กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 736

บนแนวเส้นสนามรบเส้นนี้ ผู้ฝึกตนสำนักการทหารจากปฐมสำนักแห่งแจกันสมบัติทวีปอย่างภูเขาเจินอู่และศาลลมหิมะรับหน้าที่เป็นแม่ทัพหลัก ผู้ฝึกตนภูเขาเจินอู่เชี่ยวชาญการจัดขบวนทัพบนสนามรบมากที่สุด คนส่วนใหญ่มักจะเข้าร่วมกองทัพของต้าหลีและของแคว้นใต้อาณัติใหญ่แห่งต่างๆ แต่เนิ่นๆ คนส่วนมากจึงมีชาติกำเนิดจากแม่ทัพบู๊ระดับกลางไปจนถึงระดับสูง ยามอยู่ในขบวนรบ นอกจากจะคอยเข่นฆ่าศัตรูแล้วยังต้องคอยโยกย้ายกองกำลัง ส่วนรูปแบบการเข่นฆ่าของผู้ฝึกตนศาลลมหิมะกลับคล้ายจอมยุทธพเนจรมากกว่า ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพชายแดนของแคว้นต่างๆ หนึ่งในนั้นก็มีหม่าขู่เสวียนหนึ่งในตัวสำรองสิบคนของคนรุ่นเยาว์ เขาอยู่ในสนามรบแห่งนี้คอยสั่งการสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาบรรพบุรุษของภูเขาเจินอู่หลายสิบตนที่ยืนเคียงบ่าขนาบซ้ายขวาเขาไว้

เจ้าสำนักหญิงแห่งสำนักพีหมา กว๋อฉือเซียนซือจู๋เฉวียน ดาบพกสลักคำว่า ‘อานุภาพสวรรค์เกริกก้อง สยบหมื่นภูตผี’

นางยืนเคียงบ่าอยู่กับมือกระบี่ผูหราง ผู้ฝึกกระบี่กระดูกขาวในหุบเขาผีร้ายชายหาดโครงกระดูก ฝ่ายหลังมีเรือนกายสูงเพรียว สวมชุดคลุมอาคมสีหมึก ร่ายเวทอำพรางตาที่ทำให้เนื้อก่อกำเนิดขึ้นมาจากกระดูกขาว กลับคืนมามีรูปโฉมเดิมเหมือนครั้งตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหญิงสาวที่เปี่ยมไปด้วยความองอาจคนหนึ่ง

จู๋เฉวียนยิ้มกล่าว “ผูหราง ที่แท้เจ้าก็หน้าตาดีถึงเพียงนี้ สาวงาม โฉมสะคราญโดยแท้ ลาหัวโล้นที่วัดหยวนเยว่ใหญ่ผู้นั้นตาบอดหรือไร หากสามารถมีชีวิตรอดกลับคืนไปถึงบ้านเกิดได้ ข้าจะต้องช่วยทวงความยุติธรรมแทนเจ้า เจ้าตัดใจด่าเขาไม่ลง แต่ข้าถึงอย่างไรก็เป็นคนอก แค่หาเหตุผลส่งเดชมาด่าเขาก็พอแล้ว จะได้ทำให้เขามึนงงสับสนเสียบ้าง”

จู๋เฉวียนเพิ่งจะพูดขาดคำก็มีหนึ่งภิกษุหนึ่งนักพรตเต๋าที่ตรงเอวห้อยป้ายสงบสุขปลอดภัยระดับหนึ่งของกรมอาญาต้าหลีจับมือกันทะยานลมมาถึง แล้วพลิ้วกายลงข้างกายจู๋เฉวียนกับผูหราง

ก็คือเจินเหรินจากอารามเสวียนตูเล็ก กับภิกษุที่อยู่ในวัดหยวนเยว่ใหญ่ซึ่งหากไม่อาจคลายปมในใจ ก็ไม่อาจบรรลุธรรม

ภิกษุยืนอยู่ข้างกายผูหราง ผูหรางถึงขั้นถอนเวทอำพรางตาออก กลับคืนไปเป็นร่างกระดูกขาวอีกครั้ง

ภิกษุเพียงแค่หันหน้ามามองนาง เอ่ยเสียงเบาว่า “ผู้บรรลุธรรมบรรลุธรรม ผู้รักถนอมรักถนอม หากมิอาจบรรลุธรรมได้ด้วยเหตุนี้ แสดงว่าต้องมีความผิดพลาด เช่นนั้นก็คงได้แต่ให้เป็นความผิดของข้าหรูไหลแล้วกัน”

ผูหรางเพียงแค่หันหน้ามาก่อนแล้วค่อยหันตัวกลับมา นางถึงขั้นหันหลังให้ภิกษุเฒ่า ราวกลับไม่กล้ามองเขา

จู๋เฉวียนกระทืบเท้าเอ่ย “มารดาข้า น่าสลดใจนัก”

เจินเหรินผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “เจ้าสำนักจู๋ทำลายบรรยากาศอันดีงามอีกแล้ว”

จู๋เฉวียนมือหนึ่งกดด้ามดาบ เชิดหน้าสูงมองไปทางทิศใต้ หลุดหัวเราะพรืด “ผายลมเจ้าน่ะสิ เหล่าเหนียงอย่างข้า ลี่ไฉ่ บวกกับผูหราง สตรีจากอุตรกุรุทวีปอย่างพวกเรา ไม่ว่าจะใช่ผู้ฝึกกระบี่หรือไม่ จะเป็นคนหรือเป็นผี เดิมทีก็คือทัศนียภาพอันงดงามอยู่แล้ว!”

ผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่ปักหลักอยู่บนรากภูเขาหลายเส้นของขุนเขาใต้ ผู้ฝึกลมปราณที่ขอบเขตค่อนข้างต่ำส่วนใหญ่จะไปอยู่บนภูเขาบรรพบุรุษของขุนเขาใต้ จากตีนเขาลามไปจนถึงช่วงกึ่งกลางภูเขา ปราณวิญญาณฟ้าดินเข้มข้นเปี่ยมล้นจนจับตัวกันเป็นไอน้ำไอหมอกแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตล่างบางส่วนเหมือนคน ‘เมาเหล้า’

ขยับสูงขึ้นไปอีกก็คือเรือกระบี่หลายลำที่จอดลอยอยู่กลางอากาศ

ซ่งมู่อ๋องเจ้าเมืองที่สวมชุดหม่างนั่งบัญชาการณ์กระโจมทัพที่อยู่นอกศาลบนยอดเขาของขุนเขาใต้ด้วยตัวเอง

ศึกของนครมังกรเฒ่า ซ่งมู่ถอนทัพมาช้ามาก

อ๋องเจ้าเมืองเฝ้าประตูแคว้น

ตรงกึ่งกลางภูเขาของขุนเขาใต้ เกาเฉิงวิญญาณวีรบุรุษของนครจิงกวาน จงขุยผีที่มีชาติกำเนิดมาจากวิญญูชนสำนักศึกษาของใบถงทวีป ยืนอยู่ข้างกายภิกษุเฒ่าคนหนึ่งที่สองมือกำลังลูบศีรษะโล้นเตียนของตัวเอง

ด้านหลังเกาเฉิงยังมีเด็กชายอีกคนหนึ่งที่กำลังมองแผ่นหลังของเขา ร้องเรียกคำหนึ่งว่าพี่ชาย จากนั้นก็บอกกับเกาเฉิงว่า นายท่านชุยตงซานมาถึงขุนเขาใต้แล้ว

เกาเฉิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ภูเขาทายาทของขุนเขาใต้ ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบสองท่าน หลี่เอ้อและหวังฟู่ซู่ยืนเคียงบ่ากัน นอกจากนี้ยังมีโจวมี่เจ้าขุนเขาแห่งสำนักศึกษาอวี๋ฝูที่มาจากอุตรกุรุทวีปเช่นเดียวกันซึ่งมีชื่อเดียวแซ่เดียวกับมหาสมุทรความรู้แห่งภูเขาทัวเยว่ปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ตนนั้น ดังนั้นเจ้าขุนเขาโจวจึงทิ้งประโยคหนึ่งไว้ที่สำนักศึกษาว่าระงับความโกรธกับมารดามันเถอะ แล้วจึงพาลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อของสำนักศึกษากลุ่มใหญ่เดินทางลงใต้มายังแจกันสมบัติทวีป แต่โจวมี่บอกให้พวกลูกศิษย์อยู่ที่เมืองหลวงแห่งที่สองซึ่งตั้งอยู่ภาคกลางของแคว้น ส่วนตัวเองเดินทางลงใต้มาเพียงลำพัง ทุกวันนี้รับผิดชอบนั่งบัญชาการณ์ภูเขาทายาทของขุนเขาใต้ร่วมกับสหายรักหลี่เอ้อและเจ้าเฒ่าบ้าบิ่นหวังฟู่ซู่

ภูเขาทายาทของขุนเขาใต้ลูกนี้ ระดับความสูงของตำแหน่งเป็นรองแค่จวนตระกูลเซียนแห่งหนึ่งของศาลบนยอดเขาเท่านั้น ตอนนี้กองกำลังแซ่สกุลใหญ่ทั้งหลายของนครมังกรเฒ่าต่างก็มาอยู่ที่นี่กันเป็นการชั่วคราว นอกจากตระกูลฝู ตระกูลฟ่าน ตระกูลซุนของนครมังกรเฒ่าแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีเซียนกระบี่ใหญ่ เซียนกระบี่ผู้อาวุโสอีกหลายท่านของภูเขาตะวันเที่ยง และยังมีสวี่หุนเจ้านครลมเย็น ตอนนี้ต่างก็เข้าพักในเรือนที่เงียบสงบคนละหลัง นายน้อยแห่งนครมังกรเฒ่าอย่างฝูหนันหัวกำลังพูดคุยกับไช่จินเจี่ยนบรรพจารย์ก่อกำเนิดของภูเขาเมฆาเรือง

