ไม่เหมือนกับแจกันสมบัติทวีป ในประวัติศาสตร์ของใบถงทวีป
มีลำน้ำเก่าอยู่สายหนึ่ง เพียงแต่ว่าเวลาผันผ่านมาเนิ่นนานจึงถูกราชวงศ์
นครของแคว้นเล็กต่างๆ จวนตระกูลเซียนที่ตั้งอยู่เลียบลำน้ำของภาค
กลางในทวีปแบ่งสัดส่วนกันจนกระจัดกระจายไปหมดแล้ว ซ่อมเก่า
เหมือนเก่า ไม่ได้มีความหมายเท่าใดนัก ของเก่าก็ยังเหมือนของใหม่
ไม่ได้อยู่ดี โชคดีที่มีตัวอย่างสำ เร็จรูปอยู่ข้อหนึ่งที่สามารถยกทั้งชุดเอา
มาทำตามได้ ก็คือลำน้ำฉีตู้ของแจกันสมบัติทวีป อีกทั้งปีนั้นระดับความ
ยากในการขุดเจาะลำน้ำใหญ่สายนี้ก็เหนือกว่าลำน้ำเก่าของใบถงทวีป
สายนี้มากนัก
ไม่อย่างนั้นต่อให้เฉินผิงอันและภูเขาเซียนตูสำ นักกระบี่ชิงผิงต่างก็
เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก คือคนที่ออกหน้าประสานงานตามความหมายที่
แท้จริง แต่ก็ย่อมเลี่ยงการทะเลาะโต้เถียงรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น
หลายครั้งไม่ได้ ต้องมีความขัดแย้งพื้นฐานเกิดขึ้นอีกมาก
นอกจากนี้การสร้างลำน้ำใหญ่สายหนึ่ง ต้องใช้เงินฝนธัญพืชมาก
น้อยแค่ไหนก็ต้องดูว่าลำน้ำใหญ่ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อสายนี้ จะปูแผงขายของ
ไว้ใหญ่แค่ไหนทาด้านของราชวงศ์ต้าเฉวียน เห็นได้ชัดว่าวางแผนทำเรื่องนี้ไว้นาน
แล้ว ทุกวันนี้ก็มีเค้าโครงคร่าวๆ ของท้องน้ำลำน้ำใหญ่แล้ว ทว่าใน
สายตาของชุยตงซาน จุดที่ต้องแก้ไขให้ถูกต้องยังมีอีกมากนัก ไม่ใช่
เรื่องเล็กที่แค่ต้องให้คนนอกมาตรวจสอบชดเชยช่องโหว่อะไรด้วยซ้ำ
เฉินผิงอันฟังจนเข้าใจคร่าวๆ แล้วก็ถามว่า “ก่อนหน้านี้ที่เจ้าพูดคุย
เรื่องนี้กับพวกแม่ทัพผู้เฒ่า ได้พูดไปถึงตัวเลือกสำ รองตำแหน่งเทพวารี
ระดับสูงของลำน้ำใหญ่บ้างหรือไม่?”
ตามกฎที่ศาลบุ๋นกำหนดไว้ เมื่อลำน้ำใหญ่ถูกสร้างขึ้นก็เท่ากับว่า
จู่ๆ ใบถงทวีปจะมีเทพวารีระดับขั้นสูงสุดเพิ่มมาอีกถึงสามท่าน พูดถึงแค่
กง โหวและป๋อ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเทพวารีระดับสูงสามท่านแล้ว
หากจะพูดว่านอกจากภูเขาเซียนตูและสำ นักกระบี่ชิงผิงที่เป็นผู้นำ
แล้ว ยังต้องเพิ่มสกุลเหยาราชวงศ์ต้าเฉวียน ผูซาน หรือไม่ก็ภูเขาไท่ผิง
ของหวงถิงเข้ามาเป็นผู้บุกเบิกด้วย
ถ้าอย่างนั้นกองกำลังของพวกเขาแต่ละฝ่ายจะพากันนั่งลง
ปิดประตูแล้วแบ่งจำ นวนรายชื่อที่ล้ำค่านี้ไปหมดสิ้นตั้งนานแล้ว
หรือจะเปิดทางประตูให้กว้างขวาง พยายามดึงตัวแคว้นหรือไม่ก็
ตระกูลเซียนมามากกว่าเดิม จากนั้นค่อยร่ายตัวเลือกของเทพวารีที่
เหมาะสมที่สุดออกมา เป็นฝ่ายยอมยกจำ นวนรายชื่อหนึ่งหรือถึงขั้นสอง
รายชื่อออกมาให้?
