กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 725

สรุปบท บทที่ 725.2 ฟันแล้วฟันอีก มีเพียงข้าที่ภาคภูมิใจ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 725.2 ฟันแล้วฟันอีก มีเพียงข้าที่ภาคภูมิใจ – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 725.2 ฟันแล้วฟันอีก มีเพียงข้าที่ภาคภูมิใจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ทางฝั่งของป๋ายอิ๋งยังคงให้ข้ารับใช้ถือกระบี่ทำหน้าที่รับกระบี่แทน โชคดีที่กระบี่ยาวในมือของหลงเจี้ยนคืออาวุธเซียนที่แท้จริงชิ้นหนึ่ง อีกทั้งยังเกิดจากหล่อหลอมจิตวิญญาณของกวนจ้าวจึงมีความลี้ลับมหัศจรรย์พิเศษ ป๋ายอิ๋งไม่จำเป็นต้องลงมือออกหน้าเอง เรื่องของการต่อยตี แต่ไหนแต่ไรมาป๋ายอิ๋งก็ไม่ได้โดดเด่นอยู่แล้ว อยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่เคารพผู้แข็งแกร่งก็ถูกมองเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังพิฆาตอันดับรั้งท้ายของสิบสี่บัลลังก์ ป๋ายอิ๋งถึงขั้นที่แทบจะไม่มีบันทึกถึงการจับคู่เข่นฆ่ากับเผ่าปีศาจขอบเขตบินทะยานมาก่อน เป็นการบังคับกองทัพใหญ่กระดูกขาวทั้งหลายให้บดขยี้ผ่านดินแดนเสียมากกว่า บางครั้งเจอกับคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก อย่างมากสุดก็ให้หลงเจี้ยนออกกระบี่ แล้วนับประสาอะไรกับที่ในบรรดาโครงกระดูกทั้งหลาย ป๋ายอิ๋งยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งอีกไม่น้อย

เจ้าอารามดอกบัวที่ไม่ได้อยู่ในสถานที่ประกอบพิธีกรรม แต่ไปอยู่ในโลกมนุษย์ หย่างจื่อที่ห่างไกลจากอาณาเขตของลำคลองเหยาเย่ หวงหลวนปีศาจใหญ่ที่เจอกับปีศาจบนบัลลังก์ตนอื่น ล้วนถูกมองเป็นพวก ‘พลังการต่อสู้ไม่ได้เรื่อง’

หยวนโส่วใช้กระบองฟาดแสงกระบี่เส้นที่สองอีกครั้ง ทันใดนั้นชายชุดก็พลันปลิวสะบัด ชายแขนเสื้อสองข้างมีพายุลมกรดพัดพองโป่ง ส่งเสียงดังพึ่บพั่บ ร่างของหยวนโส่วโยกเอน หรี่ตาเอ่ย “ป๋ายเหย่ มีปัญญาก็ปล่อยแสงกระบี่มาอีกเจ็ดแปดเส้นเลยสิ ท่านปู่อยากจะเห็นนักว่าแสงกระบี่ของเจ้ามีมากกว่า…เฮ้ย! เอาจริงหรือนี่…”

ให้เจ้าสมปรารถนา

พูดมากกระบี่ก็มาก

แสงกระบี่แต่ละเส้นพากันตรงเข้าฟันผ่าหยวนโส่ว

ให้การดูแลปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ท่านนี้มากเป็นพิเศษ

หยวนโส่วพลันแผดเสียงหัวเราะดังลั่นไม่หยุด นับตั้งแต่ใช้กระบองฟาดแสงกระบี่ ไปจนถึงกระแทกให้แสงกระบี่เบี่ยงออกไป แล้วก็ไปถึงการใช้กระบองงัดแสงกระบี่ อันตรายรายล้อมอยู่รอบด้าน แสงกระบี่ทุกเส้นที่แหวกอากาศพุ่งมาถึงล้วนกรีดผ่าฟ้าดิน ประหนึ่งมีดตัดกระดาษที่กรีดกระดาษเซวียนจื่อสีขาวหิมะแผ่นหนึ่งได้ง่ายๆ

