กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 735

ในนครบินทะยาน เหนี่ยนซินมาเยือนจวนหนิงเป็นครั้งแรก

บุคคลสำคัญอันดับสองของฝ่ายสิงกวานมาพบอิ่นกวานคนปัจจุบันของนครบินทะยาน

หนิงเหยายืนอยู่ตรงที่ตั้งหน้าผาสังหารมังกรเก่า

นอกจากหนิงเหยาแล้วบนสนามประลองยุทธยังมีเด็กสาวที่ตรงเอวห้อยแท่นฝนหมึกโบราณ ด้านหลังสะพายหีบไม้ไผ่ยืนอยู่อีกคนหนึ่ง นางกำลังนำพาเด็กหญิงชุดสีขาวหิมะที่น่ารักไร้เดียงสาวิ่งตะบึงพลางตีฆ้องตีกลองไปด้วย

คนหนึ่งถามว่าอาจารย์พ่อของข้าร้ายกาจหรือไม่ ร้ายกาจอย่างไร อีกคนหนึ่งตอบว่าท่านพ่อของข้าร้ายกาจ ร้ายกาจแบบที่ใต้หล้าไร้เทียมทาน…

คนหนึ่งถามว่าอีกเดี๋ยวท่านแม่ข้าจัดการเจ้าจะทำอย่างไร อีกคนหนึ่งตอบว่าข้าไม่กลัวหากต้องโขกหัว กลองและฆ้องอยู่ในมือ ใต้หล้ามีเพียงข้า

หนึ่งคนโตหนึ่งเด็กที่เดิมทีความสัมพันธ์กลมเกลียว อยู่ดีๆ นึกจะแตกหักก็แตกหักกันเสียอย่างนั้น คนหนึ่งบอกว่าอาจารย์พ่อของเจ้าคือท่านพ่อของข้า ดังนั้นข้าจึงสนิทสนมมากกว่า อีกคนหนึ่งบอกว่าข้ามีอาจารย์พ่อก่อนเจ้าถึงมีท่านพ่อ ต้องมีลำดับก่อนหลัง อีกทั้งลำดับศักดิ์ของเจ้ายังต่ำไปหน่อย คำว่าแตกหักก็คือคนหนึ่งตีกลองคนหนึ่งตีฆ้อง แข่งกันว่าเสียงของใครดังยิ่งกว่ากัน

เหนี่ยนซินรู้สึกว่าช่างทำให้หนิงเหยาลำบากใจแล้วจริงๆ มีเจ้าเด็กอย่างกวอจู๋จิ่วผู้นี้ แล้วยังต้องมาเจอกับ ‘ลูกสาว’ ที่อยู่ดีๆ ก็หล่นลงมาจากฟ้านี่อีกคน

ดูเหมือนว่าหนิงเหยาจะไม่ค่อยถือสาการทะเลาะถกเถียงกันของพวกนาง เพียงแค่ผงกศีรษะทักทายเหนี่ยนซิน

เหนี่ยนซินเดินมาหยุดอยู่ข้างกายหนิงเหยา เอ่ยว่า “จ้าวเหยาผู้นั้นไปดื่มหล้ากับเจิ้งต้าเฟิง ตอนนี้ออกไปจากนครบินทะยานแล้ว ฉีโซ่วส่งเขาออกจากเมืองไปด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าจ้าวเหยาจะไปทางทิศตะวันตกสุดเพื่อขอความรู้ด้านพระธรรมจากภิกษุวัดโส่วซิน”

หนิงเหยาพยักหน้ารับ “ดูท่าคงอยากจะฝึกฝนความรู้ของสามลัทธิอย่างขงจื๊อ พุทธ เต๋าควบกันไป”

น่าจะต้องการเดินบนทางสายเดียวกับอาจารย์ฉีกระมัง?

เหนี่ยนซินยิ้มไม่พูดไม่จา

หนิงเหยาถาม “ทำไมหรือ?”

เหนี่ยนซินเอ่ย “ข้าสงสัยใคร่รู้นัก เหตุใดตอนนั้นเจ้าที่เดินทางท่องเที่ยวขุนเขาสายน้ำนับไม่ถ้วนเพียงลำพังถึงไปถูกใจเฉินผิงอันที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มในตรอกเก่าโทรมได้ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

ตามหลักแล้วนับแต่เด็กมาหนิงเหยาก็ได้เห็นมาดอันสง่างามของเซียนกระบี่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่มาโดยตลอด จากนั้นพอเดินทางไกลไปเยือนใต้หล้าไพศาลก็น่าจะได้เห็นคนหนุ่มผู้มีพรสวรรค์มากความสามารถมาไม่น้อย กลิ่นอายตำรา กลิ่นอายผู้กล้า กลิ่นอายเทพเซียน ไม่ว่าอะไรก็ต้องเคยเห็นมาหมดแล้วแน่นอน

หนิงเหยาเอ่ย “ตอนอยู่กับเจ้าเขาเล่าว่าอย่างไร?”

เหนี่ยนซินส่ายหน้า “เฉินผิงอันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้”

หนิงเหยาหรี่ตาลงน้อยๆ คล้ายจะยิ้ม

เหนี่ยนซินรู้สึกจนใจนัก สรุปแล้วควรจะพูดว่าชายหญิงคู่นี้คือคู่รักเทพเซียนดี หรือควรจะเรียกว่าคู่สุนัขชายหญิงดีนะ! ต่อให้เป็นคนเย็บผ้าที่ไม่มีความรู้สึกต่อความรักฉันท์ชายหญิงแม้แต่น้อยอย่างเหนี่ยนซินก็ยังรู้สึกทนรับไม่ไหว

ดังนั้นเหนี่ยนซินจึงเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ “ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง เจ้าไม่ต้องตอบแล้ว”

อันที่จริงหนิงเหยาก็ไม่คิดจะพูดอะไรเหมือนกัน

คนทั้งสองเดินเล่นไปด้วยกัน หนิงเหยาหันหน้าไปเอ่ยเตือนกวอจู๋จิ่วว่า “พวกเจ้าเล่นสนุกก็ส่วนเล่นสนุก แต่ห้ามออกไปจากที่นี่”

กวอจู๋จิ่วพยักหน้ารับอย่างแรง “หากเกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย ข้าจะหิ้วหัวไปพบอาจารย์แม่!”

แม่นางน้อยโยนฆ้องไว้บนพื้น ยกสองมือเท้าเอวฉับ ถามว่า “หัวของใคร?”

กวอจู๋จิ่วเหล่ตามองแม่นางน้อย ใช้เสียงในใจเอ่ยว่า “เราสองคนเป็นพวกเดียวกัน เจ้าจะมาขัดขาข้าทำไม”

หนิงเหยาไม่สนใจการเล่นสนุกของเด็กทั้งสองนั่นอีก ครั้งนี้เหนี่ยนซินแหกกฎมาปรากฏตัวที่จวนหนิง ต้องไม่ได้มาเพียงแค่คุยเล่นกับนางอย่างแน่นอน

เพียงแต่หนิงเหยายังอดหันไปมองกวอจู๋จิ่วอีกครั้งไม่ได้

กวอจู๋จิ่วรีบยืดเอวตั้งตรงทันที

หนิงเหยาย่อมรู้ว่าเหตุใดกวอจู๋จิ่วถึงไม่ค่อยยินดีจะอยู่ในบ้านของตัวเอง เช่นเดียวกัน ปีนั้นอันที่จริงหนิงเหยาเป็นยิ่งกว่ากวอจู๋จิ่วเสียอีก นางถึงขั้นออกจากบ้านไปเลย

ต่อให้กวอจู๋จิ่วกลับไปบ้าน อย่างมากก็แค่ไปง่วนดูแลสวนดอกไม้เท่านั้น คอยจัดการกับพวกดอกไม้พันธ์ไม้แปลกประหลาดทั้งหลายที่นางเอากลับมาทุกครั้งที่ออกเดินทางไกล ไม่ใช้กระบองวาดกวาด หรือใช้กระบี่ฟาดฟันพวกมันเป็นแถบๆ อีกต่อไป ราวกับว่าคนเราพอโตขึ้นก็ตัดใจทำไม่ลง