อันที่จริงนี่ก็คือปัญหายากที่ไม่เล็กเลยนิสัยบางอย่างของปัญญาชน ไม่อาจใช้การได้ มีแต่จะทำให้เสีย
เรื่อง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเอาแต่ใช้ความยุติธรรมอย่างไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว
อย่างเดียวแล้วจะทำให้เรื่องสำ เร็จได้
ชุยตงซานกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ศิษย์อยู่ในห้อง
ของแม่ทัพผู้เฒ่า ทุกคนนั่งล้อมกระถางไฟพูดคุยเรื่องนี้กัน เพียงแต่ว่า
ตอนนั้นสิ่งที่ทุกคนมองเห็นล้วนเป็นเรื่องเร่งด่วนดุจไฟลามขนคิ้ว กังวล
มากกว่าว่าสรุปแล้วเรื่องนี้จะทำได้หรือไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรจะมีการ
เริ่มต้นที่ดีได้หรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก อาจารย์ไม่อยู่ด้วย ตอนนั้นพวกเรา
เลยไม่ได้คุยแล้วก็ไม่กล้าคุยไปไกลขนาดนั้น”
เฉินผิงอันถลึงตาใส่
เห็นได้ชัดว่าชุยตงซานต้องการให้อาจารย์อย่างตนต้องเหนื่อยกาย
เหนื่อยใจแล้ว
ชุยตงซานหัวเราะหึหึ “ทางฝั่งของราชวงศ์ต้าเฉวียน ตำหนักปี้โหยว
ของเหนียงเนียงเทพวารีลำคลองม่ายเหอของพวกเราจะต้องได้
ครอบครองรายชื่อกงโหวป๋อหนึ่งชื่อแน่นอน”
เฉินผิงอันเอ่ยเสียงเบา “เรื่องนี้ยังต้องดูว่าตัวหลิ่วโหรวเองเต็มใจ
หรือไม่”
ปัญหายากที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้นอยู่ที่ว่าลำน้ำใหญ่ไม่เหมาะจะเป็น
เส้นตรง หาไม่แล้วสายน้ำถาโถมซัดโหมลงสู่มหาสมุทร อันที่จริงกลับง่ายที่จะนำพาโชควาสนาของขุนเขาสายน้ำในหนึ่งทวีปไปด้วย ราชวงศ์ทั่วไป
และจวนเซียนบนภูเขาที่ตั้งอยู่ริมน้ำต่างก็ไม่อาจรั้งโชควาสนาพวกนั้น
เอาไว้ได้ เป็นเหตุให้ทุกครั้งที่เจอกับจุดที่ท้องน้ำของลำน้ำใหญ่เป็นแนว
เส้นตรง มักจะตามมาด้วยเสียงบ่นด้วยความขุ่นเคืองดังระงมเสมอ
แต่ลำน้ำใหญ่สายหนึ่งก็ไม่เหมาะจะคดเคี้ยวหักเหมากเกินไปด้วย
หาไม่แล้วก็ง่ายที่จะทำลายโชคชะตาภูเขาของหนึ่งทวีป ขณะเดียวกันนี่ก็
หมายความว่า นครและที่นาของแคว้นมากมายจะต้องถูกน้ำของลำน้ำ
ใหญ่ท่วมกลบทับ ลำพังแค่การย้ายถิ่นพลัดที่นาคาที่อยู่ของชาวบ้านที่
อาศัยอยู่ริมน้ำก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเกี่ยวพันกับจำ นวน
ประชากรนับล้านหรืออาจถึงขั้นสิบล้านคน เป็นเหตุให้ทุกครั้งที่ลำน้ำ
ใหญ่มีการหักเหคดเคี้ยวก็จะนำมาซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์นับไม่ถ้วน
