หลิ่วอวี้ชักกระบี่ออกจากฝัก เรือนกายเปล่งวูบหายไป ผลุบเข้าไปอยู่ในค่ายกลกระบี่ที่ยึดครองทั้งดินอวยพรและคนสามัคคี ในอดีตตอนที่อยู่ในสำนักกระบี่หลงเฉวียน ผู้อาวุโสหลายคนที่เดินขึ้นเขาไปก่อนหน้าต่างก็เคยถ่ายทอดวิชาสยบค่ายกลกระบี่ให้กับนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซี่ยหลิงผู้เป็นศิษย์พี่ที่เวลานั้นชื่อเสียงไม่เด่นดัง ทว่าภายหลังชื่อเสียงกลับขจรไกลไปทั้งทวีปที่ยิ่งสอนเวทคาถาการจำแลงกายที่ลี้ลับมหัศจรรย์บทหนึ่งให้แก่นาง หลิ่วอวี้ฟังคำสั่งจากอาจารย์ผู้มีพระคุณในการถ่ายทอดวิชา นอกจากกระบี่บินและค่ายกลกระบี่แล้ว กระบี่ที่เหลือนอกจากนั้นที่ส่งให้หลิวเสี้ยนหยาง นางล้วนใช้กระบวนท่ากระบี่ที่สำนักกระบี่หลงเฉวียนถ่ายทอดให้ทั้งสิ้น
ปราณกระบี่หลายเส้นที่มาพร้อมกับประกายแสงวิบวาบซึ่งอยู่ระหว่างตี๋ฮวาจำนวนนับไม่ถ้วนพากันฟาดฟันเข้าใส่หลิวเสี้ยนหยาง
วิถีโคจรของแสงวูบวาบพวกนั้นล่องลอยไม่หยุดนิ่ง แสงกระบี่ตัดสลับกัน แต่หลิวเสี้ยนหยางกลับเพียงแค่ใช้ปราณกระบี่ขับไล่กระบี่บินตี๋ฮวาทั้งหมดที่อยู่ใกล้ตัวออกไป กระบี่ยาวที่ไม่ใช่ของจริงในมือตวัดไปทางตะวันออกทีตะวันตกที ฟันแสงกระบี่แวววาวที่น่ามองเหล่านั้นให้ขาดสะบั้น แม่นางหลิ่วผู้นี้เป็นอย่างไรกันนะ รังแกที่ข้าเกียจคร้านฝึกตนตอนอยู่บนภูเขาใช่หรือไม่? ค่ายกลกระบี่ก็ดี กระบวนท่ากระบี่ก็ช่าง จะดีจะชั่วข้าก็เคยเห็นมาแล้วสองสามครั้ง ไม่ต้องเรียนรู้อะไรให้มากก็เป็นแล้วจริงๆ
ครู่หนึ่งต่อมาหลิ่วอวี้ก็ท่องคาถากระบี่ในใจ ปราณกระบี่วุ่นวายที่ถูกหลิวเสี้ยนหยางฟันทิ้งเชื่อมโยงเข้าหากันด้วยตัวเอง คล้ายแผ่นไม้ไผ่ที่ถักทอขึ้นเป็นตะกร้า กักขังหลิวเสี้ยนหยางที่ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงแค่ป้องกันไม่โจมตีให้อยู่ภายใน ปราณกระบี่พลันหดรวบเข้ามาเหมือนเชือกที่พลันรัดรึงแน่น
หลิวเสี้ยนหยางคร้านจะคิดหาวิธีฝ่าออกไปจึงเอาอย่างอีกฝ่าย ทำมุทราแบบเดียวกับหลิ่วอวี้ ค่ายกลกระบี่ที่ผุดขึ้นมากลางอากาศตรงมุมหนึ่งพลันกระจายออกดังปัง กระแทกชนเข้าด้วยกัน พละกำลังพอเหมาะพอดี เพียงแค่ทำลายค่ายกล แต่ไม่ทำร้ายคน ปราณกระบี่ของแต่ละฝ่ายต้านทานกันและกันจนหายไปเกลี้ยง แล้วก็ถือโอกาสกระแทกให้กระบี่บินตี๋ฮวาที่เป็นภาพมายาล่องลอยนั้นกระจายออกเหมือนบุปผาผลิบานมากกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าหลิวเสี้ยนหยางไม่อยากทำเกินกว่าเหตุ ในที่สุดจึงเป็นฝ่ายปล่อยกระบี่ออกไปเบาๆ หนึ่งที ต่อให้จะจงใจเก็บแรงไว้ แต่กระนั้นแสงกระบี่ก็ยังเหมือนพระจันทร์เสี้ยวที่สว่างพร่าจ้าตา พุ่งตรงเข้าหาหลิ่วอวี้ ผลคือนางนำตี๋ฮวาที่เป็นสีขาวหิมะหลายร้อยกลุ่มมาบดบังป้องกันอยู่เบื้องหน้าตัวเอง แต่กลับถูกแสงกระบี่ฟันจนแหลกสลาย นางจึงทำได้เพียงใช้กระบี่ที่อยู่ในมือมาบังตรงหน้า แต่กระนั้นไหล่สองด้านก็ยังถูกแสงกระบี่เหมือนสายน้ำพุ่งชนแล้วทะลักผ่านไป ชุดคลุมอาคมแหลกยับเยิน แขนข้างหนึ่งกับหัวไหล่สองข้างเกิดเป็นแผลสามตำแหน่งที่เห็นได้ชัด เลือดแดงฉานอาบโชก สภาพน่าสังเวชจนแทบไม่อาจทนมองดูได้
