เฟินเอ๋อร์รู้สึกประหม่าจนเหงื่อออกท่วมตัว นางมองฮองเฮาอย่างมีความหวัง แต่กลับได้รับสายตาเย็นชาจากอีกฝ่าย
“มองอะไร นางให้เจ้าล้างมือ ก็รีบ ๆ ล้างไปสิ!” ฮองเฮาตำหนิ
เฟินเอ๋อร์ตัวสั่นพลางจุ่มมือลงในน้ำอย่างไม่เต็มใจเพื่อล้างให้สะอาด
หลังจากเช็ดมือให้แห้ง นางก็เดินไปที่อ่างน้ำส้มสายชูและน้ำด่าง
ตอนที่นำมือจุ่มน้ำส้มสายชู มือก็ยังปกติอยู่
แต่เมื่อมือนำไปจุ่มในน้ำด่าง มันก็กลายเป็นสีน้ำเงินอ่อนอย่างรวดเร็ว!
ทุกคนตกตะลึง ส่วนฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงอุทาน “สารเลว เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย!”
ขาของเฟินเอ๋อร์อ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น
นางร้องไห้อ้อนวอน “ฝ่าบาท โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เพคะ ในวันเทศกาลฮัวเฉาวันนั้น แขกทุกคนล้วนดื่มเหล้าดอกท้อ มีเพียงสวีเหม่ยเหรินเท่านั้นที่ดื่มเหล้าบ๊วย ไม่รู้ว่าคนรับใช้คนไหนติดป้ายชื่อเหล้าทั้งสองชนิดสลับกัน หม่อมฉันเลย...เลยเผลอหยิบผิดเพคะ!”
“หยิบผิดหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ “สวีเหม่ยเหรินเพิ่งให้กำเนิดองค์ชายน้อย ทั้งยังอยู่ในช่วงให้นมบุตร นางจะดื่มเหล้าได้อย่างไร?”
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็มองไปที่จักรพรรดิคังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท เนื่องจากนางไม่ยอมทูลความจริง จึงควรส่งนางไปยังกองราชทัณฑ์จะดีกว่าเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าที่กองราชทัณฑ์มีบทลงโทษทรมานร้อยแปดวิธี ระหว่างนั้นคงจะสามารถง้างปากของนางได้เพคะ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ใบหน้าของเฟินเอ๋อร์ก็ซีดขาวราวกระดาษ ตกใจจนเกือบจะเป็นลมล้มพับไป
นางหันไปทางฮองเฮาและตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “ฮองเฮา ฮองเฮาเพคะ โปรดช่วยหม่อมฉันด้วย ฮองเฮา…”
ฮองเฮาพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะช่วยให้เจ้าพ้นจากความผิดร้ายแรงที่เจ้าก่อขึ้นได้อย่างไร? หากเจ้ายอมรับแต่โดยดี เจ้าก็จะได้รับโทษเพียงผู้เดียว แต่หากเจ้ายังดื้อด้านยืนกรานว่าไม่ผิด ระวังไว้เถอะว่าฝ่าบาทจะทรงมีรับสั่งประหารเก้าชั่วโคตร!”
ฮ่องเต้คังอู่ขมวดคิ้ว เยี่ยนเว่ยฉือเองก็เลิกคิ้ว ทั้งคู่เป็นเช่นนั้นเมื่อได้ยินคำขู่นี้
เป็นไปตามคาด หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของฮองเฮา ดวงตาของเฟินเอ๋อร์ก็ว่างเปล่าในทันที
นางยังมีครอบครัวอยู่ข้างหลัง และนางไม่สามารถทำร้ายครอบครัวของนางได้
เฟินเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นพลางพูดทั้งน้ำตา “ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉัน โปรดทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉัน...หม่อมฉันเพียงแค่โกรธเคืองสวีเหม่ยเหริน เลยหลงผิดไปชั่วครู่…”
“หลงผิดไปชั่วครู่? ไม่ใช่หรอกกระมัง” เยี่ยนเว่ยฉือขัดคำพูดของเฟินเอ๋อร์
นางพูดต่ออย่างไม่รอช้า “ขั้นแรกเจ้าหมักเหล้าดอกท้อที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นมา จากนั้นจึงใช้ทักษะพิเศษเพื่อขจัดกลิ่นของดอกท้อ จากนั้นยังต้องเตรียมของของผู้ชายคนนั้นเพื่อใส่เข้าไปในร่างของสวีเหม่ยเหริน สุดท้ายเจ้ายังหลอกล่อให้องค์รัชทายาทเข้ามาในวังหลัง ดูจากสถานการณ์ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าเป็นคนที่รอบคอบมาก แล้วจะอ้างว่าหลงผิดชั่วครู่ได้อย่างไร? เว้นเสียแต่…มีผู้ทรงอำนาจคอยชี้นำเจ้าอยู่เบื้องหลัง?”
ฮ่องเต้คังอู่ทรงสูดลมหายใจยาวและตรัสเสียงดัง “จงถ่ายทอดคำพูดของข้าออกไป คดีการเสียชีวิตของสวีเหม่ยเหรินได้รับการคลี่คลายแล้ว องค์รัชทายาทซ่างกวนซีไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ด้วยเลย เขาจะได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทกลับคืนนับจากนี้…”
“ฝ่าบาท!” ทันใดนั้นก็มีเสียงคล้ายระฆังดังขึ้นในเรือน
เยี่ยนเว่ยฉือมองไปรอบ ๆ พบกับชายวัยกลางคนที่มีคิ้วหนาตาโตกำลังก้าวเข้ามา
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอันกั๋วกง* พี่ชายแท้ ๆ ของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน
และทุกวันนี้ยังเป็นสมุหราชเลขาธิการที่ทรงอำนาจมากที่สุดทั้งในและนอกราชสำนัก
เมื่อฮ่องเต้คังอู่ทอดพระเนตรเห็นอันกั๋วกง พระพักตร์ของพระองค์ก็ไม่สู้ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทรงตรัสถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “อันอ้ายชิง เจ้าคิดว่าการคืนตำแหน่งให้กับองค์รัชทายาทมันเป็นปัญหารึ?”
อันกั๋วกงตอบว่า “ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงถูกใส่ความ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีปัญหาในการคืนตำแหน่งพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ทว่าสาเหตุที่กระหม่อมเข้าวังมาก็เพื่อช่วยเตือนฝ่าบาทว่าตามกฎของราชวงศ์นี้ ในเมื่อชายาของรัชทายาทไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ ดังนั้นก็ควรจะให้นางกับองค์รัชทายาท...ถูกฝังไปพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ!”
อันกั๋วกงจับดาบสยบพยัคฆ์ที่เอวไว้มั่น พลางใช้สายตาคมปลาบมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือที่ยืนอยู่อีกฝั่ง!
*บรรดาศักดิ์กั๋วกงเป็นตำแหน่งสูงสุดของชั้นกง ส่วนใหญ่พระราชทานให้เชื้อพระวงศ์ และขุนนางระดับสูง เป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางจะได้รับ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท