กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 735

ชุยตงซานหันหน้าไปพูดกับเฉาฉิงหล่าง “เรือมังกรเรือข้ามฟากลำนั้น สามารถเอามาซ่อมแซมที่นี่ได้ หากเจ้ารู้สึกว่าทางฝั่งของหลิวจ้งรุ่นเหมาะสม ก็บอกให้นางพาลูกศิษย์ผู้สืบทอดส่วนหนึ่งที่นิสัยสุขุมหนักแน่น ให้มาเลือกภูเขาสองสามลูกที่นี่ฝึกตน เพียงแต่ตกลงกันไว้ให้เรียบร้อยก่อนว่า ภายในเวลาหกสิบปี นอกจากเจ้าเกาะหลิวที่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระแล้ว พวกลูกศิษย์ผู้สืบทอดล้วนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ”

ชุยตงซานยกสองมือขึ้นสะบัดชายแขนเสื้อ ชี้นิ้วไปยังสองจุด “ยกตัวอย่างเช่นสถานที่สองแห่งนี้ มีโชคชะตาน้ำอยู่เยอะมาก สามารถยกให้หลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไชได้”

สถานที่แห่งหนึ่งคือส่วนหนึ่งหนึ่งตำหนักหนันซวินที่เสิ่นหลินหลิงหยวนกงแห่งลำน้ำจี้ตู๋มอบให้ และยังมีลำธารอีกสายหนึ่งที่หลี่หยวนหลงถิงโหวมอบให้

เรือมังกรที่มีชื่อว่าฟานโม่ลำนั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่กลับมายังท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยว สภาพพังเสียหายอย่างหนัก โงนเงนจะล่มมิล่มแหล่ ลำพังเพียงแค่เงินเทพเซียนที่ต้องใช้ในการซ่อมแซมก็เกินกว่ามูลค่าของตัวเรือมังกรไปแล้ว หลิวจ้งรุ่นอยากซื้อมังกรลำนี้กลับไปอยู่เหมือนกัน ในเมื่อเป็นเรือข้ามฟากบนภูเขาไม่ได้ก็เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก สามารถเอาไปจอดไว้ในตำหนักวารี คิดไม่ถึงว่าภูเขาลั่วพั่วจะปฏิเสธเรื่องนี้ บอกว่าอยากจะซ่อมแซมให้กลับมาดีเหมือนเก่า เดิมทีหลิวจ้งรุ่นเองก็หวังดี อยากให้ภูเขาลั่วพั่วเสียเงินเสียทองน้อยหน่อย ในเมื่อภูเขาลั่วพั่วไม่ถือสา นางก็คร้านจะทำในสิ่งที่เกินความจำเป็น

การประชุมในห้องบัญชีภูเขาลั่วพั่ว เกี่ยวกับนครเหนือเมฆที่อยู่ห่างไกลถึงทวีปอื่น รวมไปถึงเกาะจูไชที่อยู่ใกล้เพียงตรงหน้า ต่อให้ทั้งสองฝ่ายจะเป็นตระกูลเซียนเล็ก แต่แท้จริงแล้วภูเขาลั่วพั่วกลับเห็นในน้ำใจเห็นในความดีของพวกเขา

เฉาฉิงหล่างพยักหน้ารับ ไม่มีความเห็นต่าง

ภูเขาลั่วพั่วคิดอยากจะหยัดยืนได้มั่นคงไม่ล้มลงทั้งในช่วงกลียุคและในช่วงที่โลกสงบสุขรุ่งเรือง คิดอยากจะมีกิจการรากฐานยาวนานพันปี ไม่เพียงแต่ต้องเป็นพันธมิตรกับสำนักใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมอบผลประโยชน์ให้กัน ยังจะต้องพยายามนำพาตระกูลเซียนที่ยังไม่โดดเด่นอย่างพวกเกาะจูไช นครเหนือเมฆและจวนไช่เฉวี่ย ฯลฯ ให้แข็งแกร่งเติบโตไปพร้อมกับภูเขาลั่วพั่วด้วย อีกทั้งยังไม่อาจเอาแต่คบค้าสมาคมกับผู้อื่นเพียงเพราะผลประโยชน์อย่างเดียว ภูเขาลั่วพั่วนั้นเงินก็อยากหา ควันธูปก็อยากช่วงชิงมา ใจคนก็ยิ่งต้องช่วงชิงมาด้วย!

