กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 972

โจวหมี่ลี่เฝ้ าอยู่ตรงหน้าประตูห้อง อีกเดี๋ยวรอให้เห็นว่าใครดื่ม น้าชาในถ้วยหมดแล้วนางก็จะได้ไปเติมชาได้ตลอดเวลา

ส่วนคนโต๊ะนั้นคุยอะไรกัน นางได้ยินไม่ชัด แล้วก็ไม่มีทางแอบ ฟัง เป็ นไปได้มากว่าห่านขาวใหญ่จะต้องร่ายวิชาอภินิหารอีกเป็ นแน่ ดูสิ ห่านขาวใหญ่หันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ตนด้วยนะ เฮ้อ ทุกวันนี้เป็ น ถึงเจ้าส านักแล้ว ยังไม่รู ้จักท าตัวเป็ นการเป็ นงานบ้างเลย

พอหันไปมองเจ้าขุนเขาคนดี ก าลังพูดคุยกับคนอื่นอย่างยิ้มแย้ม อยู่เลยนะ คาดว่าการค้าที่มาส่งถึงหน้าประตูบ้านครั้งนี้ เก้าในสิบคือ ต้องได้มาแน่นอนแล้ว!

มีผู้ฝึกกระบี่อีกคนกลายร่างเป็ นสายรุ ้งพุ่งมาถึง พลิ้วกายลงข้าง โต๊ะ ชุยตงซานกลัวว่าเรื่องสนุกจะไม่ครึกครื้นมากพอ จึงสูดจมูก พูด ด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธว่า “หมี่อันดับหนึ่ง บรรพบุรุษอู๋ท่านนี้ เมื่อครู่เพิ่ง ด่าว่าหมี่ลี่น้อยของพวกเราไม่ฉลาด”

เดิมทีใบหน้าของหมี่อวี้ยังประดับรอยยิ้มน้อยๆ พอได้ยินประโยค นี้สีหน้าก็มืดทะมึนทันที จ้องบรรพบุรุษอู๋ที่…อึ้งตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง เขม็ง “อ้อ? ถ้าอย่างนั้นก็คือขอบเขตก่อกาเนิดที่มีความกล้าของ ขอบเขตบินทะยานสินะ คุยธุระกันเสร็จแล้ว ก็ไปหาสถานที่สักแห่ง ขุดหลุมรอไว้ให้ตัวเองเถอะ”

โจวหมี่ลี่เห็นหมื่อวี้ก็แอบยกมือขึ้นกระดิกนิ้ว อวี๋หมี่ อวี๋หมี่ มา ทางนี้ มาทางนี้ เจ้าขุนเขาคนดีกาลังคุยเรื่องการค้ากับคนอื่นอยู่นะ พวกเราสองคนต่างก็ไร ้คุณสมบัติ ไม่เหมาะจะเข้าร่วมด้วย

หมื่อวี้เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง สีหน้าแววตาเปลี่ยนมาเป็ นอ่อนโยน เดินไปทางหน้าประตูห้อง ระหว่างนั้นยังหันกลับไปมองจางจื๋อและอู๋ โซ่วด้วย จางจื๋อยังดี ยังคงมีสีหน้าเป็ นปกติ เหมือนเดิม แต่อู๋โซ่วกลับ รู ้สึกเหมือนตกลงไปในบ่อน้าแข็ง

