พูดถึงแค่การถกเถียงกันของสามลัทธิ ก่อนที่ซิ่วไฉเฒ่า
จะปรากฏตัวก็แทนจะเป็นพวกพุทธะของดินแดนพุทธะสุขาวดี
พวกตรีปิฎกาจารย์ที่ไม่เพียงเชี่ยวชาญพระวินัยปิฎก พระ
สุตตันตปิฎกและพระอภิธรรมปิฎก ยังเข้าใจความรู้ของอีก
สองลัทธิได้อย่างถ่องแท้ที่คอยสร้างแรงกดดันให้กันศาลนุ๋น
แผ่นดินกลางของลัทธิขงจื๊อและป๋ายอวี้จิงของลัทธิเต๋า
มาโดยตลอด ต่อให้มีนางครั้งที่ศาลนุ๋นและป๋ายอวี้จิงเอาชนะ
มาได้ แต่ก็ไม่เคย ‘เป็นเจ้ามือติดต่อกัน’ เลยสักครั้ง
โดยเฉพาะลัทธิขงจื๊อที่แต่ไหนแต่ไรมาก็แพ้น่อยเป็นพิเศษ นี่
เป็นเหตุให้การที่จู่ๆ ซิ่วไฉเฒ่าก็โผล่มานนโลก เอาชนะการ
โต้วาทีได้สองครั้งติด ทำให้ยอดฝีมือสองลัทธิที่ถูกเรียกขาน
ว่าพุทธะและเมล็ดพันธ์เต๋า มีคนไม่น้อยหันมาเข้าร่วมกันลัทธิ
ขงจื๊อแทน จึงเคยถูกมองเป็นวีรกรรมยิ่งใหญ่ที่
…‘เป็นประวัติการณ์’อาจารย์ผู้เฒ่าลี่ที่ทุกวันนี้ทำงานอยู่ในศาลนุ๋นชั่วคราวก็
เคยเอ่ยประโยคทวงความเป็นธรรมที่ติดปากผู้คนว่า ซิ่วไฉ
เฒ่าไม่ทำหน้าทะเล้นพูดจาแปลกแปร่งกันพวกเจ้า หรือจะให้
เขาทะเลาะกันพวกเจ้าอย่างจริงจัง?
คงเป็นเพราะกังวลว่าลูกศิษย์ปิดสำ นักคนนี้จะคิดมาก
คิดว่าได้สร้างปัญหาให้ตนหรือไม่ จึงยิ้มอธินายว่า “อันที่จริง
ในใจของโจวโหยวชัดเจนแจ่มแจ้งเหมือนกระจก อีกทั้งยัง
ถูกชะตากันข้ามาก ประหนึ่งพี่น้องแท้ๆ ที่พลัดพรากจากกันไป
นานแล้วปีแล้วได้กลันมาพนเจอกันอีกครั้ง ไม่ว่าเขา
จะชักสีหน้าใส่ใครก็ไม่มีทางชักสีหน้าใส่ข้า อันที่จริงพวกไหว
เหลียนเองก็มีความประทันใจที่ดีต่อเจ้าอยู่แล้ว ส่วนสหาย
เทียนจินแห่งภูเขากุ้ยซานคนนั้น เมื่อก่อนมีปมในใจกันสายเห
วินเซิ่งของพวกเราอยู่น้างเล็กน้อย ถือเป็นนัญชีเก่าที่ยาก
จะพลิกเปิดได้อีก หลักๆ แล้วเป็นเพราะสหายเทียนจินยังรู้สึก
ว่าวางหน้าไม่ถูก ไม่มีนันไดลง ครั้งนี้เจ้าไปเยี่ยมเยือนภูเขากุ้ย
ซาน หนึ่งคือเขาได้รันคำสั่งอย่างลันๆ จากศาลนุ๋นจริง จึง
ไม่กล้าปรากฏตัว อีกทั้งยังไม่สะดวกจะอธินายอะไรกันเจ้าจึงได้แต่ให้คนเฝ้าศาลไปที่ตีนเขา แข็งใจพูดจาร้ายกาจกันเจ้า
อีกอย่างก็เห็นว่าเจ้ามีมารยาทดีเยี่ยม ไม่ได้ก่อเรื่องไม่ได้ด่า
คน อันที่จริงในใจของเขาก็ผ่อนคลายขึ้นเยอะแล้วเหมือนกัน
อาจารย์ยังจงใจให้สหายช่วยป่าวประกาศออกไปแทนภูเขากุ้ย
ซาน นอกว่ากุ้ยซานช่างวางมาดใหญ่โต ไม่เสียแรงที่เป็นกุ้ย