หลิวเสี้ยนหยางอึ้งค้างไร้คำพูดยิ่งกว่าหลิ่วอวี้เสียอีก เพราะรู้สึกเหนื่อยใจ
ก็เหมือนอย่างปีนั้นที่หลังจากทะเลาะกับเจ้าขี้มูกยืดน้อยแล้วยังต้องตีกับเขาอีกรอบ แสร้งทำเป็นว่าผลัดกันรุกผลัดกันรับ แน่นอนว่าเหนื่อยกว่าเจ้าตะพาบน้อยที่อายุน้อยๆ แต่ปากกลับเต็มไปด้วยกระบี่บินซึ่งตอนตีกันชอบกุมหัวร้องโอดโอยเสียอีก
หลิ่วอวี้กัดฟัน นึกถึงคำพูดของอาจารย์ที่บอกว่าต่อสู้ให้งดงามภายในหนึ่งก้านธูป นางก็แข็งใจ ยอมผลาญปราณวิญญาณในร่างจนหมดสิ้นอย่างไม่เสียดายเพื่อโคจรกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต ตี๋ฮวาเป็นกลุ่มๆ ล้อมวนอยู่รอบด้าน ปกป้องหนึ่งคนหนึ่งกระบี่เอาไว้ แม้ว่าจะจำนวนจะไม่มากเท่าก่อนหน้านี้ แต่ตี๋ฮวาทุกกลุ่มก็แฝงปราณกระบี่สีขาวหิมะที่น่าดูชมเอาไว้ ประหนึ่งถูกลมพัดแล้วพัดเอนไปแถบหนึ่ง ตี๋ฮวากลุ่มใหญ่ปลิวเข้าหาผู้ฝึกกระบี่ที่เดิมทีนางมีโอกาสจะเรียกเขาว่าศิษย์พี่หรือไม่ก็ศิษย์น้องคนนั้นอย่างรวดเร็ว
หลิวเสี้ยนหยางถอนหายใจ โยนกระบี่ยาวในมือออกไป กระบี่หยุดลอยอยู่ตรงหน้า ตั้งอยู่ตำแหน่งตรงกลาง สองฝ่ายซ้ายขวาทยอยกันปรากฏกระบี่ยาวหลายร้อยเล่มที่เหมือนกระบี่เล่มนี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ปราณกระบี่เข้มจาง ปณิธานกระบี่หนักเบาไม่มีความต่างกันแม้แต่น้อย
คล้ายเด็กนักเรียนประถมในโรงเรียนชนบทที่เกียจคร้านจะเล่าเรียนจึงขีดเส้นแนวตั้งจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาอย่างง่ายๆ
ทว่าในสายตาของผู้ฝึกตนบนภูเขา ค่ายกลกระบี่ที่สร้างขึ้นง่ายๆ ของหลิวเสี้ยนหยางนี้เหมือนม้าเหล็กทะลวงขบวนรบแนวหน้า ปราณกระบี่แผ่ไพศาล
ตี๋ฮวากระจัดกระจายที่มองดูแล้วงดงามกลุ่มนั้นกระแทกชนลงบนค่ายกลกระบี่ พลันกระจัดกระจายเป็นเศษสีขาวหิมะปลิวขึ้นสูงหลายจั้ง เหมือนน้ำขึ้นกระแทกชนหน้าผา ได้แต่กลับไปมือเปล่า
หลิ่วอวี้จึงได้แต่เก็บวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของกระบี่บิน รวบกระบี่บินเล็กจิ๋วที่เป็นสีขาวหิมะทั้งเล่มมาไว้ ฝืนข่มกลั้นอดทนกับความเจ็บปวดรวดร้าวที่ถูกชักนำจากจิตวิญญาณ ประกายแสงเปล่งวูบแล้วหายวับ แสงกระบี่วาดเส้นโค้งพุ่งตวัดเข้าหาหัวใจทางด้านหลังของหลิวเสี้ยนหยาง
หลิวเสี้ยนหยางไม่สะทกสะท้าน เพียงแค่มองตาของสตรีผู้นั้น แล้วก็ค้นพบเบาะแสบางอย่าง
