ผู้คุมกฎฉางมิ่งพาหมี่ลี่น้อยไปเดินเล่นด้วยกัน
เฉินผิงอันเองก็ไปเดินเล่นกับเจี่ยเฉิง ยิ้มถามว่า “ปรับตัวกับสถานะตอนนี้ได้แล้วกระมัง?”
เจี่ยเฉิงรีบประสานมือคารวะทันใด เอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “เพราะเจ้าสำนักให้ความสำคัญ โชคดีได้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญ จึงวางตัวรอบคอบระมัดระวัง ไม่กล้าประมาทเลินเล่อเลยแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่กล้าวาดงูเติมขาด้วย คิดไปคิดมาก็ได้แต่ยึดมั่นในหลักการข้อหนึ่ง มองให้มากฟังให้มากยิ้มให้มาก พูดให้น้อยทำให้น้อยโอ้อวดให้น้อย เดิมทีตบะของข้าก็ตื้นเขิน เป็นแค่ขอบเขตประตูมังกรตัวเล็กๆ คนหนึ่ง อย่าว่าแต่ช่วยส่งถ่านท่ามกลางหิมะให้กับเรือเฟิงยวนเลย ต่อให้เป็นการปักบุปผาลงบนผ้าแพร ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะทำสำเร็จ ก็เลยคิดว่าอันดับแรกคือไม่ทำผิดพลาด แล้วค่อยเดินหนึ่งก้าวดูไปหนึ่งก้าว พยายามทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อภูเขาลั่วพั่ว จะทำผิดต่อความหวังยิ่งใหญ่ที่เจ้าขุนเขาฝากไว้ให้ไม่ได้”
ผู้คุมกฎฉางมิ่งของภูเขาลั่วพั่วและเหวยเหวินหลงท่านเทพเจ้าแห่งโชคลาภต่างก็ถือว่ามาช่วยงานบนเรือเฟิงยวนชั่วคราว รอแค่ให้งานเฉลิมฉลองของสำนักเบื้องล่างสิ้นสุดลงก็จะหวนกลับไปยังภูเขาลั่วพั่ว
ตามการจัดการของชุยตงซาน ผู้ที่ดูแลเรือข้ามฟากอย่างแท้จริงในท้ายที่สุด อันที่จริงยังคงเป็นเจี่ยเฉิงที่ต้องต้อนรับขับสู้ผู้คนและจางเจียเจินนักบัญชี
เรือข้ามฟากเฟิงยวนเดินทางข้ามผ่านสามทวีป ต้องผ่านท่าเรือทั้งหมดสิบเจ็ดแห่ง พูดถึงแค่ใบถงทวีปที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าแห่งนี้ หากรวมท่าเรือเหย่อวิ๋นของภูเขาหลิงปี้ และท่าเรือใบท้อของต้าเฉวียนเป็นหนึ่งในนั้นก็มีท่าเรือมากถึงเจ็ดแห่งแล้ว
โดยสารเรือข้ามทวีปเฟิงยวน ขุนเขาสายน้ำงดงามตระการตาล้วนอยู่ในคลองจักษุ อยู่กลางอากาศสูงหลุบตามองแผ่นหลังนก แหวกว่ายมหรรณพข้ามผ่านเกล็ดมังกรดารดาษ ประหนึ่งจักรพรรดิทะยานเมฆมาเยือนยอดเขาเขียว เห็นเพียงภูเขาขจีนับไม่ถ้วนก้มกราบกราน
ขุนเขาสายน้ำสามทวีปที่ตั้งอยู่บนแนวเส้นเหนือใต้ของใต้หล้าไพศาล ตั้งแต่เหนือสุดซึ่งเป็นที่ตั้งของตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนราชวงศ์ต้าหยวน จนถึงใต้สุดที่ตั้งของท่าเรือชวีซาน เรือข้ามฟากเดินทางมาหนึ่งรอบนี้ มีเทพเซียนบนภูเขาแบบใดบ้างที่เจี่ยเฉิงไม่เคยเห็นมาก่อน เหวยอวี่ซงเทพเจ้าแห่งโชคลาภของสำนักพีหมาชายหาดโครงกระดูก ทุกวันนี้ก็เรียกตนว่าน้องเจี่ยแล้ว และยังมีเทพธิดาหลายคนที่อยู่ในตำหนักฉางชุนเมืองหลวงต้าหลีที่พากันเรียกขานเขาว่านักพรตเจี่ย เรียกจนเทพเซียนผู้เฒ่าอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซานจวินใหญ่ที่ทั้งแจกันสมบัติทวีปรวมกันแล้วก็มีแค่ห้าท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว่ยป้อซานจวินแห่งขุนเขาเหนือ นั่นคือคนบ้านเดียวกัน ได้รับการยอมรับว่ามีความสัมพันธ์บนภูเขาแนบแน่นราวกับว่าภูเขาพีอวิ๋นสวมกางเกงตัวเดียวกับภูเขาลั่วพั่ว ไม่จำเป็นต้องพูดมากแม้แต่ครึ่งคำ นอกจากนี้จิ้นชิงซานจวินแห่งขุนเขากลาง ฟ่านจวิ้นเม่าซานจวินหญิงแห่งขุนเขาใต้ ทุกวันนี้เจี่ยเฉิงก็กลายเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาของทั้งสองแล้ว