สองมือของหยวนโส่วถือกระบี่ เปิดเผยนิสัยดุร้ายออกมาจนสิ้น ดวงตาทั้งคู่เป็นสีแดงฉาน ลูกตาดำสองข้างมีประกายแสงสีทองจุดหนึ่งเปล่งวูบวาบไม่หยุด แม้จะใช้กระบองฟาดกระบี่ แต่กระนั้นหยวนโส่วก็ยังจับจ้องป๋ายเหย่ที่ถือกระบี่ด้วยมือข้างเดียวตาเขม็ง จุดที่สายตามองเห็นคือพื้นที่ในรัศมีพันลี้ มีเรือนกายของป๋ายเหย่ที่ถือกระบี่อยู่หลายคน ‘ป๋ายเหย่’ คนหนึ่งในนั้นร่างค่อนข้างเห็นได้ชัด ถึงขั้นพอจะมองเห็นร่องรอยการออกกระบี่ได้อย่างเลือนราง นี่ก็คือหนึ่งในวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของหยวนโส่ว ลอบมองความลับสวรรค์ ทำนายพยากรณ์ได้ล่วงหน้า

เผ่าปีศาจขึ้นชื่อเรื่องร่างจริงที่แข็งแกร่งทนทาน หยวนโส่วถูกแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนปั่นคว้านใบหน้าจนแหลกเละ ทว่าเพียงชั่วพริบตารูปโฉมก็กลับคืนมาดังเดิม ชุดคลุมอาคมบนร่างก็เป็นเช่นเดียวกัน ในฐานะปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ที่มีชีวิตอยู่มานานหลายปี ไม่สวมชุดคลุมอาคมระดับขั้นเป็นอาวุธเซียนสักชิ้น ไหนเลยจะกล้าออกมาเดินอาดๆ อยู่ในใต้หล้า

อยู่บนสนามรบของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ลงมือไม่มาก คนที่ลงมืออย่างเต็มที่ก็มีน้อยจนนับนิ้วได้ ส่วนใหญ่แล้วยังคงเคารพกฎของกระโจมเจี่ยจื่อ รับผิดชอบคอยตรวจตราการโจมตีเมืองของกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจเสียมากกว่า

ผู้เฒ่าชุดเทาตั้งใจจะให้พวกเขาเอาความคิดและจิตใจมาไว้ที่ใต้หล้าไพศาล

หลิวชาออกกระบี่ เพียงแค่เพราะอาเหลียงเท่านั้น

เว้นเสียจากว่าบรรพบุรุษใหญ่ภูเขาทัวเยว่ลงมือสยบกำราบด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยการเข่นฆ่าของอาเหลียงที่ไม่กลัวการถูกรุมซ้อมมากที่สุด ก็ไม่รู้ว่ากระโจมทัพจะถูกอาเหลียงทำลายไปกี่แห่ง

ช่วงหลังการศึก เหย้าเจี่ยได้ลงมือกับเจ้านครของหนึ่งในห้านครสิบสองหอเรือนของป๋ายอวี้จิง ก็เพราะละโมบในคุณความชอบ จงใจเล่นงานอริยะลัทธิเต๋าที่เป็นดั่งม้าตีนปลายผู้นั้นโดยเฉพาะ เพียงแต่ว่าไปทำให้ฝ่ายหลังโมโหเข้า ถึงกับยอมให้ร่างดับมรรคาสลายโดยไม่เสียดาย แต่ก็ต้องเชิญให้ลู่จือออกกระบี่ให้จงได้ ลู่จือเองก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง อีกนิดเดียวก็จะสามารถฟันบัลลังก์แก่นทองที่เหย้าเจี่ยสร้างขึ้นมาอย่างประณีตตั้งใจให้แหลกเละได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ตอนที่อยู่ฝูเหยาทวีปเหย้าเจี่ยจึงทุบทำลายศาลขุนเขาสายน้ำกวาดเอาเศษซากร่างทองมาอย่างบ้าคลั่งกำเริบเสิบสาน เพื่อใช้ชดเชยรากฐานมหามรรคาของตน สาเหตุก็มาจากเรื่องนี้

หย่างจื่อใช้เสียงในใจเอ่ยกับป๋ายอิ๋ง “ป๋ายเหย่ยังไม่ออกกระบี่อย่างเต็มกำลังอีกหรือ?”

ป๋ายอิ๋งยิ้มตอบ “พวกเราเองก็ยังหลบๆ ซ่อนๆ แค่ตั้งรับไม่โต้คืนเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

หย่างจื่อถาม “ปราณวิญญาณของทวีปนี้ เจ้าต้องใช้เวลาถึงครึ่งก้านธูปถึงจะเก็บมาไว้ในกระเป๋าได้ทั้งหมดเชียวรึ? ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่? หากป๋ายเหย่ยอมเสียหน้าไม่คิดสนใจศักดิ์ศรี แบบนั้นจะเป็นปัญหามากแล้ว”

ป๋ายอิ๋งพยักหน้า “ยินดีอย่างถึงที่สุด”

ในความเป็นจริงแล้วหากป๋ายเหย่คิดจะแย่งชิงปราณวิญญาณกับตน นั่นจะเป็นปัญหายุ่งยากมากจริงๆ

แต่คนที่มีปัญหาก็คือป๋ายเหย่ หาใช่พวกเขาหกราชาไม่

การล้อมฆ่าครั้งนี้ ป๋ายอิ๋งเป็นคนต้นคิดวิธีวิดน้ำให้แห้งเพื่อจับปลา ใช้วิธีการที่โง่ที่สุดมารับมือกับขอบเขตสิบสี่คนหนึ่ง

หากป๋ายเหย่ใช้กระบี่ต้านรับศัตรูพลางเปิดประตูใหญ่ของถ้ำสวรรค์แห่งต่างๆ เพื่อดึงเอาปราณวิญญาณฟ้าดินจำนวนมากมาด้วย สรุปแล้วจะเป็นปัญหาอย่างไรกันแน่ ตอนนั้นโจวมี่ไม่ได้อธิบาย เพียงแค่บอกเขาว่าตอนที่แย่งชิงปราณวิญญาณกับป๋ายเหย่ให้พยายามขัดขวางอีกฝ่ายไว้อย่างสุดความสามารถก็พอ หลีกเลี่ยงไม่ให้ป๋ายเหย่รู้ความจริง

ไม่ว่าจะอย่างไร ตัวอยู่ในสถานการณ์นี้ สำหรับป๋ายเหย่แล้วก็คือปัญหาใหญ่เทียมฟ้า หากไม่อดทนข่มกลั้นเอาไว้ รอคอยให้ปราณวิญญาณถูกเผาผลาญจนสิ้นแล้วค่อยทุ่มสุดความสามารถรบจนตัวตาย ก็คืออดทนไม่ไหว หาปัญหาใส่ตัวเร็วก็ตายเร็ว

ดูจากตอนนี้หากป๋ายเหย่ไม่ได้เย่อหยิ่งทระนงตนมากเกินไป ก็คงจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเสี้ยวหนึ่งแล้ว

แต่นี่ก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ใหญ่อยู่ดี

หย่างจื่อสวมมงกุฎจักรพรรดิ สวมชุดคลุมมังกรสีหมึก ก้มหน้าลงมองภาพขุนเขาสายน้ำพันหมื่นลี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ มีเพียงสองสีคือสีขาวและสีดำเท่านั้น ไม่ค่อยเหมือนกับขุนเขาสายน้ำของจริงในโลกมนุษย์สักเท่าไรจริงๆ

หย่างจื่ออ้อมผ่านขุนเขาทั้งห้าและรากภูเขาทั้งหลายออกไป ลำคลองแม่น้ำหนองบึงทุกแห่งที่สายตาของนางมองผ่านพลันเดือดพล่าน จากนั้นปราณวิญญาณฟ้าดินก็ถูกชักนำเข้ามาในสายน้ำทั้งหลาย รวมตัวกันเป็นโชคชะตาน้ำ

อันดับแรกก็มีป๋ายอิ๋งควบคุมทะเลเมฆดึงดูดปราณวิญญาณของฟ้าดิน ขณะเดียวกันก็ใช้ปราณชั่วร้ายสร้างความวุ่นวายให้กับภาพบรรยากาศของฟ้าดิน ต่อมาก็มีหย่างจื่อควบคุมแม่น้ำลำคลอง สูดกลืนปราณวิญญาณมาดั่งปลาวาฬสูบน้ำ

เห็นได้ชัดว่าต้องการร่วมมือกันเปลี่ยนฝูเหยาทวีปให้กลายเป็นสถานที่ของยุคเสื่อมที่ผู้ฝึกลมปราณชิงชังรังเกียจเป็นที่สุด