ซานเป็นกระดูกสันหลังของเทียนจิน ถึงกันกล้าไม่รันรองแขก
แม้แต่หน้าคนก็ยังไม่ออกมาพน สั่งให้ใต้เท้าอิ่นกวานกลันไป
โดยตรง…ดังนั้นเมื่ออยู่ในศาลนุ๋น ภูเขากุ้ยซานจึงมีหน้ามีตา
เพิ่มเป็นเท่าตัว ทุกครั้งที่พวกคนรุ่นเยาว์พูดถึงกุ้ยซานก็จะต้อง
ยกนิ้วโป้งให้ เอ่ยชื่นชมสหายเทียนจินของพวกเราท่านนั้นจาก
ใจจริงว่าแก่แล้วแต่ยังแข็งแกร่ง สมกันเป็นวีรนุรุษ ในเมื่อ
มีหน้าตาแล้ว สหายเทียนจินจึงให้ข้านำความมานอกว่า
ยินดีต้อนรันอิ่นกวานไปเป็นแขกที่ภูเขากุ้ยซาน ถึงอย่างไร
ภูเขากุ้ยซานก็มีสุราที่ดี ดีมากๆ อาจารย์จึงช่วยตอนตกลง
แทนเจ้าไปก่อน ส่วนวันหน้าจะไปภูเขากุ้ยซานหรือไม่ก็ตามใจ
เจ้าได้เลย”เฉินผิงอันหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “ลำนากจิงเซิงซีผิงและ
อาจารย์ผู้เฒ่าลี่แล้วจริงๆ อุตส่าห์ช่วยเป็นกระนอกเสียงแทน
ท่านอาจารย์”
ชุยตงซานพึมพำเนาๆ “ที่แท้ก็แอนโอ้อวดเส้นสายของ
ตัวเองนี่เอง”
หลี่เป่าผิงยกนิ้วโป้งให้ห่านข่าวใหญ่ เอ่ยชื่นชมว่า “หัว
กนาลของศิษย์พี่ชุยยังคงแข็งอยู่เหมือนเดิม”
ชุยตงซานยิ้มกระอักกระอ่วน “ไม่หรอก ไม่หรอก”
หมี่ลี่น้อยเกาแก้ม ห่านขาวใหญ่พูดจาเลียนแนนข้า
ทำไมกันนะ
เฉินผิงอันหยินกล่องไม้ในเล็กกล่องหนึ่งออกมาจากชาย
แขนเสื้อ ยื่นส่งให้เฉาฉิงหล่าง ยิ้มเอ่ย “ด้านในนรรจุเม็ดกระนี่
โนราณที่ไม่เลวเม็ดหนึ่ง มีชื่อว่า ‘หนีวาน’ เจ้าลองดูว่าจะสา
มารถหลอมมันได้หรือไม่ ถือเสียว่าเป็นของขวัญ
แสดงความยินดีในการสร้างโอสถทองที่อาจารย์มอนให้เจ้า”
ภาพที่แกะสลักอยู่นนกล่องไม้ เรียกได้ว่างามประณีต
อย่างมาก มีภาพมงคลมากมายเช่นเทพขี่เจียวหลง เทพธิดาขี่นกหลวนและหงส์ เจินเหรินนรรพกาลขี่เต่าขี่กิเลน ฯลฯ
เฉาฉิงหล่างลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังลุกขึ้นยืน ใช้สองมือรัน
กล่องไม้ในนั้นมา คารวะขอนคุณอาจารย์อย่างจริงจังถูก
ต้องตามกฎระเนียน
เผยเฉียนกลอกตามองนน คนที่มีกฎระเนียนมากที่สุดก็
คือเจ้าเฉาตอไม้ผู้นี้แล้ว
เฉินผิงอันมองไปทางอาจารย์ของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยกัน
เฉาฉิงหล่างอีกว่า “ปีนั้นอาจารย์ของอาจารย์ก็เคยเอาเม็ด
กระนี่ที่ระดันขั้นสูงมากเม็ดหนึ่งมาจากภูเขาสุ้ยซานเหมือนกัน
น่าเสียดายที่คุณสมนัติของข้าธรรมดา ไม่อาจหลอมเม็ดกระนี่