ชุยตงซานกล่าว “วันนี้ข้าค่อนข้างเจ้ากี้เจ้าการอยู่บ้าง ถือเป็นข้อยกเว้น เกี่ยวกับพื้นที่มงคลรากบัวแห่งนี้ วันหน้าจะให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจหลักคนเดียวแล้ว เจ้ายินดีจะปรึกษากับใครก็ปรึกษาได้ตามสบาย ไม่ยินดีก็ลงมือทำด้วยตัวเองได้อย่างเต็มที่ ในเมื่ออาจารย์เชื่อมั่นในตัวเจ้า ข้าก็เชื่อมั่นในตัวเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าจะคิดอย่างไร พวกเราลำดับศักดิ์เท่าเทียมกัน ไม่มีความจำเป็น แค่เจ้าห้ามทำให้อาจารย์ผิดหวังก็พอ”

เฉาฉิงหล่างประสานมือคารวะศิษย์พี่เล็ก แต่อันที่จริงในใจกลับไม่ได้ผ่อนคลายนัก

ชุยตงซานพลันหันไปยิ้มพูดกับจูเหลี่ยน “วันนี้ข้าทำอะไรค่อนข้างโดดเด่น พ่อครัวเฒ่าคงจะไม่รู้สึกไม่สบอารมณ์กระมัง”

จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “ผู้ที่มีความสามารถย่อมต้องเหนื่อยมาก ทำเยอะผิดเยอะคนอื่นยังโทษไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่อาจารย์ชุยน้อยทำมากถูกมาก”

ชุยตงซานถอนสายตากลับมา หลุบตาลงต่ำมองโลกมนุษย์ “ทุ่มเงินแล้วก็ทุ่มเงินอยู่ตลอด ในที่สุดก็สามารถหาเงินได้แล้ว เมื่อโอกาสมาถึงโชคชะตาก็เปลี่ยนแปลง นิมิตหมายที่ดี นิมิตหมายที่ดีที่ยิ่งใหญ่!”

พื้นที่มงคลระดับสูงทุกแห่งบนโลกที่ไปถึงคอขวดก็คืออ่างสมบัติที่เงินทองไหลมาเทมาอย่างแท้จริงแล้ว สำนักและตระกูลชนชั้นสูงที่เป็น ‘เทพเทวดา’ ซึ่งในมือครอบครองพื้นที่มงคล สามารถกวาดเอาสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดินที่ถือกำเนิดขึ้นตามโชคชะตามาและนำออกไปจากพื้นที่มงคลได้ตามแต่ใจปรารถนา

ผู้ฝึกตนในท้องถิ่นของพื้นที่มงคลบางส่วนก็สามารถถือโอกาสนี้หลุดออกไปจากกรงขัง ถูกนำพาออกไปจากพื้นที่มงคล กลายมาเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลในศาลบรรพจารย์ของจวนเซียน ‘นอกฟ้า’ นี่ก็คือคำกล่าวที่ว่า ‘บรรลุมรรคาบินทะยาน กลายเป็นเซียน’ ที่กล่าวถึงในตำราหลายๆ เล่มของพื้นที่มงคล

นี่ก็คือการที่ผู้ครอบครองพื้นที่มงคลใช้ปราณวิญญาณของฟ้าดิน หรือไม่ก็ใช้เงินเทพเซียนของจริงมาแลกเปลี่ยนเป็นเทพเซียนตัวจริงสมชื่อคนหนึ่ง

อีกทั้งการกระทำเช่นนี้ยังไม่ส่งผลเสียต่อมหามรรคา ไม่ส่งผลร้ายต่อชัยภูมิ และไม่ทำลายคนสามัคคี

สุดท้ายจูเหลี่ยนรั้งตัวเว่ยซานจวินที่ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ ไม่สู้ชมทัศนียภาพผ่อนคลายอารมณ์อยู่ที่นี่ให้นั่งบัญชาการณ์ม่านฟ้าด้วยกันต่อ รับผิดชอบคอยจับตามองม้วนภาพนั้น สหายฉางมิ่งและนักบัญชีเหวยเหวินหลงเริ่มออกเดินทางไกลไปเก็บเงิน

ชุยตงซานพาเผยเฉียน เซียนกระบี่ผู้อาวุโสหมี่ รวมไปถึงหงเซี่ยที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ออกไปจากพื้นที่มงคลด้วยกัน

เฉาฉิงหล่างไปยังเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนเงียบๆ

ถงเซิง ซิ่วไฉ จวี่เหริน จ้วงหยวน ล้วนเป็นยศของเฉาฉิงหล่าง

ในอดีตเฉาฉิงหล่างได้เข้าร่วมการสอบเคอจวี่ของแคว้นหนันเยวี่ยน ตลอดทางราบรื่นเหมือนผ่าลำไม้ไผ่ สอบระดับท้องถิ่นได้ลำดับเจี่ยหยวน (ตำแหน่งผู้ที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งของการสอบท้องถิ่น/ชนบท) สอบระดับมณฑลได้เป็นฮุ่ยหยวน (ตำแหน่งผู้ที่สอบได้ลำดับที่หนึ่งของการสอบระดับมณฑล) สอบหน้าพระที่นั่งได้ตำแหน่งจ้วงหยวน (หรือจอหงวน ลำดับที่หนึ่งในการสอบ) กลายมาเป็นบัณฑิตคนแรกในประวัติศาสตร์ของพื้นที่มงคลดอกบัวที่สอบได้อันดับหนึ่งในการสอบสามระดับติดต่อกัน