เชี่ยอวิ้นฉวยโอกาสตอนที่แสงกระบี่ของป๋ายเหย่เอาแต่สนใจหยวนโส่วหาเวลาว่างให้กับตัวเอง เห็นการกระทำนั้นของหย่างจื่อ เชี่ยอวิ้นก็ประกบสองนิ้วเอามาค้ำยันน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ตรงเอวเบาๆ ยิ้มเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรอยู่ว่างๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ข้าก็จะช่วยด้วยแล้วกัน”

นับแต่วันนี้ไป สุราหมักตระกูลเซียนบนภูเขา หากจะพูดถึงสุราที่มีปราณวิญญาณซุกซ่อนไว้มากที่สุด ก็จะมีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เชี่ยอวิ้นที่ทุกวันนี้ใช้นามแฝงว่าจิ่วเย่ รู้สึกว่าขนาดตนก็ยังหักใจดื่มไม่ลงแล้ว

ไปถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ ใช้นามแฝงว่าชิงฮวา เห็นเซียนกระบี่แต่ละท่านของกำแพงเมืองปราณกระบี่ประหนึ่งกระเบื้องลายครามที่แตกสลาย (ชิงฮวาสือสุ้ย) กับตาตัวเอง

มาถึงใต้หล้าไพศาล ใช้นามแฝงว่าจิ่วเย่ นอกจากจะชอบเก็บสะสมเหล้าหมักตระกูลเซียนแต่ละชนิดแล้ว ยังเชี่ยวชาญการถลกดึงหนังหน้าของผู้ฝึกตนหญิง เอามาปะชุนซ่อมแซมใบหน้าของตัวเอง สำนักอวี่หลงที่อยู่ใกล้กับภูเขาห้อยหัว อวี้จือก่างของใบถงทวีป พรรคเยวียนจวี้ที่ภูเขาบรรพบุรุษคือภูเขาคงโหว…

ออกเดินทางไกลไปทั่วไพศาล นับว่าไม่เสียเที่ยวที่ได้มาเยือน

ผู้ฝึกลมปราณขอบเขตบินทะยาน ผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ขอบเขตสิบ ‘เทพมาเยือน’

พออู่เยว่ลุกขึ้นยืนก็ไม่เพียงแต่ถืออาวุธไว้ในมือ เบาะรองนั่งที่เดิมทีเกิดจากตำราสีทองหลายเล่มนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นมาก็พลันกลายเป็นยันต์สีทองสิบเอ็ดแผ่นแยกกันไปแปะอยู่บนข้อเท้าของเท้าทั้งสองข้าง หว่างคิ้วของสามหัวและแขนทั้งหก

ป๋ายอิ๋งคีบไข่มุกกระดูกขาวที่ส่องประกายแสงวิบวับเม็ดหนึ่งเอาไว้ระหว่างสองนิ้ว ใช้มันมาชั่งน้ำหนักของปราณวิญญาณที่เหลืออยู่ในฟ้าดินของทวีปอย่างแม่นยำ ยิ้มเอ่ยกับยักษ์ร่างกำยำว่า “ต้องระวังให้มากหน่อย ที่ป๋ายเหย่ถือไว้ในมือ ถึงอย่างไรก็เป็นกระบี่เซียนที่มาจากอารามเสวียนตูใหญ่ อันที่จริงเจ้าอู่เยว่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ผ่านไปอีกครึ่งก้านธูปค่อยลงมือก็ยังไม่สาย”

อู่เยว่ส่ายหน้า ไม่ฟังคำแนะนำของป๋ายอิ๋ง ร่างกายพลันเปลี่ยนมามีความสูงเท่ามนุษย์ธรรมดา มือทั้งหกแบ่งเป็นถือดาบคู่ ดาบตรงเล่มหนึ่ง ดาบฟันม้าเล่มหนึ่ง กระบี่คู่สั้นยาว ค้อนหนึ่งเล่มและขวานหนึ่งเล่ม

ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อที่ผิดหวังที่สุดของใต้หล้าไพศาลในอดีต ต้อนรับขับสู้บัณฑิตที่เป็นที่ภาคภูมิใจที่สุดในใต้หล้าไพศาล มารยาทพิธีการไม่อาจไม่เรียกว่ายิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่ระดมหกราชามาล้อมฆ่าป๋ายเหย่ในรวดเดียว ยังสร้างตราผนึกในนอกสามชั้นติดๆ กันให้กับฝูเหยาทวีปอีกด้วย