จางจื๋อดื่มน้าชาในถ้วยหมดแล้วก็หมุนตัวกลับมา คลี่ยิ้มพลาง ยกถ้วยขาวในมือขึ้นสูง

หมี่ลี่น้อยรีบหิ้วกาน้าที่วางไว้บนกระถางไฟขึ้นมา วิ่งตะบึงไปที่ ข้างโต๊ะ รับถ้วยชามาแล้วก็รินน้าชาลงไปเจ็ดแปดส่วนของถ้วย ครั้น จึงส่งคืนให้กับอาจารย์จาง จางจื๋อเอ่ยขอบคุณแม่นางน้อยแล้วยิ้มเอ่ย ว่า “ครั้งหน้าที่ต้มชารับรองแขกต้องมีข้อพิถีพิถันเรื่องน้าที่ใช ้ต้มชา ด้วย ข้าน่ะไม่คิดอะไรหรอก นอนกลางดินกินกลางทรายมาจนชิน แล้ว ขอแค่ดับกระหายได้ก็ล้วนถือเป็ นชาดี แต่เซียนซือบนภูเขา หลายคนเลือกกิน แค่ดื่มก็สามารถลิ้มรสสูงต่าได้แล้ว ต่อให้ภายนอก ไม่แสดงออก แต่ในใจกลับนินทา ก็แค่ยอมกล้อมแกล้มดื่มไปเท่านั้น วันหน้าน้าที่ใช ้ต้มชาไม่สู้เอามาจากน้าพุใสสะอาดในภูเขา หากข้า จ าไม่ผิดล่ะก็ ในมหาบรรพตเก่าสามลูกล้วนมีต้นกาเนิดน้าพุที่ไม่เลว อยู่”

ดื่มชาต้องมีข้อพิถีพิถันแบบนี้ด้วยหรือ? เป็ นแบบนี้จริงๆ หรือ? โจวหมี่ลี่หันไปมองเจ้าขุนเขาคนดี เฉินผิงอันพยักหน้ารับ แม่นาง น้อยชุดดาก็คลี่ยิ้มกว้างทันใด เอ่ยขอบคุณอาจารย์จางว่า “ได้รับ คาสั่งสอนแล้ว!”

จางจื๋อดื่มน้าชาหนึ่งอีก ยิ้มเอ่ยว่า “ภูเขาลั่วพั่วไม่เหมือนที่อื่น จริงๆ”

จางจื๋อใช ้สองมือประคองถ้วยชา ยิ้มเอ่ยว่า “ขอแนะนาตัวเอง อย่างเป็ นทางการ ข้าชื่อว่าจางจื๋อ มีชาติก าเนิดมาจากลั่วหยางมู่เค่อ เพราะทาผิดกฎของศาลบรรพชนจึงถูกตัดชื่อออกจากผังวงศ์สกุล หันมาท าการค้าต้นทุนต่าล่างภูเขา ใช ้วิธีการที่สะสมน้อยจน กลายเป็ น มาก มิอาจเทียบกับการวางแผนลึกล้าพิจารณายาวไกล ของอาจารย์ฟ่ านและกิจการใหญ่โตของเทพเจ้าแห่งโชคลาภสกุล หลิวได้ คนที่อยู่ด้านข้างผู้นี้คืออู๋โซ่ว ฉายาหลิงเจี่ยว เคยเป็ น ผู้รับผิดชอบส่วนของร ้านผ้าห่อบุญในแจกันสมบัติทวีป อู๋โซ่วเพียง แค่จ้องมองลูกคิดและสมุดบัญชี ไม่เคยเงยหน้ามองสถานการณ์ใหญ่ ที่ไกลตัว คุณความชอบเพียงหนึ่งเดียวก็คือจับผลัดจับผลูทิ้งสิ่งปลูก สร ้างพวกนั้นไว้ที่ท่าเรือหนิวเจี่ยว ทุกวันนี้มันเป็ นของภูเขาลั่วพั่วแล้ว ก็ถือเป็ นความโชคดีอย่างใหญ่หลวง หลายปีมานี้เวลาที่เจอกับผ้าห่อ บุญอื่นๆ ที่เป็ น เพื่อนร่วมอาชีพ มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่อู๋โซ่วสามารถ ยึดเอวตรงคุยโวได้โดยไม่ต้องร่างค าพูด

ใบหน้าของอู๋โซ่วเต็มไปด้วยความขมฝาด

น้อยครั้งนักที่นายท่านจะพูดแบบนี้กับคนอื่น แล้วนับประสาอะไร กับที่ก่อนหน้านี้ยังตั้งใจเตือนตนว่าไม่อนุญาตให้พูดถึงท่าเรือหนิว เจี่ยว