เช่นเดียวกัน บวกกับที่เมื่อลำน้ำใหญ่ถูกสร้างขึ้น นอกจากการขุดเจาะ
ท้องน้ำแล้วยังเกี่ยวพันไปถึงการเปลี่ยนเส้นทางของกระแสน้ำไหล ภูเขา
จำ นวนมากที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ต่ำเป็นแอ่ง
กระทะ ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นปฏิทินเหลืองไปนับแต่นี้
สำ หรับจักรพรรดิและราชสำ นักของแต่ละแคว้นที่เพิ่งกอบกู้แคว้นได้แล้ว
ล้วนเป็นความเสียหายอย่างมหาศาลที่ไม่หักไม่ลบซึ่งอยู่ใกล้เพียง
ตรงหน้า ดังนั้นการชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียในเรื่องนี้จึงยังโยงใยไป
ถึงการช่วงชิงกันทางด้านผลประโยชน์ที่ซับซ้อนอย่างถึงที่สุดในทุกๆ ด้านในแจกันสมบัติทวีป ต้าหลีหนึ่งแคว้นก็คือหนึ่งทวีป ไม่จำ เป็นต้อง
ถือสาผลได้ผลเสียของแต่ละแคว้นแต่ละสถานที่พวกนี้เลย บวกกับ
ขุนนางของต้าหลีที่มีความสามารถและประสบการณ์ด้านการปกครอง
ยิ่งไม่มีทางมีใครที่ชี้ไม้ชี้มืออยู่ด้านข้างหรือทำตัวเป็นตัวถ่วง ใบถงทวีป
จะเปรียบเทียบได้อย่างไร?
สืบสาวราวเรื่องกันแล้ว ปัญหาใหญ่สองข้อนั้นอยู่ที่เงินทองและ
ใจคน
เฉินผิงอันพูดด้วยสีหน้าจนใจ “หากจะให้ประหยัดแรงกายแรงใจ
ที่สุดก็คือใช้เงินเทพเซียนซื้อเส้นทางที่ลำน้ำใหญ่ไหลผ่านทั้งเส้น
มาโดยตรง”
คิดอยากจะประหยัดแรงกายแรงใจก็ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ ใช้เงินที่
มากพอมาถมหลุมใหญ่อย่างใจคนให้เต็ม
หมี่ลี่น้อยขมวดคิ้วสองข้างที่เป็นสีอ่อนจาง พูดทอดถอนใจว่า
“ถ้าอย่างนั้นจะต้องขนย้ายภูเขาเงินที่สูงแค่ไหนใหญ่แค่ไหนกันนะ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “บางทีอาจมีแค่คนคนเดียวที่มีพื้นฐานกำลัง
ทรัพย์มากขนาดนี้ นั่นก็คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวของธวัลทวีป”
หมี่ลี่น้อยเอ่ยชื่นชม “ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีเงินเยอะเกินไปแล้ว น่า
เสียดายที่ข้าไม่สนิทกับเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวของธวัลทวีป เจอหน้า
กันก็ไม่อาจพูดคุยกันได้”
ชุยตงซานยิ้มพลางยื่นมือมาลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อยแม่นางน้อยรีบก้มหัวงอเข่าโยกศีรษะหลบทันใด ยิ่งนานวันห่าน
ขาวใหญ่ก็ยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดูสิดู นี่ยังไม่ทันได้เป็น
เจ้าสำ นักก็ขวัญกล้าขนาดนี้แล้ว รอให้ได้เป็นเจ้าสำ นักเมื่อไหร่จะไม่ยิ่ง