แม้แต่อาจารย์จ้งยังไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่คือยศยาวเป็นพรวนที่เฉาฉิงหล่างอาศัยความสามารถของตัวเองช่วงชิงมา

ดังนั้นภายหลังที่เฉาฉิงหล่างจากมาจึงกลายเป็นคดีปิดไม่ลงใหญ่เทียมฟ้าของวงการขุนนางเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน

ปีนั้นอยู่ที่สถานศึกษาหลี่จี้ของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ได้เจอกับอาจารย์ผู้เฒ่าเหวินเซิ่งที่มีสถานะเป็นอาจารย์ปู่ ซิ่วไฉเฒ่าได้ยินเรื่องนี้มาจากอาจารย์จ้งก็ให้ปิติยินดีเป็นล้นพ้น เกือบจะหยิบธูปสามดอกออกมาจุดเสียแล้ว เอ่ยว่ายอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม เป็นต้นครามที่เกิดจากครามแต่สีเข้มกว่าคราม สายบุ๋นของพวกเราเก่งกาจทะยานฟ้าจริงๆ ไม่ว่าจะศึกษาหาความรู้ เล่นหมากล้อม ดื่มเหล้า ฝึกกระบี่ เขียนตัวอักษร ฝึกหมัด พูดจาน่าฟัง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไร้เทียมทานในใต้หล้า และทุกวันนี้แม้แต่ความบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวในความสมบูรณ์แบบอย่างเรื่องการมียศศักดิ์ก็ยังเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว!

ชุยตงซานอยู่ต่อที่ภูเขาลั่วพั่ว หงเซี่ยติดตามอยู่ด้านข้างอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ส่วนเผยเฉียนกับหมี่อวี้เดินเท้ากันไปที่ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยว หนึ่งใต้หนึ่งเหนือ เผยเฉียนต้องการนั่งโดยสารเรือข้ามฟากไปที่สนามรบอาณาเขตของขุนเขาใต้ ส่วนหมี่อวี้ต้องไปเยือนจวนไช่เฉวี่ยที่อุตรกุรุทวีปรอบหนึ่ง

ไปถึงท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวที่ยิ่งนานวันกิจการก็ยิ่งเจริญรุ่งเรือง ภูเขาตระกูลเซียนที่เคยเป็นร้านผ้าห่อบุญดั้งเดิมร้านหนึ่งมีสิ่งปลูกสร้างน้อยใหญ่ทอดยาวไปเป็นแถบ ครบถ้วนทั้งหอเรือนทั้งตลาด

ปีนั้นร้านผ้าห่อบุญมองการณ์ผิดพลาด ไม่เห็นดีกับการกรีฑาทัพลงใต้ของกองทัพม้าเหล็กต้าหลี จึงเท่ากับกึ่งขายกึ่งยกให้ภูเขาพีอวิ๋นและภูเขาลั่วพั่ว ภายหลังร้านผ้าห่อบุญใช่ว่าจะไม่เสียใจ คิดอยากจะซื้อกลับไปในราคาสูง เว่ยป้อจึงใช้งานเลี้ยงท่องราตรีครั้งหนึ่งมารับรองแขกสูงศักดิ์จากร้านผ้าห่อบุญ ต่อจากนั้นมาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

อีกเดี๋ยวหมี่วี้จะต้องขอให้เว่ยซานจวินช่วยส่งเขาไปที่ชายแดนของขุนเขาเหนือก่อน จากนั้นจึงจะอำพรางลมปราณ ขี่กระบี่ข้ามทวีปไปทางทิศเหนือเพียงลำพัง ซึ่งจะถือโอกาสนี้ได้ชื่นชมสะพานยามข้ามมหาสมุทรที่เชื่อมโยงสองทวีปเข้าด้วยกันพอดี ส่วนเผยเฉียนออกเดินทางไกลครั้งนี้ไม่ได้ถือไม้เท้าเดินป่าและสะพายหีบไม้ไผ่ แล้วก็เอาดาบแคบยันต์หิมะทิ้งไว้ที่ภูเขาลั่วพั่วด้วย เพียงแค่ห้อยป้ายหยกกรมอาญาของต้าหลี รวมไปถึงตรงเอวด้านหนึ่งห้อยดาบคู่วางทับซ้อนกัน นางจะโดยสารเรือข้ามฟากของกองทัพชายแดนต้าหลีลำหนึ่งลงใต้ ใช้นามแฝงว่าเจิ้งเฉียน

เผยเฉียนคิดว่าจะกดขอบเขตไว้ที่ขอบเขตร่างทองก่อน พูดด้วยสำเนียงคนธวัลทวีป วิชาหมัดใกล้เคียงกับสายของศาลเหลยกงจังหวัดหม่าหู

หมี่อวี้พูดกับเผยเฉียนว่า “ระวังตัวด้วย”

เผยเฉียนพยักหน้า “เซียนกระบี่หมี่ก็เหมือนกัน”

หมี่อวี้จนใจยิ่งนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!