ทุกครั้งที่เฉินผิงกลับจากเดินทางไกลไปยังบ้านเกิด ก็จะต้องคอยไปเติมดินทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนเป็นข้อยกเว้น นี่ก็คือหลักการเหตุผลเดียวกัน

เหนี่ยนซินใช้เสียงในใจเอ่ยกับหนิงเหยาว่า “ปีนั้นตอนอยู่ในคุก เฉินผิงอันทำการค้าอย่างหนึ่งกับขอบเขตบินทะยานที่ใช้นามแฝงว่า ‘ซวงเจี้ยง’ ซวงเจี้ยงได้เงินฝนธัญพืชเหรียญหนึ่งไปจากเฉินผิงอันเพื่อซื้ออิสระให้กับตัวเองครึ่งหนึ่ง เขาตอบตกลงว่าจะช่วยเจ้าหนึ่งครั้ง ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าออกเดินทางไกล ข้าจึงเกือบจะจุดไส้ตะเกียงของตะเกียงดวงนั้น ปล่อยเทวบุตรมารนอกโลกที่มาจากใต้หล้ามืดสลัวตนนี้ออกมา”

หนิงเหยาถาม “เกือบจะ?”

เหนี่ยนซินพยักหน้า “เจิ้งต้าเฟิงมาหาข้า บอกกับข้าว่าไม่ต้องรีบร้อนทำเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะเข้าใจเรื่องของวิถีแห่งเทพเป็นอย่างดี”

หนิงเหยาไม่ยินดีจะพูดถึงรากฐานของเจิ้งต้าเฟิงมากนัก อีกฝ่ายเป็นคนเฝ้าประตูของภูเขาลั่วพั่ว ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกันครึ่งตัวแล้ว หนิงเหยาจึงเอ่ยแค่ว่า “ถ้ำสวรรค์หลีจูบ้านเกิดของเฉินผิงอันคือสถานที่แห่งหนึ่งในใต้หล้าที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง วันหน้าหากเจ้ายังคบค้าสมาคมกับคนที่มาจากที่นั่นแค่ปรับตัวให้ชินไว้ก็พอแล้ว”

เหนี่ยนซินยิ้มเอ่ย “เฉินผิงอัน เจิ้งต้าเฟิง จ้าวเหยา ข้าได้พบสามคนแล้ว แต่ละคนต่างก็ประหลาดมากจริงๆ”

หนิงเหยากล่าว “เกี่ยวกับกระบี่เซียน ‘เทียนเจิน’ เล่มนี้ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลแทนข้า ก่อนที่ข้าจะเลื่อนเป็นขอบเขตบินะทยานจะต้องทำให้นางเป็นเด็กดีว่าง่ายกว่านี้ ถึงเวลานั้นค่อยไปเผชิญหน้ากับ ‘เทพตาเดียว’ อีกครั้ง นอกจากเทวบุตรมารนอกโลกตนนั้นที่สามารถลงมืออย่างลับๆ ได้แล้ว ข้าจะยังขอความรู้เรื่องกฎเกณฑ์วิถีเทพบางอย่างมาจากเจิ้งต้าเฟิงด้วย”

เหนี่ยนซินตกตะลึงเล็กน้อย “ข้ายังนึกว่าเจ้าจะปฏิเสธเรื่องที่จะให้คนนอกยื่นมือเข้าแทรก”

หนิงเหยาส่ายหน้า “ข้าไม่ได้รู้สึกว่าพวกเจ้าเป็นคนนอกเสียหน่อย แล้วนับประสาอะไรกับที่มหามรรคาอันตราย ขอความช่วยเหลือเพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดฝัน ไม่มีอะไรให้ต้องลำบากใจ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!