เฉินผิงอันพยักหน้า “ในใจรู้ให้มาก ปากพูดให้น้อย”
เทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยอึ้งทึ่งตกตะลึง ทำสีหน้าและเสียงทอดถอนใจประกอบไปด้วย เรียกได้ว่าคล่องแคล่วดุจเมฆคล้อยน้ำไหล “พูดมาตั้งนานก็ยังไม่ได้ข้อคิดที่เฉียบแหลมอย่างเจ้าขุนเขา เจี่ยเฉิงเป็นผู้ดูแลของเรือข้ามฟากก็เปลืองแรงมากแล้ว เจ้าขุนเขากลับมีนิสัยผ่อนคลายเรียบง่าย ไม่แก่งแย่งชิงดีกับโลกภายนอก มีอาณาเขตของสำนักสองแห่งภูเขาสองแห่ง นี่ถึงได้เป็นตัวจำกัดฝีมือของเจ้าขุนเขา ไม่อย่างนั้นในสายตาของเจี่ยเฉิงแล้ว ขอแค่เจ้าขุนเขายินดี คิดจะเป็นฮว่อหลงเจินเหรินแห่งแจกันสมบัติทวีป เป็นฝูลู่อวี๋เซียนแห่งใบถงทวีป ผู้คนก็ต้องให้การยอมรับแน่นอน”
เฉินผิงอันไม่ต่อปากต่อคำกับเขาในเรื่องนี้ รีบเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการถามว่า “ป๋ายเสวียนล่ะ?”
เจี่ยเฉิงลูบหนวดยิ้ม ตอบเสียงเบาว่า “อยู่บนเรือนี่แหละ เวลานี้น่าจะกำลังปิดด่าน ไม่อย่างนั้นคงออกมาพบเจ้าขุนเขาตั้งแต่ได้ข่าวแล้ว เมื่อเทียบกับตอนอยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ทุกวันนี้การหลอมกระบี่ของอิ่นกวานน้อยน้อยท่านนี้ของพวกเรา เรียกได้ว่ามานะหมั่นเพียรกว่าเดิมเยอะมาก บางทีอาจเป็นเพราะกำลังอดทนอดกลั้น ด้วยไม่ยินดีจะถูกซุนชุนหวังที่เป็นคนวัยเดียวกันทิ้งระยะห่างไปไกล เจ้าขุนเขา บอกตามตรงนะ ข้ารอคอยจะได้เห็นภูเขาลั่วพั่วและภูเขาเซียนตูในอีกร้อยปีให้หลังอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่คิดถึงว่าตนเองสามารถเป็นหนึ่งในนั้นก็ล้วนรู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย ความทุกข์ยากจากการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อยน้อยนิดแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่ขึ้นเหนือล่องใต้มาตลอดทาง อันที่จริงก็ล้วนอยู่บนเรือเฟิงยวนมาโดยตลอด นอนเสพสุขอยู่อย่างเดียว หากจะบอกว่าต้องวิ่งเต้นอย่างเหน็ดเหนื่อย ก็ถือเป็นคำพูดอย่างไร้ความละอายของข้าแล้ว”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “จุดที่ให้ลงมือมีไม่มาก จุดที่ให้ตั้งใจมีไม่น้อย ยังไงก็ยังลำบากมากอยู่ดี เชื่อว่าผู้คุมกฎฉางมิ่งล้วนมองเห็นอยู่ในสายตา”
เจี่ยเฉิงนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะพึมพำว่า “มีคุณธรรมมีความสามารถใดถึงได้มาพบเจอเจ้าขุนเขาได้นะ”
ประโยคนี้ไม่ใช่ถ้อยคำประจบสอพลอของเทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ย แต่เป็นถ้อยคำสัตย์จริงที่ออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจจริงๆ
ตอนเด็กฉลาดเกินวัย แก่ตัวไปมีโชคในช่วงบั้นปลาย ก็คือเรื่องโชคดียิ่งใหญ่สองเรื่องบนโลกมนุษย์
หนึ่งอาศัยบุญกุศลที่สะสมมาจากชาติก่อน หนึ่งอาศัยการทำบุญทำความดีของชาตินี้
เฉินผิงอันถาม “ทางฝั่งของท่าเรือชวีซาน หวังจี้ผู้ถวายงานของสำนักกุยหยกกับสวีเซี่ยเค่อชิงสกุลหลิวของธวัลทวีป เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นคนแบบใด?”