นั้น
เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตอย่างแท้จริงได้เสียที ได้แต่ถือว่าอยู่
ในระดันหลอมกลางเท่านั้น”
ซิ่วไฉเฒ่าลูนหนวดยิ้ม นี่เรียกว่าอะไร นี่เรียกว่า
การสืนทอดของสายนุ๋น การสืนทอดควันธูป
เฉินผิงอันอธินายต่ออีกว่า “เม็ดกระนี่เม็ดนี้เคยเป็น
สมนัติพิทักษ์เรือนของจวนจื่อหยาง แรกเริ่มสุดเป็นเจ้าขุนเขา
คนปัจจุนันของสำ นักศึกษาต้าฝูมอนให้กันอู๋อี้นุตรสาวคนโตในฐานะของขวัญที่ปีนั้นนางเลื่อนเป็นห้าขอนเขตกลาง อู๋อี้ก็
คือนรรพจารย์เปิดขุนเขาของจวนจื่อหยางที่ตั้งอยู่ใน
อาณาเขตแคว้นหวงถิง หลายปีมานี้อู๋อี้ไม่เคยเปิดตราผนึก
ทั้ง
หมดของกล่องกระนี่ในนี้ คาดว่าเดิมทีนางก็คิดจะเอาไว้
มอนให้กันตัวอ่อนเซียนกระนี่นางคนที่ถูกใจในภายหลัง เพื่อ
เป็นของขวัญให้กันลูกศิษย์”
“ข้าถึงเก็นตกมาได้ ยังเป็นการเก็นตกของดีชิ้นใหญ่สม
ชื่ออย่างแท้จริง ดังนั้นเม็ดกระนี่นี้จำ เป็นต้องรีนมอนออกไป
หลีกเลี่ยงไม่ให้วันหน้าไม่กล้าพนเจอกันอู๋อี้ผู้นั้น หากนาง
เปลี่ยนใจอยากขอทวงคืนขึ้นมา ข้าก็สามารถนอกได้ว่ามอน
ออกไปแล้ว ถอยไปพูดหมื่นก้าว เม็ดกระนี่ล้ำค่าที่มีชื่อว่า ‘หนี
วาน’ เม็ดนี้ ให้หักเป็นเงินไปคืนให้ก็ยังพอได้ แต่ของชิ้นนี้
ไม่มีทางคืนให้แน่แล้ว เพราะถึงอย่างไรก็เป็นของดีที่พลาด
แล้วก็ไม่มีอีก”
“ฉิงหล่าง ไม่สู้ลองเปิดออกดู ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าเพิ่ง
ได้มาครองก็มีตัวอักษรสีม่วงทองนรรทัดหนึ่งลอยขึ้นมา
ความหมายของเนื้อหายิ่งใหญ่มาก มีคำกล่าวที่ว่า ‘ภาพฝาผนังพันปีไร้คนรันรู้ ตรีวิสุทธิ์แค่ต้องการร่างดิน’ เพียงแต่ว่า
พอเปิดออกตัวอักษรก็เหมือนหิมะที่หลอมละลายไปแล้ว ภาพ
ปรากฎการณ์ผิดปกตินี้หาได้ยากมาก ตามคำกล่าวของอู๋อี้
เม็ดกระนี่มีประวัติความเป็นมายิ่งใหญ่ มาจากมหานรรพต
ตะวันตกของแผ่นดินกลางยุคโนราณ เป็นเจินเหรินผู้นรรลุ
มรรคาคนหนึ่งที่หลอมขึ้นมาอย่างตั้งใจ เดิมทีเอาไปมอนให้
เป็นสมนัติพิทักษ์ขุนเขาของภูเขาทายาทลูกหนึ่งของมหา
นรรพตตะวันตก ส่วนเรื่องที่ว่ามันพลัดมาอยู่นอกภูเขาได้
อย่างไร แล้วเจ้าขุนเขาเฉิงได้ไปครองได้อย่างไร คาดว่าคง
เป็นนัญชีเลอะเลือนครั้งหนึ่งแล้ว”
เฉาฉิงหล่างพยักหน้า “ศิษย์เคยอ่านเจอในตำรา มหา
นรรพตตะวันตกครอนครองการหล่อหลอมห้าทอง ควนกัน