ร้ายกาจ ร้ายกาจ ร้ายกาจมากหรอกหรือ
เฉินผิงอันกล่าว “กิจธุระที่เป็นรูปธรรม เจ้าเป็นตัวแทนของภูเขา
เซียนตูมีอำนาจในการรับผิดชอบทั้งหมด ข้าแค่จะช่วยออกหน้า
ประสานงานให้เท่านั้น แต่เจ้าก็อย่าได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ อันดับแรก ศาล
บุ๋นและสำ นักศึกษา ข้าต้องออกหน้าให้อยู่แล้ว อันดับรองลงมา ข้าได้
ช่วยพวกเจ้าตกลงกับหย่างจื่อไว้แล้ว บางทีหลังจากนี้นักพรตเนิ่นก็น่าจะ
มาช่วยพวกเราที่ใบถงทวีปอีกแรง หนึ่งน้ำหนึ่งภูเขา พูดถึงแค่เรื่องควา
มสิ้นเปลืองในการขนย้ายก็ประหยัดเงินเทพเซียนจำ นวนมหาศาลไปก้อน
หนึ่งแล้ว นอกจากนี้ทางฝั่งของชิงถงแห่งหอสยบปีศาจก็จะออกแรงด้วย
ชิงถงรับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานอันดับรองของสำ นักกระบี่ชิงผิงของ
พวกเรา ต้องไม่มีทางนิ่งดูดายแน่”
ชุยตงซานหัวเราะพลางถูมือ “พอแล้ว มากเกินพอแล้ว ต้อง
เอาอย่างอาจารย์ หยุดแต่พอสมควร หยุดแต่พอสมควร”
เฉินผิงอันเอ่ย “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
ชุยตงซานบอกไปตามสัตย์จริง ที่แท้เขาก็คิดจะย้ายห้ามหาบรรพต
เก่าและซากปรักจวนเซียนมาเพิ่มขึ้น ให้พวกมันมาหยั่งรากอยู่ใน
อาณาเขตของสำ นักในบรรดานั้นมีซากปรักมหาบรรพตจำ นวนมากที่เมื่อตกอยู่ในมือ
ของจักรพรรดิองค์ใหม่ที่ได้กอบกู้แคว้นก็คือซี่โครงไก่ เพราะหลังจาก
สงครามใหญ่ผ่านพ้นไป ซานจวินห้ามหาบรรพตใหม่จำ นวนมากที่ถูก
ประคับประคองขึ้นมา อันที่จริงต่างก็ไม่ยินดีที่จะไปเปิดจวนอยู่บนซาก
ปรักที่สภาพพังภินท์ไม่เหลือชิ้นดีพวกนั้น เพราะอดรู้สึกอัปมงคลอย่าง
เลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งภูเขาที่ยับเยินเสียหายพวกนั้น ไม่พูดถึงว่าในภูเขาถูก
ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจย่ำยีจนเละเทะ การที่ปราณวิญญาณฟ้าดินของ
รอบด้านถูกกวาดเอาไปจนเกลี้ยงก็คือหลุมขนาดใหญ่ พวกซานจวินที่
ต้องไปเปิดจวนบนภูเขาเก่าต่างก็ปวดหัวกันอย่างมาก ส่วนจักรพรรดิที่
ได้กอบกู้แคว้นใหม่ก็มีงานที่เป็นรูปธรรมให้ต้องพิจารณา ไม่เพียงแต่
ละโมบในผลประโยชน์และแสวงหาความยิ่งใหญ่ อยากทิ้งชื่อเสียงอัน
ดีงามไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเรื่องของการบวงสรวง
มหาบรรพต ทุกยุคทุกสมัยก็ไม่ใช่ว่าใครก็มีโอกาสทำได้ จักรพรรดิอยาก
