เฉินผิงอันพอจะแน่ใจคร่าวๆ แล้วว่าแม่นางน้อยที่ใจใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้าผู้นี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนที่สามารถเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนได้ง่ายดายที่สุด
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ผู้เข้าใจคนอื่นคือผู้มีปัญญา ผู้เข้าใจตัวเองคือผู้รู้แจ้ง เจ้าและข้าต่างเป็นเหมือนกัน”
อวี๋อวี๋หัวเราะฮ่าๆ “คุยต่อไม่ได้แล้ว หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าคงต้องเอาอย่างก่ายเยี่ยนและหันโจ้วจิ่นที่เริ่มชอบอาจารย์เฉินแล้ว!”
ส่วนหนิงเหยาไม่หนิงเหยาอะไรนั่น เจ้าเป็นถึงเซียนกระบี่ใหญ่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งก็กล้ารังแกแม่นางน้อยอย่างข้าด้วยหรือ?
หากเรื่องแบบนี้ยังกล้า ก็ขอโทษด้วย ถ้าอย่างนั้นเจ้าหนิงเหยาก็ไม่คู่ควรกับอาจารย์เฉินของพวกเราแล้ว!
เฉินผิงอันยิ้มถาม “เจ้ามีความแค้นกับก่ายเยี่ยนหรือ?”
หันโจ้วจิ่นจากไปแล้ว ผีสาวก่ายเยี่ยนกลับยังรออยู่ข้างนอก
อวี๋อวี๋หัวเราะร่า “ไม่มีความแค้น ไม่มีความแค้น ก็แค่นางที่เป็นเถ้าแก่ ทุกวันเอาแต่ขี้เหนียว ไม่ว่าอะไรก็ต้องคิดบัญชี ความสามารถในการหาเงินคนนอกไม่มีแม้แต่น้อย ดีแต่จะหาเงินจากคนกันเอง ดูเข้าสิ พื้นที่ของพวกเราใหญ่ขนาดนี้ กลับมีแต่ห้องเปล่าๆ แม้แต่หญิงงามที่คอยเปิดประตูต้อนรับแขกสักคนก่ายเยี่ยนก็ยังไม่จ้างมา บอกว่าจะจ่ายเงินพวกนั้นไปทำไม โรงเตี๊ยมดีๆ แห่งหนึ่ง หรือว่าจะต้องทำให้กลายเป็นเหมือนยอดเขาฉงจือของภูเขามังกรพยัคฆ์ที่มีแต่กลิ่นเครื่องประทินโฉมอบอวล ถึงอย่างไรเหตุผลก็ล้วนเป็นของนาง แต่เงินน่ะไม่มี ข้ารำคาญนางไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้า เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “วิถีการหาเงินของก่ายเยี่ยนยากจะอธิบายได้หมดในคำเดียวจริงๆ”
ตอนที่คนทั้งสามจากไป
หนิงเหยาหรี่ตาลง “ดื่มเหล้าให้มาก พูดให้น้อย อย่าคิดอะไรเหลวไหล”
จากนั้นพออวี๋อวี๋กลับมาในลานบ้านก็ถูกฟ้าผ่าอยู่ตลอด นางวิ่งหนีอุตลุด โหวกเหวกว่าจำได้แล้ว จำได้แล้ว สุดท้ายนางเอาหัวโหม่งกำแพงลานบ้าน ล้มลงกองกับพื้นลุกไม่ขึ้นอีก
เณรน้อยโฮ่วแจว๋ ผีสาวก่ายเยี่ยนมาที่ฟ้าดินเล็กแห่งนี้ด้วยกัน
ก่ายเยี่ยนปลุกความกล้ามองไป เห็นว่าเป็นเซียนกระบี่ชุดเขียวที่นั่งอยู่บนขั้นบันได เฮ้อ ยังคงเป็นอาจารย์เฉินท่านนี้ที่ทำให้คนเลื่อมใส
คนก่อนหน้านั้นทำเอานางตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว
นางกะพริบตาปริบๆ เอ่ยนำขึ้นมาก่อนว่า “อาจารย์เฉินกับเซียนกระบี่หนิงสมกับเป็นคู่สร้างคู่สมที่ฟ้าประทานมา เป็นคู่รักเทพเซียนจริงๆ”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ขอบคุณที่พูดจาน่าฟัง”
ตอนแรกมัวทำอะไรอยู่นะ หากรู้จักพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องโดนซ้อมหลายรอบเช่นนี้
ไม่แน่ว่าตนอาจจะยังปรึกษากับเถ้าแก่เนี้ยะของโรงเตี๊ยมเช่นนาง ขอเรือนพักสักหลังเอาไว้ยามที่มาเที่ยวเมืองหลวง ถึงอย่างไรกิจการของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ธรรมดา ปล่อยเรือนหลายหลังไว้เปล่าๆ เช่นนี้ แล้วยังไม่มีกลิ่นอายของผู้คน แค่มองก็รู้แล้วว่านางไม่เชี่ยวชาญศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ ให้ตนเป็นคนจัดการโรงเตี๊ยม รับรองว่าทุกวันต้องมีคนเบียดเสียดกันแออัดแน่นอน
เฉินผิงอันคิดร้อยรอบแล้วก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ดูเหมือนว่าหนิงเหยาจะไม่มีความรู้สึกดีหรือแย่ต่อก่ายเยี่ยน มีเพียงความเฉยเมยไม่สนใจอย่างเดียวเท่านั้น
