ปีนั้นเสี่ยวโม่ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปในใต้หล้าเพียงลำพัง คงเพราะการแต่งกายของเขาชัดเจน จึงง่ายที่จะถูกคนจำได้
ผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งที่สามารถพูดคุยกับเจ้าแห่งถ้ำปี้เซียวอย่างถูกคอ แล้วยังร่วมกันหมักเหล้า นิสัยใจคอเป็นอย่างไร แน่นอนว่าไม่ต้องเดา
เงยหน้าขึ้น เฉินผิงอันมองดรุณีน้อยที่ขยับม้านั่งไปนั่งอยู่ข้างกายหญิงชรา เขาลุกขึ้นยืน ยกเท้าขึ้นยิ้มเอ่ย “แม่นางน้อย เส้นด้ายชะตาคู่จะจับโยงกันมั่วซั่วไม่ได้ รบกวนช่วยเก็บไปด้วย”
เด็กสาวทำหน้าเหลอหลา ท่าทางออดอ้อน ไร้เดียงสาไม่รู้ความ
เฉินผิงอันประกบสองนิ้วเข้าด้วยกันแล้วปาดลงไปข้างเท้าตัวเองเบาๆ ก็สามารถสะบั้นเชือกแดงที่มองไม่เห็นซึ่งผูกไว้ที่ข้อเท้าของตนกับเย่อวิ๋นอวิ๋นได้อย่างง่ายดาย
เด็กสาวพลันหรี่ดวงตาผลซิ่งคู่นั้นลง
ตามคำกล่าวของอาจารย์ นี่ต้องเป็นเซียนกระบี่บนภูเขาคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว!
ไม่ต้องใช้ศาสตราวุธเทพหรือกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตอะไรก็สามารถสะบั้นด้ายผูกชะตาที่ตนผูกไว้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังทำได้สบายๆ เหมือนใช้มีดผ่าเต้าหู้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีตบะเป็นขอบเขตเซียนเหรินแล้ว
หญิงชราเหม่อมอง ‘มือกระบี่’ ชุดเขียวอย่างเหม่อลอย นางถอนหายใจ ตบศีรษะของเด็กสาวเป็นการบอกนางว่าอย่ากลัว บางทีหญิงชราคงรู้ว่าวันนี้เรื่องมิอาจจบลงด้วยดีได้แน่แล้ว นางจึงก้มหน้าหัวเราะ หยิบเอาเศษกระจกสีมองที่มีวงโค้งงดงามชิ้นหนึ่งออกมา ใช้ชายเสื้อเช็ดมันเบาๆ วัตถุดิบคล้ายคลึงแก้วใสแต่กลับไม่ใช่แก้วใส อีกทั้งยังกลึงมาอย่างประณีติ ช่างทำกระจกล่างภูเขาไม่มีทางขัดเกลาได้อย่างนี้แน่นอน
หญิงชราเงยหน้าขึ้น ใช้น้ำเสียงเดิมของตนเปิดปากพูดด้วยเสียงแหบพร่าว่า “คิดไม่ถึงว่าอยู่ห่างแคว้นสู่โบราณมาไกลขนาดนี้แล้วจะยังโชคดีได้พบเจอเซียนกระบี่พสุธาอายุน้อยคนหนึ่งได้อีก”
เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพียงแค่สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เหลือบมองของที่อยู่ในมือหญิงชรา ได้เปิดโลกกว้างแล้ว
วังมังกรปลูกหลิงจือหยก หว่านไถแก้วใสสีม่วง
วัสดุใสแวววาวแทบจะใกล้เคียงกับวัตถุที่สร้างขึ้นด้วยกรรมวิธีลับของหอแก้วใสนครจักรพรรดิขาวแล้ว อีกทั้งอยู่ในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ของสิ่งนี้ก็ยังมีประโยชน์ที่มหัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่ง เหมาะจะนำมาหลอมเป็นวัตถุที่ช่วยในการมองไกลมากที่สุด ขุนนางล่างภูเขาที่อายุมากแล้ว หรือไม่ขุนนางชนชั้นสูงที่อายุน้อยๆ ก็สายตาไม่ดี ของสิ่งนี้จะสามารถช่วยให้ความสามารถในการมองเห็นกลับคืนมาเป็นเหมือนตอนอายุยังน้อยได้อีกครั้ง นอกจากนี้กองโหราศาสตร์ของแต่ละแคว้นในแผ่นดินกลางยังได้ครอบครองวัตถุที่ทำขึ้นด้วยวิธีการลับของสกุลลู่หยินหยางอีกชนิดหนึ่ง เล่าลือกันว่าเป็นวัตถุที่ต่อให้ใช้ตาเนื้อของคนธรรมดาก็ยังมองเห็นดวงดาวที่อยู่ห่างไปไกลเหมือนมันมาอยู่ตรงหน้า ยามที่มองดวงดาวบนท้องฟ้าจะเห็นเส้นสายได้อย่างชัดเจนประหนึ่งเทพที่มองขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามือ
เฉินผิงอันทรุดตัวลงนั่งยองอีกครั้ง ยื่นสองมือไปอังไฟ ยิ้มถามว่า “กล่องเหล็กใต้แม่น้ำที่วาดเป็นลายน้ำใบนั้นคือของเก่าแก่ของวังมังกร เป็นของรักที่ท่านยายเก็บรักษาไว้หรือ? แต่เมื่อสามร้อยปีก่อนกลับถูกใครบางคนงมขึ้นมาได้แล้วส่งไปให้วังหลวงแคว้นหยวน?”