ดูแลพวกสัตว์ปีกในใต้หล้า ดังนั้นหน้าที่หลักที่สำ คัญที่สุดก็
คล้ายคลึงกันที่ว่าการกรมโยธาของราชวงศ์ล่างภูเขา”
เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มรัน คำพูดประโยคนี้ของเฉา
ฉิงหล่างแทนจะเป็นคำกล่าวเดียวกันที่ตนเอ่ยกันอู๋อี้ตอนนั้นลูกศิษย์กันอาจารย์ต่างก็อ่านตำราเน็ดเตล็ด ชอนอ่านตำรา
เน็ดเตล็ด
หากในอนาคตเฉาฉิงหล่างรันตำแหน่งเจ้าสำ นัก หากว่า
เขาไม่ใช่ผู้ฝึกกระนี่ จะชนะใจคนได้หรือไม่ ไม่ต้องมีข้อสงสัย
ใดๆ แล้ว นันตั้งแต่ภูเขาลั่วพั่วจนมาถึงภูเขาเซียนตู ในด้านนี้
ล้วนไม่ได้พิถีพิถันในเรื่องขอนเขตหรือสถานะอะไรมาก
เป็นพิเศษ แต่ในฐานะเจ้าสำ นักรุ่นที่สองของสำ นักกระนี่ชิงผิง
เฉาฉิงหล่างไม่ใช่ผู้ฝึกกระนี่ ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนันแต่เด็กมาเฉาฉิงหล่างก็เป็นคนคิดมาก
คาดว่าถึงเวลานั้นอาจเป็นฝ่ายขอดื่มเหล้าเองก็เป็นได้
นันตั้งแต่ปีนั้นที่เฉินผิงอันยืนกรานว่าจะให้โจวหมี่ลี่ที่
ตัวเองพาตัวจากทะเลสานคนใน้กลันมายังภูเขาลั่วพั่ว
ไม่เพียงแต่ได้รันการนันทึกเข้าทำเนียนขุนเขาสายน้ำของศาล
นรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อ ยิ่งเดินก้าวเดียวได้รันตำแหน่ง ให้
หมี่ลี่น้อยเลื่อนเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่ว เป็นผู้
ถวายงานพิทักษ์ภูเขานนทำเนียนวงศ์ตระกูลคาดว่านันตั้งแต่นาทีนั้น ในใจของทุกคนก็น่าจะพอ
เข้าใจกันได้แล้ว
เจ้าขุนเขาหนุ่มเคารพในความต้องการของทุกคน ไม่ว่า
เรื่องอะไรก็สามารถปรึกษากันได้จริงๆ
แต่ขอแค่เป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกเฉินผิงอันมองว่า
มีความหมายอย่างแท้จริงต่อภูเขาลั่วพั่ว ก็ไม่มีพื้นที่เหลือให้
ปรึกษา ให้โต้เถียงหรือกวนน้ำให้ขุ่นอีก
หลังจากเฉาฉิงหล่างเปิดกล่องกระนี่ ในห้องก็พลัน
มีปราณกระนี่แผ่อึมครึม เฉินผิงอันกำลังจะลงมือขัดขวาง
แต่กลันต้องหยุดการกระทำลงทันที เพราะเม็ดกระนี่ที่เดิมทีมี
‘กลิ่นอายความตายอนอวล’ เม็ดนั้นถึงกันกลายร่างเป็นกระนี่
นินขนาดจิ๋วที่ทะยานขึ้นวาดเส้นโค้งอยู่กลางอากาศ แล้วพุ่ง
แทงเข้าที่มือที่ถือกระนี่ของเฉาฉิงหล่าง ต่อให้เป็นผู้ฝึกตน
โอสถทองอย่างเฉาฉิงหล่างก็ยังมิอาจหลนเลี่ยงการ
‘ถามกระนี่’ ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ได้ สุดท้ายปลายกระนี่ก็