จะจัดพิธีบวงสรวง นับแต่โบราณมาธรณีประตูของเรื่องนี้ก็สูงมากอยู่แล้ว
แต่หากเปลี่ยนที่ตั้งของมหาบรรพต ก็ไม่เพียงแต่สามารถทำพิธีบวงสรวง
มหาบรรพตได้อย่างถูกต้องชอบธรรม ยังสามารถช่วยให้โชคชะตาของ
หนึ่งแคว้นได้บอกลาสิ่งเก่าต้อนรับสิ่งใหม่ ประหนึ่งภาพบรรยากาศปีใหม่
กลิ่นอายใหม่ๆ ของหมู่ชาวบ้านล่างภูเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้รากฐานกำลังทรัพย์ของชุยตงซาน พูดถึงแค่เงินเทพ
เซียน ไม่พูดถึงสมบัติล้ำค่าทั้งหลาย บางทีด้วยเรื่องนี้ก็อาจถูกเขาที่ใช้เงินมือเติบถลุงจนหมดเกลี้ยงก็เป็นได้
ดังนั้นการที่เจ้าสำ นักคนแรกของสำ นักกระบี่ชิงผิงบอกกล่าวเรื่องนี้
จึงยังมีความหมายอีกชั้นคือต้องการร้องทุกข์ว่ายากจนนั่นเอง
ค่าใช้จ่ายในเรื่องของการขุดเจาะลำน้ำใหญ่ สำ นักเบื้องล่างของ
พวกเราได้แต่มีใจแต่ไร้กำลังแล้ว ให้ช่วยออกกำลังคนนั้นได้ แต่เรื่องออก
เงินน่ะหรือ คงได้แต่พึ่งพาอาจารย์และภูเขาลั่วพั่วสำ นักเบื้องบนแล้ว
เฉินผิงอันสะบัดชายแขนเสื้อ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ช่างรับลูกศิษย์ที่ดี
ลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจมาจริงๆ”
มิน่าเล่าชุยตงซานถึงจงใจให้หมี่ลี่น้อยเดินอยู่ตรงกลางระหว่างคน
ทั้ง
สอง คงเพราะกังวลว่าจะโดนตีกระมัง
เรื่องที่สาม ในที่สุดก็ไม่เกี่ยวพันกับเงินๆ ทองๆ แล้ว
ที่แท้ทางฝั่งของสำ นักกุยหยกก็ได้อาศัยโอกาสที่ภูเขาลั่วพั่วบุกเบิก
สำ นักเบื้องล่างครั้งนี้เป็นฝ่ายแสดงความเป็นมิตรกับภูเขาเซียนตู ยอมให้
เจ้ายอดเขาคนใหม่ของยอดเขาจิ่วอี้ ผู้ฝึกกระบี่เด็กชายชิวจื๋อมาเข้าร่วม
งานพิธีเฉลิมฉลองของภูเขาเซียนตูด้วยตัวเอง
สำ นักกระบี่ชิงผิงจะถือโอกาสนี้เป็นพันธมิตรกับสำ นักกุยหยกไป
เลยหรือไม่ อันที่จริงก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
หากเป็นพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายลงนามใน
สัญญาบนภูเขาก็เท่ากับว่าทั้งสองต่างก็ยอมรับสถานการณ์ของบนภูเขา
ในอนาคตที่ว่า ‘ใต้กุยหยกเหนือชิงผิง’ แล้วต่อให้ทางฝั่งของภูเขาเซียนตูจะไม่มีใจทะเยอทะยานเช่นนี้ อย่าง
น้อยที่สุดสำ นักกุยหยกยินดียอมรับเรื่องนี้ฝ่ายเดียว นี่ก็คือความจริงใจที่
ไม่เล็กอย่างหนึ่งแล้ว
หากทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรกัน พันธมิตรใบท้อก่อนหน้านี้ก็
จะกลายเป็นกระดาษเปล่าไร้ค่าใบหนึ่ง