ก่ายเยี่ยนได้รับคำเตือนจากผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างนอกมาแล้ว นางจึงเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยตัวเองว่า “เรื่องของการฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตก่อกำเนิดในอนาคต ข้ามีวิชานอกรีตที่เป็นทางลัดให้เดินได้ อาจารย์เฉินไม่ต้องเป็นห่วง”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ข้าไม่กังวล”
เณรน้อยพนมสองมือ “ขอให้พระพุทธเจ้าช่วยปกป้องคุ้มครองให้การฝึกตนของอาจารย์เฉินและเซียนกระบี่หนิงราบรื่น สมดังใจปรารถนา ครองคู่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า มีแต่ความสุขสมหวัง มีเรื่องมงคลมาเยือนไม่ขาดสาย ให้กำเนิดบุตรในเร็ววัน…”
เฉินผิงอันกลั้นไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา
หนิงเหยาสีหน้าไร้อารมณ์ ตีหน้าเคร่งเตะเฉินผิงอันไปหนึ่งที
จากนั้นก็เรียกเด็กหนุ่มโก่วฉุนมา
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ประมือกันหลายครั้งล้วนถูกข้าจงใจจัดการก่อนใคร พูดมาเถอะ ท่าไม้ตายคืออะไร?”
เด็กหนุ่มถาม “พูดได้หรือ? ไม่ถือว่าละเมิดข้อห้ามใช่หรือไม่?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “พูดได้ ข้ารับผิดชอบเอง”
โก่วฉุนถึงได้เอ่ยว่า “ภายหลังข้าได้วัตถุแห่งชะตาชีวิตมาชิ้นหนึ่ง มีความเกี่ยวข้องกับโชคด้านการเงิน จึงค่อนข้างจะเก็บเงินได้ง่าย”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึง บนเส้นทางการฝึกตน น้อยครั้งนักที่เฉินผิงอันจะอิจฉาคนอื่นเช่นนี้ ร้านผ้าห่อบุญเช่นตนต้องคอยเบิกตาให้กว้าง เค้นสมองครุ่นคิดแทบตาย เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนอิสระแล้วยังเหมือนผู้ฝึกตนอิสระมากกว่าเสียอีก กว่าจะได้เงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบากช่างยากเย็น!
“ราชครูยังบอกว่าอันที่จริงข้าคือ…ผียากจน ข้าไม่กล้าถามมาก ภายหลังอวี๋อวี๋นึกคำกล่าวอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ บอกว่าอาจเป็นเพราะผู้ฝึกตนแผนภูมิดินอย่างพวกเราหาเงินได้เร็วเกินไป อีกทั้งยังค่อนข้างคล้ายกับเงินที่ได้มาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ต้องยากจนสักหน่อย”
“ภายหลังราชครูยังบอกด้วยว่า รอให้ในอนาคตข้าได้เลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนเมื่อไหร่ก็จะได้ครอบครองโชคชะตาของแจกันสมบัติทวีปมาเล็กน้อย แม้ว่าคุณสมบัติจะไม่ค่อยได้เรื่อง เมื่อเทียบกับพวกหยวนฮว่าจิ้งและซ่งซวี่แล้วยังห่างชั้นกว่ามาก แต่ขอแค่เหยียบยืนลงบนพื้นได้อย่างมั่นคง เดินได้อย่างมั่นคง ก็มีหวังที่จะกลายเป็นเซียนเหรินคนหนึ่งได้”
“ราชครูยังบอกอีกว่ารอให้ข้าเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบเมื่อไหร่ก็จะอนุญาตให้ข้าไปรับหน้าที่เป็นราชครูของแคว้นใต้อาณัติแห่งหนึ่งของต้าหลี”
เฉินผิงอันกลั้นขำ “ราชครูยังพูดอะไรอีก?”
โก่วฉุนเกาหัว “ราชครูยังบอกว่า อันที่จริงเนื้อหมาอร่อยมาก ตอนนั้นข้าตกใจกลัวแทบตาย”
คนสุดท้าย หยวนฮว่าจิ้ง
ดูเหมือนว่าหยวนฮว่าจิ้งจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เวลานี้เขายืนอยู่ล่างขั้นบันไดเพียงลำพัง มองดูแล้วไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไร
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ขอบเขตสูง บารมีสูง เอาเซียนกระบี่หยวนมาปิดฉากตอนท้ายก็เหมาะสมจริงๆ”
หยวนฮว่าจิ้งกล่าว “ข้าเป็นแค่ขอบเขตก่อกำเนิด ไม่อาจรับคำเรียกขานว่าเซียนกระบี่ได้”
เฉินผิงอันถาม “มีใจที่เห็นแก่ตัวหรือไม่?”
หยวนฮว่าจิ้งตอบ “มี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!