโลกมากเกินไป มอบอิสระให้คนบนโลกมากเกินไป ทว่ากลับมีแต่จะทำให้ทุกคนรู้สึกไม่มีอิสระ อยู่ไกลเกินกว่าจะพอมากนัก

ดีมาก!

ต้องการอิสระไร้พันธนาการอย่างเต็มที่ ภูเขาทัวเยว่จะมอบให้พวกเจ้า

ต้องการให้ผู้แข็งแกร่งได้รับความเคารพนับถือเป็นเหตุผลเพียงหนึ่งเดียว แต่ไหนแต่ไรมาใต้หล้าเปลี่ยวร้างเน้นย้ำเรื่องนี้เป็นที่สุด ไม่ใช่แค่คำพูดจากปากของข้าโจวมี่เท่านั้น

โจวมี่สาวเท้าเร็วขึ้นอีกเล็กน้อย ลูกศิษย์ทั้งสามคนก็ปล่อยให้อาจารย์เดินเล่นริมทะเลเพียงลำพังอย่างรู้กาลเทศะ

โซ่วเฉินหยุดเดิน มองไปยังสนามรบทางทิศใต้สุดของแจกันสมบัติทวีป เฟยเฟยได้ส่งเทพแห่งโรคระบาดและกว้อเค่อสองคนไปยังนครมังกรเฒ่าแล้ว ดูท่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เลว

ส่วนโจวชิงเกากับหลิวป๋ายกลับหมุนตัวเดินกลับไปอย่างเชื่องช้า โจวชิงเกาเงียบงันไปครู่หนึ่งก็พลันเอ่ยว่า “ศิษย์พี่หญิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองชอบอิ่นกวานผู้นั้น?”

หลิวป๋ายปากอ้าตาค้าง จากนั้นก็ด่าขำๆ “อะไรนะ?! มู่จีเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไร?!”

โจวชิงเกาหยุดเดิน ยิ้มเอ่ย “ใครเป็นบ้า? ไม่มีใครบ้าทั้งนั้นแหละ”

หลิวป๋ายหน้าซีดขาว เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “เป็นไปไม่ได้! ศิษย์น้องเจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล”

โจวชิงเกาสาวเท้าเดินไปข้างหน้าต่อ “แทนที่จะกังวลว่าจิตมารในอนาคตคือใต้เท้าอิ่นกวาน ไม่สู้เปิดใจให้กว้าง ยอมรับเรื่องที่ตัวเองชอบเขา ข้อแรก เฉินผิงอันต้องตายอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่แน่นอน ต่อให้ถอยไปพูดหนึ่งก้าว เฉินผิงอันไม่ตาย ศิษย์พี่หญิงเจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า ชีวิตนี้ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่อาจแก้แค้นเขาด้วยตัวเองได้ ถ้าอย่างนั้นจิตมารก็จะอยู่บนเส้นทางของการฝึกตนรอคอยหลิวป๋ายอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเจ้าหลอกตัวเอง จิตมารก็จะยิ่งมีโอกาสให้ฉกฉวย ข้อสอง ไม่เพียงแต่ต้องชอบ ยังจะต้องเปลี่ยนเป็นชอบที่สุดจากใจจริงอีกด้วย วันหน้าในใจหลิวป๋ายก็ควรมีแค่ความคิดเดียว นั่นคือจะต้องถามกระบี่ต่อนครบินทะยานแห่งนั้นด้วยตัวเองให้จงได้ เพื่อให้ตัวการร้ายที่ทำให้เฉินผิงต้องตาย ให้หนิงเหยาผู้นั้นได้รู้เรื่องหนึ่ง เฉินผิงอันชอบหนิงเหยา ไม่เท่ากับที่ชอบหลิวป๋าย”

หลิวป๋ายเหงื่อแตกท่วมศีรษะ หยุดยืนนิ่งไม่ยอมตามศิษย์น้องผู้นั้นไป

โซ่วเฉินใช้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะกับโจวมี่ว่า “อาจารย์รับลูกศิษย์ที่ดีมาคนหนึ่ง”

โจวมี่ยิ้มบางๆ “ศิษย์พี่สู้ศิษย์น้องไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าอย่าให้เกิดขึ้นเร็วเกินไปนัก”

“โจวชิงเกาไม่ค่อยเหมือนกับศิษย์พี่ชายหญิงอย่างพวกเจ้าเท่าไร เขาชื่นชมเลื่อมใสกำแพงเมืองปราณกระบี่จากใจจริง เลื่อมใสอิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นอย่างยิ่ง ดังนั้นการปฏิเสธที่ในใจเขามีต่อใต้หล้าไพศาลจึงสำคัญยิ่งกว่าพวกเจ้า ขณะเดียวกันนี้เขาก็มีโอกาสมากยิ่งกว่าที่จะกลายเป็นเฉินผิงอันแห่งใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เหมือนก่อน แล้วค่อยเหนือกว่า ส่วนเฝ่ยหรานผู้นั้น ถึงอย่างไรก็มีเส้นทางของตัวเองให้เดินมาตั้งแต่แรกแล้ว ใช้นามแฝงว่าเฉินอิ่น ที่มากกว่านั้นคือพอขึ้นฝั่งที่ใบถงทวีปมาแล้ว อยู่ว่างไม่มีอะไรทำจึงเบื่อหน่ายเกินไป แล้วนับประสาอะไรกับที่เฝ่ยหรานไม่จำเป็นต้องกลายเป็นคนอื่นเลยสักนิด”

“วันนี้อาจารย์อารมณ์ดีมาก ก็เลยพูดประโยคเหล่านี้ล่วงหน้ากับเจ้า มีคนรุ่นเยาว์บางส่วนที่ในใจข้าเห็นดีในตัวพวกเขา นอกจากเจ้า โจวชิงเกา เฝ่ยหราน แล้วก็พวกอวี่ซื่อ จวินทาน โต้วโค้วแล้ว ก็ยังมีอีกประมาณสิบกว่าคนกระมัง คนหนุ่มสาวไม่ถึงยี่สิบคนนี้ ข้ารอคอยจะได้เห็นผลสำเร็จบนมหามรรคาในอนาคตของพวกเจ้าอย่างยิ่ง เชื่ออาจารย์เถอะ ความสำเร็จนั้นไม่มีทางต่ำเป็นแน่”

“ข้าจะไปหาเซอเยว่สักหน่อย จะพานางไปดูหอสยบปีศาจและต้นอู๋ถงต้นนั้น โซ่วเฉิน ทางฝั่งนครมังกรเฒ่านี้เจ้ากับศิษย์น้องช่วยกันจับตามองให้มากหน่อย”

โซ่วเฉินรับคำสั่ง

อาจารย์โจวมี่ รอบคอบระมัดระวัง (ภาษาจีนคือโจวเฉวียนเจิ้นมี่) อยู่ร่วมกับคนบนโลก

ศิษย์น้องชิงเกา สายน้ำใสขุนเขาสูง (สุ่ยชิงซานเกา) วางตัวเข้ากับมารยาทสังคม

……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!