แม่นางโง่ที่ใจอ่อนหนอ
เจ้าว่าเจ้าชอบใครดันไม่ชอบ ดันไปชอบเจ้าอวี่หลิ่นบ้ากามนั่น ต่อให้ลงจากเขาเปลี่ยนสำนัก แต่ไปฝึกกระบี่ที่ใดดันไม่ไป ดันมาอยู่ภูเขาตะวันเที่ยงที่ขนบธรรมเนียมเอนเอียงหล่นลงร่องน้ำไปนานแล้วแห่งนี้
หลิวเสี้ยนหยางขยับไปด้านข้างหนึ่งก้าว หลบพ้นกระบี่บินสีขาวหิมะเล่มนั้นมา หลังมือเคาะลงเบาๆ กระแทกให้ตี๋ฮวาเล่มนั้นกระเด็นออกไป จากนั้นก็ไม่จงใจถ่วงเวลาการถามกระบี่ครั้งนี้อีก ถึงอย่างไรคนฉลาดก็ล้วนรู้ดีว่าเป็นอย่างไร และคนนอกที่ไม่เชี่ยวชาญก็ไม่ถึงขั้นรู้สึกว่าหลิ่วอวี้ผู้ฝึกกระบี่แห่งยอดเขาฉงจือคนนี้ฝีมือไม่ได้เรื่องเกินไป
เมื่อความคิดของหลิวเสี้ยนหยางบังเกิดขึ้น ปราณวิญญาณฟ้าดินที่อยู่ใกล้กับหน้าประตูภูเขาก็เหมือนได้รับอภัยโทษ พลันรวมตัวกันขึ้นมาเป็นกระบี่ยาวจำนวนนับไม่ถ้วน ตรงจุดสูงเหมือนมีฝนกระหน่ำตกลงมายังโลกมนุษย์ ตรงจุดต่ำเหมือนพืชพรรณเขียวชอุ่มงอกงามแน่นครึ้ม
หลิ่วอวี้ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ สีหน้าซีดขาว นางยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ถึงขั้นไม่กล้าเก็บกระบี่บินตี๋ฮวามาด้วยซ้ำ
เพราะเหมือนนางมาอยู่ในป่ากระบี่แห่งหนึ่งที่สรรพสิ่งทั้งหลายคือปราณกระบี่ถักทอตัดสลับดุจพื้นที่ต้องห้ามแห่งทัณฑ์สวรรค์
เวลานี้หลิ่วอวี้ถูกปลายกระบี่พันกว่าเล่มที่ทับซ้อนกันรวมเป็นกลุ่มชี้พุ่งตรงมา ร่างทั้งร่างก็เหมือนจมสู่หลุมน้ำแข็ง
หลิวเสี้ยนหยางโบกมือหนึ่งครั้ง ป่ากระบี่ก็สลายหายไป เขายิ้มเอ่ยว่า “แม่นางหลิ่วสามารถกลับภูเขาได้แล้ว วันหน้าตั้งใจฝึกตนให้ดี เป็นคนอย่าไปเลียนแบบคนอื่น แค่ตั้งใจฝึกเวทกระบี่ของตัวเองไป ต้องมีความหวังบนมหามรรคาแน่นอน”
หลิ่วอวี้ถือกระบี่กุมหมัด ไม่เอ่ยอะไรสักคำ เก็บกระบี่บินแห่งชะตาชีวิต ขี่กระบี่กลับไปยังยอดเขาฉงจือด้วยอาการอกสั่นขวัญผวา
อันที่จริงหลิวเสี้ยนหยางอัดอั้นยิ่งกว่าหลิ่วอวี้เสียอีก เขาชูมือขึ้นสูง กระดิกฝ่ามือ บอกเป็นนัยว่ามาอีก
หลิวเสี้ยนหยางก้าวออกไปหนึ่งก้าวเดินผ่านซุ้มประตูภูเขามา เริ่มเดินขึ้นบันได หากพวกเจ้าไม่มา ข้าจะไปเองแล้วนะ
ทางฝั่งของหอถิงเจี้ยนบนยอดเขาอีเซี่ยน ผู้คุมกฎเยี่ยนฉู่เปิดปากยิ้มเอ่ยอีกครั้ง “ผู้ฝึกกระบี่แห่งยอดเขาอวี่เจี่ยว อวี่หลิ่นรับกระบี่”
แสงกระบี่เส้นหนึ่งสว่างวาบขึ้นจากตีนเขาของยอดเขาอวี่เจี่ยว แล้วพุ่งตรงมายังหน้าประตูภูเขาบรรพบุรุษอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มคนนี้พลิ้วกายลงหน้าประตูภูเขา สวมชุดคลุมตัวยาวรัดเข็มขัดหยก บนมวยผมปักปิ่นไม้ ใบหน้างดงามดุจหยก คือเซียนกระบี่โอสถทอง เจ้าของยอดเขาอวี่เจี่ยว อวี่หลิ่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!