แต่หากทั้งสองฝ่ายไม่ลงนามในสัญญาก็เท่ากับว่าพวกเขาได้
ขีดเส้นแบ่งที่มองไม่เห็นต่อกัน มีราชวงศ์ต้าเฉวียนและลำคลองหลินเหอ
เป็นอาณาเขต หรือไม่ก็อาจเป็นลำน้ำใหญ่ในอนาคตที่จะเป็นชายแดน
สำ นักกระบี่ชิงผิงกับสำ นักกุยหยกจะเป็นน้ำบ่อที่ไม่ยุ่งกับน้ำคลอง
ในอนาคตหากเกิดข้อพิพาทขึ้นมา ในเมื่อไม่มีความสัมพันธ์ควันธูปอะไร
ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ว่ากันไปตามหน้าที่เท่านั้นแล้ว
เฉินผิงอันกล่าว “เรื่องนี้เจ้าไปคิดเอาเอง ข้าไม่มีความคิดเห็นและ
ข้อเสนอแนะอะไรทั้งนั้น”
ชุยตงซานเองก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เขาจับปลายคางของตัวเอง
ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
เฉินผิงอันคร้านจะมอง ทำท่าน่าสงสารให้ใครดูกัน
เรื่องสุดท้าย ชุยตงซานต้องการยืนยันกับอาจารย์ให้แน่ใจในทิศ
ทางการดำเนินไปของสถานการณ์ในอีกร้อยปีข้างหน้า
บางทีอาจมีเพียงเรื่องนี้ที่สำ หรับชุยตงซานและสำ นักเบื้องล่าง
แล้วจึงจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่งที่สำ คัญอย่างถึงที่สุดเฉินผิงอันกล่าว “ข้าจะปิดด่านก่อนช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อกลับคืน
มาเป็นขอบเขตหยกดิบแล้วก็จะออกเดินทางท่องไปในไพศาล หลายทวีป
ที่ยังไม่เคยไปเยือนจะไปเยือนสักรอบหนึ่ง”
เรื่องที่จะได้เปิดร้านเหล้าโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอยู่ในถ้ำ สวรรค์จู๋ไห่
คือเรื่องที่ปรมาจารย์มหาปราชญ์รับปากด้วยตัวเองเชียวนะ
แล้วยังมีตอนอยู่เมืองหลวงต้าหลีที่เนื่องจากเฟิงอี๋ไหว้วานมาเรื่อง
หนึ่ง เฉินผิงอันจึงจำ เป็นต้องไปเยือนพื้นที่มงคลร้อยบุปผารอบหนึ่ง ส่วน
จะให้เป็นไท่ซ่างเค่อชิงของพื้นที่มงคลอะไรนั่น ก็อย่าดีกว่า
ชุยตงซานถามหยั่งเชิง “อาจารย์จะปิดด่านที่ยอดเขามี่เซวี่ยใช่ไหม
?”
เฉินผิงอันตอบ “ข้าจะกลับภูเขาลั่วพั่ว ยกพื้นที่ประกอบพิธีกรรมใน
ถ้ำ สวรรค์เล็กแห่งนั้นให้กับพวกเด็กๆ อย่างไฉอู๋ ซุนชุนหวัง”
ชุยตงซานกระทืบเท้า “หมี่ลี่น้อย รีบช่วยศิษย์พี่เล็กพูดทวง
ความเป็นธรรมเร็วเข้า”
หมี่ลี่น้อยส่ายหน้า หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ข้าก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน
นะ”
ชุยตงซานพูดอย่างเสียใจ “ภูเขาเซียนตูของพวกเราทำไมถึงจะ
ไม่ใช่บ้านของผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาเล่า?”