ตระกูลแซ่สกุลใหญ่ทั้งหลายของนครมังกรเฒ่าได้ย้ายออกมานอกเมืองกันหมดแล้ว เพียงแต่ว่าความเสียหายก็ยังคงมากจนประเมินค่ามิได้ โชคดีที่ก่อนจะเกิดศึกใหญ่ เส้นทางการค้าทั้งหลายได้ช่วยสะสมกำลังทรัพย์ไว้ให้ไม่น้อย ต่อให้จะบาดเจ็บไปถึงเส้นเอ็นและกระดูก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นล้มแล้วลุกไม่ขึ้นอีก ขอแค่รักษาแจกันสมบัติทวีปเอาไว้ได้ ทุกอย่างก็ล้วนพูดง่าย เดิมทีนี่ก็คือการเดิมพันครั้งใหญ่ที่หากไม่เดิมพันมากได้กำไรมาก ก็ต้องแพ้จนหมดหน้าตัก นอกจากนี้ต้าหลีก็ไม่ยอมให้นครมังกรเฒ่าไม่ตอบตกลงด้วย

แล้วนับประสาอะไรกับที่ตระกูลฝูซึ่งมีฐานะเป็นผู้นำของนครมังกรเฒ่าได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทมากที่สุด แซ่สกุลใหญ่อื่นๆ ที่พึ่งพาพวกเขาต่อให้ถูกต่อยจนฟันร่วงก็ได้แต่กลืนทั้งเลือดทั้งฟันกลับลงไป เวลาปกติยังพอจะเค้นรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า แสร้งว่าทางว่าสงบเยือกเย็นได้ ไม่กล้าเผยความไม่พอใจออกมาแม้สักเสี้ยว เพราะถึงอย่างไรหากชนะสงครามใหญ่ครั้งนี้จริง ก็จะเป็นการค้าที่ได้กำไรมหาศาลครั้งหนึ่ง

ส่วนเรือข้ามทวีปแต่ละลำของนครมังกรเฒ่าซึ่งมีเกาะกุ้ยฮวาและเต่าทะเลภูเขาเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ในอาณาเขตแถบทิศเหนือของแจกันสมบัติทวีปนานแล้ว

สองสามีภรรยาสกุลสวี่และยังมีสวี่ปินเซียนทายาทของพวกเขาได้ร่วมกันประชุมลับกับบรรพจารย์ตระกูลเถาแห่งภูเขาตะวันเที่ยง ผู้ถวายงานพิทักษ์ขุนเขาและสตรีเถาจื่อ

ทุกวันนี้สวี่หุนเป็นผู้ฝึกตนสำนักการทหารขอบเขตหยกดิบแล้ว บนร่างสวมเสื้อเกราะโหวจื่อ

บุตรชายสายตรงสวี่ปินเซียน ในอดีตเคยมีนักพรตหญิงคนหนึ่งที่มีบุคลิกโดดเด่นสง่างามเดินทางมาเยือนนครลมเย็น และได้ตั้งชื่อให้กับทายาทของสวี่หุนด้วยตัวเอง ความหมายแฝงของชื่อก็คือ ‘คนบนภูเขาที่เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊’

ความสัมพันธ์ระหว่างภูเขาตะวันเที่ยงและนครลมเย็นไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่เป็นพันธมิตรกันอย่างเดียวเท่านั้น คนหลายคนที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือก็ยิ่งมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นประเภทที่ว่าหนึ่งรุ่งโรจน์ก็รุ่งโรจน์ไปด้วยกัน หนึ่งย่อยยับก็ย่อยยับไปพร้อมกัน

สวี่หุนที่สีหน้าไร้อารมณ์มองไปทางสตรีที่มาขออภัยโทษด้วยท่าทางกระวนกระวายไม่เป็นสุข น้ำเสียงของเขาไม่ถือว่าแข็งกระด้างมากนัก “แคว้นหูไม่ใช่เมืองเล็กๆ ที่พอปิดประตู เปิดค่ายกลปกป้องเมืองก็สามารถตัดขาดข่าวสารข้อมูลทุกอย่างได้ พื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางขนาดนั้น กินอาณาเขตไปหลายพันลี้ หลังจากหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ไม่มีทางที่จะไม่มีข่าวอะไรส่งมาเลยสักนิด พวกหมากทั้งหลายที่จัดวางไว้ในอดีตก็ไม่ได้ส่งข่าวมายังนครลมเย็นเลยหรือ?”

สตรีสกุลสวี่ส่ายหน้า “ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงไม่มีข่าวอะไรส่งกลับมาเลยสักนิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!