หญิงชรามองเซียนกระบี่ชุดเขียวที่สีหน้าอ่อนโยนแล้วยิ้มเอ่ย “ขอแค่เซียนกระบี่ช่วยนำยันต์ชิ้นหนึ่งออกไปให้ได้ วันนี้หญิงชราเช่นข้าจะบอกทุกเรื่องที่รู้แก่ท่านทั้งหมด ไม่อย่างนั้น”
หญิงชราส่ายหน้า “ไม่อย่างนั้นต่อให้คุณชายเป็นเซียนกระบี่บนภูเขาก็ไม่กล้าฆ่าข้าจริงๆ หรอก”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ยันต์ที่เจินเหรินจวนเทียนซือท่านหนึ่งเขียนขึ้นกับมือตัวเอง ทั้งเป็นตราผนึกบ่อสายฟ้าแล้วก็สามารถเอามาใช้เป็นยันต์คุ้มกันชีวิตได้จริงๆ”
หญิงชรามองหวงอีอวิ๋นแห่งผูซาน พอถอนสายตากลับมาก็มองบุรุษชุดเขียวที่พูดภาษากลางของใบถงทวีปสำเนียงถูกต้องชัดเจนตรงหน้าอีกครั้ง เอ่ยชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณชายมีสายตาเฉียบแหลมจริงๆ พลิกเปิดปฏิทินเหลืองตรวจสอบเรื่องวงในได้คล่องแคล่วเหมือนนับสมบัติในบ้านตัวเอง”
ศึกพิฆาตมังกรของเมื่อสามพันปีก่อน เข่นฆ่าเสียจนทายาทเจียวหลงและเผ่าพันธุ์น้ำนับพันนับหมื่นในใต้หล้าพากันหยุดชะงักอยู่ที่ขอบเขตก่อกำเนิด แล้วก็มิอาจเดินหน้าได้อีก อย่างมากสุดก็แค่เดินลงน้ำกลายเป็นเจียว ย่อมไม่มีใครกล้าเดินลงลำน้ำใหญ่กลายเป็นมังกรเด็ดขาด
บนโลกไม่มีการจำแลงร่างจากปลาเป็นมังกรอีกต่อไป
ทุกวันนี้ขุนเขาสายน้ำยกเลิกคำสั่งห้าม เผ่าน้ำในใต้หล้าเหมือนได้รับอภัยโทษ พากันไปรวมตัวอยู่ที่ประตูมังกรของนครจักรพรรดิขาว ว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นไป กระโดดข้ามประตูมังกร ขอแค่สามารถข้ามไปอยู่ในถ้ำสวรรค์เล็กหวงเหอได้สำเร็จก็จะได้รับการแต่งตั้งจากทางศาลบุ๋น
น่าเสียดายที่ทางฝั่งของภูเขามังกรพยัคฆ์ไม่มีเจินเหรินจากจวนเทียนซือเดินทางมาที่นี่ ช่วยคลายตราผนึกยันต์ที่มีพลานุภาพน่าครั่นคร้ามให้กับนาง
ราวกับว่าลืมเรื่องนี้ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เย่อวิ๋นอวิ๋นดื่มชาหนึ่งอึก รู้สึกอัดอั้นเป็นอย่างยิ่ง
ฝนกระหน่ำนอกเพิงน้ำชาพลันหยุดลง
มีนักพรตชุดม่วงคนหนึ่งเดินเข้ามา
สถานะของนักพรตผู้เฒ่าในทุกวันนี้คือเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นเหลียง
เทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ เหลียงส่วง
หญิงชรามองเจินเหรินผู้เฒ่าที่ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายมหามรรคาเข้มข้น คุ้นเคย คุ้นเคยยิ่งนัก แม้ว่าจะไม่ใช่เทียนซือหนุ่มของภูเขามังกรพยัคฆ์ในปีนั้น แต่ในที่สุดตนก็รอคอยจนได้พบเจอกับเจินเหรินจากจวนเทียนซือคนหนึ่งแล้ว สีหน้าของนางอึ้งค้างไปพักใหญ่ ก่อนจะพลันกรีดร้องเสียงแหลม สิบนิ้วสองมืองอเป็นตะขอจิกใบหน้าที่แห้งเหี่ยวของตัวเองเอาไว้แน่น สีหน้าเหมือนหัวเราะแต่ไม่ได้หัวเราะ เหมือนร้องไห้แต่ไม่ได้ร้องไห้ คล้ายคนวิปลาส พูดเสียงสั่นแทบใกล้เคียงกับการวิงวอน “ขอเทียนซือโปรดเอายันต์ออกไป ขอร้องเจินเหรินโปรดเมตตา ข้าผิดไปแล้ว…”