หมี่ลี่น้อยคิดแล้วก็ให้คำตอบในใจว่า “ก็ที่นี่ไม่ต้องให้ข้า
ลาดตระเวนภูเขาทุกวันนี่นา”นางเฉลียวฉลาดจะตายไป ที่ภูเขาเซียนตูแห่งนี้ คำว่าลาดตระเวน
ภูเขาก็แค่ว่านางหาเรื่องอะไรให้ตัวเองทำบ้างเท่านั้น
แต่ภูเขาลั่วพั่วกลับไม่เหมือนกัน
นับตั้งแต่พ่อครัวเฒ่าไปจนถึงพี่หญิงหน่วนซู่ จนไปถึงนักพรตเซียน
เว่ยที่อยู่หน้าประตูภูเขา รวมไปถึงตรอกฉีหลงที่อยู่ไกลในเมืองเล็ก ทุกคน
ต่างก็รู้สึกว่าการลาดตระเวนภูเขาไม่ใช่เรื่องที่นางเล่นสนุกไปเองส่งเดช
แต่เป็นเรื่องจริงจังที่ต้องทำอย่างตั้งใจถึงจะทำได้ดี แม้จะบอกว่า
เป็นเรื่องเล็กเท่าเมล็ดข้าวสารที่ไม่ใหญ่เท่าชามข้าวด้วยซ้ำ แต่มีเพียงโจว
หมี่ลี่เท่านั้นที่ทำได้
ชุยตงซานได้ยินหมี่ลี่น้อยพูดอย่างนี้ก็รู้ว่าไม่มีพื้นที่เหลือให้ปรึกษา
กันอีกแล้ว หากตนยังกล้าพูดชักแม่น้ำทั้งห้าอีกแม้แต่ครึ่งคำ เกรงว่าคง
ต้องโดนอาจารย์สั่งสอนเป็นแน่
เฉินผิงอันลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย ถามชุยตงซานว่า “ทางฝั่งของ
ศาลบรรพจารย์ ลำดับที่เป็นรูปธรรมจะจัดการกันอย่างไร?”
เกี่ยวกับงานพิธีเฉลิมฉลองของสำ นักเบื้องล่าง ขั้นตอนการ
ดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม เฉินผิงอันไม่เคยทำความเข้าใจอย่างละเอียด
มาก่อนจริงๆ นอกจากนี้ภูเขาคนละลูกกันก็ย่อมมีกฎบ้านมีพิธีการที่แตก
ต่างกันไป
เรื่องที่อยู่ห่างไกลเกิน มองไม่เห็น เรื่องที่อยู่ไกลจนมิอาจเอื้อมมือ
คว้า แม้แต่คิดก็ยังไม่กล้าคิดรอกระทั่งเรื่องดีมาเยือนถึงหน้าประตูจริงๆ กลับรู้สึกเหมือนฝันไป
ดังนั้นงานพิธีก่อตั้งสำ นักของภูเขาลั่วพั่วก่อนหน้านี้ นับตั้ง
แต่ต้นจนจบถึงได้ทำอย่างเรียบง่ายขอไปทีเช่นนั้น
ชุยตงซานยิ้มกล่าว “อาจารย์เป็นเจ้าสำ นักของสำ นักเบื้องบน
แน่นอนว่าไม่จำ เป็นต้องเป็นผู้ถือธูปคารวะ แม้กระทั่งจุดธูปคารวะก็
ไม่ต้อง”
เพราะถึงอย่างไรภาพเหมือนของศาลบรรพจารย์สำ นักเบื้องล่าง
ภาพที่แขวนไว้ตรงกลางก็คือภาพของเฉินผิงอันที่เป็นเจ้าสำ นักเบื้องบน
เอง
ไหนเลยจะมีหลักการที่ให้ตัวเองจุดธูปคารวะตัวเอง
แน่นอนว่านี่ก็เพราะการสร้างสำ นักเบื้องบนอย่างภูเขาลั่วพั่วและ