ด้านนอกสุดคือการไหลเวียนของโชคชะตาขุนเขาสายน้ำหนึ่งทวีป ปกคลุมทั้งฝูเหยาทวีปไว้ภายใน ตัดขาดความเป็นไปได้ที่ปราณวิญญาณของฝูเหยาทวีปจะเชื่อมโยงกับของใต้หล้าไพศาลออกอย่างสิ้นเชิง นี่คล้ายคลึงกับค่ายกลใหญ่ซานซานซื่อเซี่ยงของใบถงทวีปในอดีต ค่ายกลใหญ่ยี่สิบสี่ช่วงฤดูกาลของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้

เป็นเหตุให้สนามรบที่เดิมทีจำนวนคนก็ต่างกันอย่างชัดเจนแห่งนี้ ฟ้าอำนวยดินอวยพรล้วนเอนเอียงเข้าหาปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ของใต้หล้าเปลี่ยวร้างอยู่ตลอดเวลา

อาณาเขตของหนึ่งทวีปที่กว้างใหญ่ มีเพียงสนามรบของเจ็ดคนนี้เท่านั้น

ปราการแก้วใสบนม่านฟ้าที่ป๋ายเหย่ชักกระบี่ออกจากฝักทำลายลงก่อนหน้านี้ เป็นโจวมี่ที่ดึงเอาแม่น้ำแห่งกาลเวลาส่วนหนึ่งมาทำเป็นฟ้าดินแห่งที่สอง

ระหว่างทั้งสองนี้ยังมีค่ายกลใหญ่ขุนเขาสายน้ำที่เป็นอาคมฟ้าปรากฎการณ์ดินอีกชั้นหนึ่ง คือห้าขุนเขาและแม่น้ำนับร้อยสายของแต่ละแคว้นบนพื้นดินของฝูเหยาทวีปที่ถูกนำมาหล่อหลอม ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องล่างทะเลเมฆคล้ายม้วนภาพภูเขาสายน้ำลายเส้นขาวดำ ถูกโจวมีกระชากเอา ‘กายธรรมขุนเขาสายน้ำ’ ออกมาไว้เหนืออากาศของฝูเหยาทวีปอย่างพร้อมเพรียงกัน ขุนเขาจัดวางเหมือนดวงดาวดารดาษบนฟ้า แม่น้ำลำธารแผ่สลับเหมือนตาข่ายกว้าง ใช้สิ่งนี้มาตัดขาด ‘ฟ้าดิน’ ของใบถงทวีปพอดี แบ่งหนึ่งเป็นสอง ราวกับว่าวิชาอภินิหารตัดขาดฟ้าดินซึ่งเป็นหนึ่งในคุณูปการใหญ่หลวงที่สุดของหลี่เซิ่งในอดีตได้กลับมาปรากฎบนโลกมนุษย์อีกครั้ง

ล้อมฆ่าป๋ายเหย่ขอบเขตสิบสี่ โจวมี่ยอมทุ่มอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทนจริงๆ

ป๋ายเหย่เห็นอู่เยว่ลุกขึ้นยืนก็เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ

เพียงชั่วพริบตานั้นสองฝั่งข้างกายป๋ายเหย่ก็พลันมี ‘บัลลังก์ราชา’ หกคนหล่นโครมลงมาบนพื้น กระจายตัวออกไปเป็นลำดับ ซ้ายขวาอย่างละสาม

เพียงแต่ว่าในมือของปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ทุกคนต่างก็ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ

พวกเจ้าใช้ฟ้าดินสามแห่งมากักตัวข้าป๋ายเหย่ ไยป๋ายเหย่จะไม่ใช้ฟ้าดินในใจมากักตัวศัตรูบ้างเล่า

ในอดีตฮึกเหิมมีชีวิตชีวา ออกเดินทางไปเยี่ยมเยือนเซียนพร้อมสหายรัก จุดที่สายตามองเห็นคือขุนเขาตระหง่านสายน้ำกว้างใหญ่ มีสรรพสิ่งใด เรื่องใด บุคคลใดที่ไม่เคยเป็นฟ้าดินในสายตาของข้า

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!