แต่สองสามประโยคสุดท้ายของจางจื๋อก็ไม่ถือว่าเป็ นค าพูดตาม มารยาทที่ไร ้ซึ่งความจริงใจ อู๋โซ่วมักจะโอ้อวดเรื่องนี้กับเพื่อน ร่วมงานเป็ นประจาจริงๆ เพียงแต่ว่าเปลี่ยนแปลงความจริงเล็กน้อย บอกว่าปีนั้นตัวเองได้รู ้จักกับอิ่นกวานหนุ่มอย่างไร พบเจอกันแล้วถูก ชะตากัน เรียกกันเป็ นพี่เป็ นน้องอย่างไร ตอนนั้นเฉินผิงอันยังเป็ นแค่ เด็กหนุ่มที่ทางานในเตาเผา แต่ข้าอู๋โซ่วตามีแวว แค่มองก็รู ้ว่าอีก ฝ่ ายไม่ธรรมดา ตอนอยู่บนโต๊ะสุราได้ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ว่าข้ารู ้สึกว่า ท่านไม่ใช่คนที่จะอยู่ในบ่อเล็กๆ นาน ตอนนั้นเฉินผิงอันยังไม่เชื่อ เพียงแค่ดื่มสุราคารวะตัวเอง ดื่มหมดหนึ่งชาม….พูดคุยกันมากมาย จนถึงสุดท้ายขนาดตัวอู๋โซ่วเองก็ยังเริ่มจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดแล้ว ด้วย

อย่าได้รู ้สึกว่าวิธีการต่าช ้าเช่นนี้น่าหัวเราะเยาะ ในวงการการค้า มันอาจจะแลกเปลี่ยนมาเป็ นเงินทองของมีค่าได้จริงๆ

เฉินผิงอันเอ่ย “ทางฝั่งของใบถงทวีปนี้ ข้าจะไม่มาดูแลแล้ว” จางจื๋อก็มีท่าทางโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด อู๋โซ่วก้มหน้า เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

ส่วนจะแค่ว่าทาท่าให้คนอื่นดูหรือไม่นั้น คนใบ้กินหวงเหลียง รสชาติขมขื่นมีเพียงตัวเองที่รู ้

จางจื๋อเองก็เป็ นคนตรงไปตรงมา ถามโดยตรงว่า “ขอถาม อาจารย์เฉิน นอกจากสานักกระบี่ชิงผิงของพวกท่านแล้ว ในอาณา เขตของใบถงทวีปแห่งนี้ กองกาลังที่มีสิทธิ์มีเสียง มีใครกันบ้าง?”

ชุยตงซานแกว่งชามเหล้า “ข่าวสารว่องไวถึงเพียงนี้ เป็ นข่าวลือ ที่แพร่ไปจากทางฝั่ งของส านักกุยหยกหรือทางกรมคลังของ ราชวงศ์ต้าเฉวียนล่ะ?”

เฉินผิงอันดื่มน้าชาจนหมด ยิ้มเอ่ยว่า “ทุกวันนี้คนที่จัดการธุระ ต่างๆ คือชุยตงซานพวกเจ้าพูดคุยกันไปเถอะ”

ลุกขึ้นแล้วเอ่ยขอตัวลา เดินไปทางประตูห้อง เฉินผิงอันลูบศีรษะ ของหมี่ลี่น้อย ยิ้มเอ่ย “ไม่ต้องช่วยเติมชาต่อแล้ว”

หมี่อวี้ยกสองแขนกอดอก เอนหลังพิงพนัง จ้องอู๋โซ่วผู้นั้นอยู่ ตลอด

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ท าอะไรน่ะ สายตาฆ่าคนได้ หรือ ท าไมข้าถึงไม่รู้เลยว่าเซียนกระบี่เก่งกาจขนาดนี้”

หมี่อวี้ยิ้มอย่างพิพักพิพ่วน

เข้ามาในห้อง เฉินผิงอันยิ้มทักทายฉิวคู่กับหูอู๋หลิง นั่งอยู่ข้าง กระถางไฟใบหนึ่งในห้องยื่นมือไปอังไฟหาความอบอุ่น ลังเลเล็กน้อย