สำ นักเบื้องล่างอย่างสำ นักกระบี่ชิงผิงเกิดขึ้นต่อเนื่องกันเกินไป
ในช่วงเริ่มต้นของการก่อสร้างสำ นักเบื้องล่างของสำ นักส่วนใหญ่ใน
ใต้หล้าไพศาล ไม่มีทางได้เห็นบรรพจารย์ผู้บุกเบิกภูเขาของสำ นัก
เบื้องบนแน่นอน ล้วนเป็นแค่ภาพแขวนเท่านั้น ไม่ได้เห็นคนตัวเป็นๆ
ชุยตงซานกล่าวต่ออีกว่า “อย่างสหายฉางมิ่งที่เป็นผู้คุมกฎของ
ภูเขาลั่วพั่ว และเทพเซียนผู้เฒ่าเจี่ยที่เป็นผู้ดูแลอันดับรองของเรือ
เฟิงยวนบ้านเรา เนื่องจากต่างก็มาจากสำ นักเบื้องบนจึงมีความต่างจาก
แขกที่มาร่วมงานพิธีอยู่บ้าง พวกเขาจะต้องอยู่ด้านหลังอาจารย์ อยู่
เบื้องหน้ากลุ่มพวกเราที่เป็นสมาชิกทำเนียบตระกูลของสำ นักเบื้องล่างทยอยกันจุดธูปคารวะตามลำดับ ส่วนตำแหน่งเก้าอี้สองฝั่งที่จัดเรียงใน
ศาลบรรพจารย์ของยอดเขาชิงผิง ถึงอย่างไรบนภูเขา ผู้สูงศักดิ์นั่งฝั่งซ้าย
หรือนั่งฝั่งขวา แต่ละสำ นักก็มีความต่างกันอยู่บ้าง ไม่มีข้อกำหนดที่
แน่นอน ถ้าอย่างนั้นก็อิงตามกฎของเรือนชุนฟานกำแพงเมืองปราณ
กระบี่ตอนที่อาจารย์ไปอยู่ ให้ผู้สูงศักดิ์นั่งฝั่งซ้ายแล้วกัน”
ยกตัวอย่างเช่นราชสำ นักต้าหลีก็คือขุนนางนั่งอยู่ฝั่งซ้าย แม่ทัพนั่ง
อยู่ฝั่งขวา เพียงแต่ว่าในวงการขุนนาง การเลื่อนขั้นจะเลื่อนจากทางขวา
การลดขั้นจะลดจากทางซ้าย นี่ก็น่าสนใจไม่น้อย
“ฝั่งซ้ายมือเป็นคนของสำ นักเบื้องบน ฝั่งขวามือเป็นคนของสำ นัก
เบื้องล่างเพื่อแสดงถึงความเคารพให้เกียรติ หากไม่มีต้นกำเนิดน้ำอย่าง
สำ นักเบื้องบน แม่น้ำลำคลองอย่างสำ นักเบื้องล่างจะมีมาได้อย่างไร”
“ทว่ายอดเขาชิงผิงในอนาคต หากมีการประชุมที่สองสำ นักเข้าร่วม
พร้อมกันก็จะต้องสลับฝั่งเก้าอี้กันแล้ว ตามกฎทั่วไป ในศาลบรรพจารย์
ของสำ นักเบื้องล่าง นอกจากอาจารย์แล้ว ยังจะมีตำแหน่งที่นั่งที่กำหนด
ไว้แน่นอนด้วย ส่วนอื่นๆ ที่เหลือต่อให้เป็นฉางมิ่งผู้คุมกฎของสำ นัก
เบื้องล่างหรือเจียงซ่างเจินผู้ถวายงานอันดับหนึ่งก็จะไม่มีการจัดเก้าอี้ที่
เป็นตำแหน่งตายตัวไว้ให้พวกเขา เพราะพวกเขาต่างก็ไม่ถือว่าเป็นสมา
ชิกของศาลบรรพจารย์สำ นักกระบี่ชิงผิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!