เจี่ยเฉิงใคร่ครวญหาถ้อยคำอย่างระมัดระวัง “หวังจี้มีชาติกำเนิดจากลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อ นิสัยแข็งกร้าว พูดจาผึ่งผายตรงไปตรงมา ส่วนเซียนกระบี่ใหญ่สวีท่านนี้ มองดูเหมือนนิสัยเย็นชา ไม่น่าเข้าใกล้ แต่กลับมีจิตใจที่เร่าร้อนกระตือรือร้น คาดว่าคนอย่างสวีเซี่ยนี้คงคบหาใครเป็นเพื่อนได้ไม่ง่าย แต่ขอแค่เป็นเพื่อนกันแล้วก็สามารถฝากชีวิตไว้ให้ได้แล้ว”
หวังจี้ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่สำนักกุยหยกอบรมปลูกฝังมาด้วยตัวเอง เคยเป็นคนที่ด่าเจียงซ่างเจินแห่งใบถงทวีปดุเดือดรุนแรงที่สุด คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายกลับกลายมาเป็นผู้ถวายงานในศาลบรรพจารย์สำนักกุยหยก ว่ากันว่าเหวยอิ๋งเจ้าสำนักคนปัจจุบันเป็นคนเชื้อเชิญให้หวังจี้ไปที่ยอดเขาจิ่วอี้ด้วยตัวเอง
ผู้ฝึกกระบี่สวีเซี่ยที่ช่วยเฝ้าพิทักษ์ท่าเรือชวีซานให้แทนสกุลหลิวธวัลทวีป มีฉายาว่า ‘สวีจวิน’ คือเซียนกระบี่ใหญ่แห่งเกราะทองทวีปที่เพิ่งจะอายุสองร้อยปีท่านหนึ่ง บนสนามรบของภาคเหนือในบ้านเกิด หวานเหยียนเหล่าจิ่งบินทะยานเฒ่าแอบสวามิภักดิ์กับโจวมี่มหาสมุทรความรู้อย่างลับๆ ในการประชุมครั้งสูงครั้งหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็ระเบิดความดุร้ายลงมืออำมหิตอย่างไม่มีลางบอกเหตุ หากไม่เป็นเพราะสวีเซี่ยเป็นคนออกกระบี่ขัดขวางนำไปก่อนใคร ร่วมมือกับผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางของเกราะทองทวีปคนหนึ่งสกัดกั้นการแว้งกลับมาโจมตีกับหวานเหยียนเหล่าจิ่งเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นจำนวนผู้ฝึกตนเซียนดินที่บาดเจ็บล้มตาย เกรงว่าอย่างน้อยน่าจะเพิ่มไปอีกเท่าตัว ตอนนั้นสถานการณ์การสู้รบของเกราะทองทวีปมีแต่จะยิ่งเละเทะไม่เหลือสภาพดี ไม่แน่ว่าไฟสงครามอาจจะฉวยโอกาสลามไปยังหลิวเสียทวีปที่อยู่ภาคเหนือด้วยก็เป็นได้
เฉินผิงอันกล่าว “วันหน้าจะช่วยแนะนำยอดฝีมือลัทธิเต๋าคนหนึ่งของภูเขามังกรพยัคฆ์ให้เจ้าได้รู้จัก ผู้อาวุโสท่านนี้ก็จะมาเข้าร่วมงานพิธีของสำนักพวกเราพอดี”
เจี่ยเฉิงคารวะตามขนบลัทธิเต๋าต่อเจ้าขุนเขาก่อนเพื่อแสดงการขอบคุณ จากนั้นก็ถามอย่างใคร่รู้ว่า “คงไม่ใช่ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์หวงจื่อบางท่านที่มาจากจวนเทียนซือหรอกกระมัง?”
ด้วยสถานะของเจ้าขุนเขาในทุกวันนี้ รู้จักผู้สูงศักดิ์หวงจื่อคนหนึ่งจะนับเป็นอะไรได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเคยพบหน้าพูดคุย แล้วเรียกกันเป็นสหายกับเทียนซือใหญ่คนปัจจุบันเลยก็เป็นได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!