ก่อนเอ่ยว่า “หมี่ลี่น้อย เมื่อครู่นี้มีคนรู ้สึกว่า…อืม เอาเป็ นว่าเป็ นค าพูด ร ้ายกาจที่ไม่น่าฟังก็แล้วกัน บังเอิญข้าได้ยินเข้าพอดี”

หมี่ลี่น้อยขยับม้านั่งตัวเล็กเข้ามานั่งใกล้ๆ เจ้าขุนเขาคนดี ยื่นมือ มาป้ องข้างปาก กดเสียงลงต่าพูดว่า “ไม่ใช่อาจารย์จางคนนั้น ใช่ ไหม?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “คือเจ้าอ้วนที่ชื่ออู๋โซ่วผู้นั้น อาจารย์จางชอบเจ้ามากเลยล่ะ”

หมี่ลี่น้อยหน้าตาเบิกบานทันใด “ฮ่าๆ เดาถูกแล้ว ข้ารู ้อยู่แล้วว่า ต้องไม่ใช่อาจารย์จางแน่!”

แม่นางน้อยชุดดาโคลงศีรษะ ไหล่สองข้างเดี่ยวยกขึ้นเดี๋ยวขยับ ลง อารมณ์ดีอย่างมาก ราวกับว่าความคิดเห็นของอู๋โซ่ว ไม่ว่าจะพูด อะไรก็ถูกนางมองข้ามไม่ถือสา

แม่นางน้อยเอาแต่อารมณ์ดีอยู่กับตัวเอง

ก็เหมือนกับที่นางมักจะไปนั่งมองทัศนียภาพริมหน้าผาของภูเขา ลั่วพั่วเป็ นประจ าเรื่องที่ไม่มีความสุขก็ปล่อยให้มันลอยตามก้อนเมฆ ไป เรื่องที่มีความสุขก็เหมือนนกมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้ อยู่เป็ นแขก ต่อไป

เฉินผิงอันเกือบอดไม่ไหวเตรียมจะลุกขึ้นยืน คราวนี้เป็ นหมื่อวี้ที่ ต้องตระหนกบ้างแล้วเขากระแอมหนึ่งที “ใต้เท้าอิ่นกวาน หากไม่ได้ จริงๆ ก็ให้ข้าเป็ นคนลงมือเถอะ”

โจวหมี่ลี่ยื่นมือออกมาดึงชายแขนเสื้อของเจ้าขุนเขาคนดีเอาไว้ เบาๆ สายหน้า ยิ้มกว้าง คล้ายก าลังพูดว่า อยู่ในบ้านของตัวเองท าไม ถึงอารมณ์ไม่ดีเสียล่ะ

แม่นางน้อยเกาแก้ม ก่อนจะกระซิบกระซาบกับเจ้าขุนเขาคนดี อีกว่า ตนกับเผยเฉียนก็มักจะเรียกพี่หญิงเฉินลับหลังว่าคนซื่อบื้อเห มือนกันนะ

เฉินผิงอันหัวเราะลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย “ผู้พิทักษ์ขวาพูดอะไร ข้าได้ยินไม่ชัดเลยไม่รู ้ จ าไม่ได้”

โจวหมี่ลี่ “ฮ่า!” เจ้าขุนเขาคนดี “ฮ่าๆ”

โจวหมี่ลี่ “ฮ่าๆๆ!”

เจ้าขุนเขาคนดี “เจ้าชนะแล้ว”

หมี่อวี้มองใต้เท้าอิ่นกวานแล้วก็ให้สะท้อนใจนัก แล้วก็เพราะใต้ เท้าอิ่นกวานไม่แตะต้องหมู่มวลบุปผาเอง หาไม่แล้วตนรวมกับโจว อันดับหนึ่ง ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย

เฉินผิงอันหันหน้ามาด่าอย่างกรุ่นโกรธ “ไสหัวไปไกลๆ เลย” หมี่อวี้อึ้งตะลึง น่าประหลาดนัก ใต้เท้าอิ่นกวานได้ยินเสียงในใจ ของตนได้อย่างไร …….

บทที่ 972.3 ไม่แปลกหน้า 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!