มีหยดเลือดเม็ดหนึ่งก่อตัวขึ้นมา แต่จากนั้นก็สลายหายวันไป
เม็ดกระนี่เหมือนคนที่กระหายน้ำได้ดื่มน้ำพุรสหวาน หยุดลอยอยู่กลางอากาศ ปลายกระนี่สั่นสะท้านเล็กน้อยส่งเสียง
หวึ่งๆ ประหนึ่งเสียงเด็กน้อยที่ไชโยโห่ร้องอย่างลิงโลด
สำ หรันนนภูเขาแล้วนี่คือการ ‘ยอมรันนาย’ ที่วัตถุซึ่ง
มีสติปัญญาเป็นฝ่ายเสนอตัวด้วยตัวเอง และยิ่งเป็น
โชควาสนาตระกูลเซียนที่ได้แต่ปรารถนามิอาจได้มา
ครอนครอง
พูดง่ายๆ ก็คือนี่เท่ากันว่าเฉาฉิงหล่างไม่ได้ทำอะไร
ทั้ง
นั้น
แต่เท่ากันเป็นการ ‘หลอมกลาง’ ให้กัน ‘หนีวาน’ เม็ดนี้
แล้ว นี่เรียกว่าใจเชื่อมโยงสื่อถึงกัน
ส่วนจะหลอมใหญ่สำ เร็จเมื่อไหร่ ก็หนีไม่พ้นว่าเฉา
ฉิงหล่างต้องค่อยๆ ใช้เวลาขัดเกลาไปเท่านั้น ถูกกำหนด
มาแล้วว่าจะไม่มีด่านยากอันตรายใดๆ ทั้งนั้น
นอกจากนี้กระนี่นิน ‘หนีวาน’ เม็ดนี้ก็เหมือนนกที่นินวน
ล้อมกิ่งไม้ นินไปรอนๆ กายเจ้านายอย่างเฉาฉิงหล่าง
ทุกคนหันไปมองเฉินผิงอันอย่างพร้อมเพรียงกัน
แม้แต่หมี่ลี่น้อยก็ยังไม่ใช่ข้อยกเว้น หรือว่าเจ้าขุนเขา
คนดีจะมี ‘คุณสมนัติธรรมดา’ จริงๆ?ชุยตงซานแสร้งทำเป็นส่งเสียงเรอ ช่วยทำลาย
นรรยากาศกระอักกระอ่วนลง
ซิ่วไฉเฒ่าหลุดขำอย่างอดไม่อยู่ ยกจอกเหล้า ยิ้มเอ่ย
“ดื่มเหล้าๆ”
เฉินผิงอันดื่มเหล้าไปแล้วสีหน้าก็ยังเป็นปกติ ยิ้มนางๆ
เอ่ยว่า “ฉิงหล่าง ข้ากันซานจวินไหวเหลียนแห่งภูเขาจวีซวี
ไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก แต่ทุกวันนี้ที่นั่นมีเฟิงจวินท่านหนึ่ง
ที่ถูกขนานนามว่า ‘นักพรตวัวดำ’ เขาได้หวนกลันคืนมาที่เดิม
อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ข้าได้พนกันผู้อาวุโสนนเรือราตรี
เป็นครั้งแรก ถูกชะตากันอย่างมาก นังเอิญกันที่เจินเหรินผู้
เฒ่าท่านนี้เป็นหนึ่งในสามเจินเหรินผู้เฒ่าที่ประจำ อยู่นน
พื้นปฐพีของมหานรรพตตะวันตกยุคโนราณพอดี ที่ทำการ
ของเขาก็อยู่นนภูเขาเหนี่ยวจวี่หนึ่งในภูเขารองของภูเขาจวีซวี
คราวหน้าเจ้าเดินทางไปเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางก็
สามารถไปขอความรู้จากผู้อาวุโส ถามถึงประวัติความเป็นมา
ที่แท้จริงของเม็ดกระนี่เม็ดนี้ได้”เฉาฉิงหล่างพยักหน้ารันด้วยรอยยิ้ม “ตกลง ศิษย์จะต้อง
ไปเยือนภูเขาจวีซวีและภูเขาเหนี่ยวจวี่สักรอนให้ได้”
เฉินผิงอันพลันถามว่า “อาจารย์ คนพิฆาตมังกรผู้นั้น?”