เจินเหรินผู้เฒ่าเอาสองมือไพล่หลัง ไม่สนใจหญิงชราที่มีสีหน้าเศร้าตรมขมขื่นแม้แต่น้อย เพียงแค่หัวเราะหึหึเอ่ยว่า “วิถีทางโลกใบนี้ คิดจะทำเรื่องดีๆ เรียนรู้เอาอย่างคนอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสักเท่าไรเลยนะ หากยังอยากเริ่มต้นด้วยดีแล้วจบลงด้วยดีก็ยิ่งยากกว่าเสียอีก”
หลินส่วงมาที่ข้างกระถางไฟ กดไหล่ข้างหนึ่งของเฉินผิงอันที่กำลังจะลุกขึ้นเบาๆ จากนั้นก็นั่งยองด้วยกัน เจินเหรินผู้เฒ่าหยิบเหล้าเหลืองร้อนๆ กานั้นขึ้นมากระดกดื่มจนหมด สองนิ้วคีบถ่านแดงฉานก้อนหนึ่งขึ้นมา เช็ดมุมปาก จากนั้นโยนกาเหล้าที่ว่างเปล่าไปข้างหลัง โยนลงไปในแม่น้ำชื่อหลินสายนั้น
เจินเหรินผู้เฒ่ายังคงพูดพึมพำกับตัวเองต่อ “ก็เหมือนอย่างสหายน้อยเฉินที่แค่เห็นก็ถูกชะตาข้างกายข้าผู้นี้ ไยไม่ใช่คนหนุ่มอารมณ์วู่วาม ง่ายที่จะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เป็นเหตุให้ทำอะไรโดยใช้อารมณ์ ยอมอุทิศตนเพื่อเมตตาธรรมเล่า อายุน้อยๆ ก็ทำเรื่องดีมาหลายครั้งแล้ว โชคดีที่ยังไม่ตาย ในสายตาของคนนอก แน่นอนว่าแค่พูดว่าโชคดีก็จบเรื่องกันแล้ว เพียงแต่ว่ารสชาติที่ต้องพบเจอเป็นเช่นไร หวานหรือขมย่อมรู้แค่ตัวเอง มิอาจบอกกล่าวแก่คนนอกได้”
เฉินผิงอันหยิบเหล้าหมักข้าวเหนียวสองกาออกมาวางลงในกระถางไฟ
เจินเหรินผู้เฒ่ารอคอยให้เหล้าต้มค่อยๆ ร้อน จากนั้นก็ถามว่า “สหายน้อยเฉิน ในเมื่อชอบอ่านตำราเบ็ดเตล็ดขนาดนั้น มีนิยายเรื่องใดที่ถูกใจมากเป็นพิเศษหรือไม่? อย่าเพิ่งพูด ขอให้ข้าได้เดาดูก่อน มีของเวินฉีหรือไม่ ถ้ามี ใช่บทเวินเฟยชิงหรือไม่? หืม?”
“เจินเหรินทำนายได้แม่นยำจริงๆ”
เฉินผิงอันยิ้มอย่างรู้ทัน พยักหน้าเอ่ย “ในบรรดานิยายสามเรื่องที่ผู้เยาว์ชอบมากที่สุดก็มีบท ‘โต่วอี้’ อยู่จริงๆ”
อันที่จริงนามแฝงที่ใช้ในปีนั้น ท่ามกลางชื่อที่เตรียมไว้กระบุงใหญ่ ชื่อโต่วอี้ที่พบเห็นได้ยากนี้เคยตีคู่มากับชื่อเฉาโม่ และตอนนี้เขาก็คิดว่าหากได้ไปท่องเที่ยวทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางพร้อมกับหลิวจิ่งหลงก็ว่าจะใช้นามแฝงนี้พอดี
เจินเหรินผู้เฒ่าถามอีก “ความยอดเยี่ยมที่สุดของบทนี้อยู่ตรงใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!