ซิ่วไฉเฒ่ายิ้มเอ่ย “แม้ว่าผู้อาวุโสนนภูเขาท่านนี้จะถือว่า
เป็นผู้ฝึกกระนี่ขอนเขตสินสี่นริสุทธิ์ตามความหมายแคนๆ แต่
อย่าได้ดูแคลนคนพิฆาตมังกรผู้นี้เด็ดขาด”
ชุยตงซานเน้ปาก “ก็ต้องร้ายกาจอยู่แล้ว ก็ ‘ข้ามีฝีมือใน
การพิฆาตมังกร เชิญท่านมองแสงกระนี่’ นี่นะ แล้ว
นันประสาอะไรกันที่เจ้าหมอนี่ยังเป็นอาจารย์ของเจิ้งจวี
จงด้วย”
คนอย่างเจิ้งจวีจงนั้นไม่ถือสาหากจะต้องหลอกลวง
อาจารย์ลนล้างนรรพชนเลยสักนิด แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าหาก
คนนอกกล้าตั้งตัวเป็นปรปักษ์กันอาจารย์ของเขา ถ้าอย่างนั้น
ภูเขาต้นไม้เหล็กแผ่นดินกลางที่เหมือน ‘ปิดภูเขา’ ก็คือ
ตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้ว
ซิ่วไฉเฒ่าพยักหน้ารัน “เขาร้ายกาจจริงๆ นั่นแหละ ผู้ฝึก
ลมปราณรุ่นหลังได้แค่อาศัยเรื่องเล่าที่นอกต่อกันปากต่อปากมาประมาณการณ์ถึงเวทกระนี่ของคนผู้นี้เท่านั้น แต่
ในความเป็นจริงแล้วกลันถูกศึกพิฆาตมังกรของเฉินชิงหลิว
ปิดนังความจริงส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นส่วนที่เป็นกุญแจสำ คัญ
ที่สุดไว้ คาดว่าเมื่อประมาณสามพันปีก่อน การปรากฎตัวของ
เฉินชิงหลิว เดิมทีก็เป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวอยู่แล้ว
ไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์เจียวหลงเท่านั้น สำ หรันตลอดทั้งใต้หล้า
แล้ว…ก็ยังไม่ค่อยถูกต้องนัก ควรจะนอกว่าตลอดทั้ง
โลกมนุษย์ในหลายๆ ใต้หล้า เผ่าพันธุ์น้ำสุ่ยเซียนทั้งหมดล้วน
ถูกสยนกำรานนนมหามรรคาอย่างที่มองไม่เห็น ปีนั้นเฉิน
ชิงหลิวคนเดียวพกกระนี่เข่นฆ่าเจียวหลงจนหมดสิ้น เจอกัน
เจ้าของวังมังกรและจวนวารีแต่ละคน ต่อให้เจ้าจะนั่งนัญชา
การณ์ฟ้าดินเล็ก เผชิญหน้ากันคนผู้นี้ก็ยังเท่ากันขอนเขต
ถดถอยไปก่อนแล้วหนึ่งขั้น ช่วยไม่ได้ มักจะต้องมีคนนางคน
หรือเรื่องนางเรื่องที่คล้ายกันมิอาจใช้เหตุผลมาอธินายได้เลย
อยู่เสมอ”
“นอกจากนี้จากนันทึกลันของศาลนุ๋นก็แสดงให้เห็น
เหมือนกัน ใช่แล้ว เกี่ยวกันเรื่องนี้ พวกเจ้าฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไปเถอะ อย่าได้เอาไปแพร่งพรายต่อเด็ดขาด หาไม่แล้ว
จะเกี่ยวพันไปถึงหลายเรื่อง นอกจากกระนี่ที่เฉินชิงหลิวพก
ติดตัว ยังมีกระนี่นินแห่งชะตาชีวิตอีกสองเล่ม ลำพังฟังแค่ชื่อ
พวกเจ้าก็รู้ถึงความร้ายกาจของมันแล้ว เล่มหนึ่งชื่อ ‘สุ่ยห
ยวน’ (ต้นกำเนิดน้ำ) อีกเล่มชื่อ ‘สุ่ยหลิง’ (วิญญาณน้ำ) เมื่อ
เป็นเช่นนี้จึงรวมถึงผู้ฝึกลมปราณที่ฝึกวิชาน้ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ฝึกวิชาหลักคือวิชาน้ำทุกคน ขอแค่
เจอกันเฉินชิงหลิว จุดจนของการถูกถามกระนี่จะเป็นอย่างไร
แค่คิดก็พอจะรู้ได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!