ตอน บทที่ 73 ผู้ยิ่งใหญ่ในด้านธุรกิจ จาก moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 73 ผู้ยิ่งใหญ่ในด้านธุรกิจ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว ที่เขียนโดย Light-Knight เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 73 ผู้ยิ่งใหญ่ในด้านธุรกิจ
เมื่อย้อนกลับไปคิดว่าคุณปู่เป็นคนให้ดอกไม้นี้ ตัวของธีรพลจึงสั่นขึ้นมา “น้องชาย ทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
รีบตะคอกไม่หนึ่งคำ ธีรพลมองไปรอบๆ เห็นว่าไม่มีคน จากนั้นจึงได้พูดกับจักรชัย
“น้องชายเอ๊ย นี่เป็นสิ่งที่คุณปู่เอาให้ คุณควรจะถนอมไว้ให้ดี อย่าทำแบบนี้ ระวังถูกคนอื่นจะซุบซิบเอาได้นะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จึงหยุดอยู่ชั่วขณะ แล้วพูดต่อไป
“ขืนกระจายไปถึงคุณปู่ คุณอาจต้องตายแน่ๆ เลย”
“ตายแน่ ?”
ใบหน้าของจักรชัยยังคงไร้เดียงสา แล้วกะพริบตามองไปที่ธีรพล
“อื้ม ใช่แล้ว”
“น้องชาย คุณเองก็เพิ่งกลับมา คงไม่อยากจะถูกไล่ออกไปอีกใช่ไหม ?”
คำพูดนี้พูดเหมือนมุ่งร้าย หลังจากหูของจักรชัยได้ยินแล้วหัวใจก็สั่นขึ้นทันที
เอาเถอะ จริงๆ แล้วพ่อบ้านก็ไม่ได้โกหกตัวเอง
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้น จักรชัยก็แกล้งโง่กับธีรพล
“โอเค พี่ชาย ผมรู้แล้วครับ”
ใบหน้าแสดงถึงความไม่ใส่ใจ แต่อันที่จริงแล้วในใจเฝ้าระวังไว้อยู่แล้ว
“เฮ้อ คุณยังจะทำท่าทางแบบอีก เดี๋ยวก็ได้.....”
จักรชัยรีบเดินผ่านข้างๆ เขาไปโดยไม่รอให้ธีรพลพูดจบ
“รู้แล้วนะพี่ชาย ผมจะจำทุกอย่างที่คุณพูดไว้ ตอนนี้ผมต้องไปหาคุณแม่แล้วล่ะ”
ก่อนที่ตัวเองจะไป คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์เคยเตือนจักรชัยหลายรอบว่าเมื่อเสร็จแล้วก็ให้รีบกลับไป ไม่รู้ว่ามีเรื่องสำคัญอะไรถึงทำให้คุณแม่ที่ปกติใจเย็น.....
“คุณคิดอะไรอยู่เนี่ย สายตาล่อกแล่กนะ”
มือโบกต่อหน้าจักรชัย คนคนนี้มาอยู่ต่อหน้าจักรชัยอีกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่ชาย ?”
ทำไมถึงกลายเป็นปลาสเตอร์หนังหมา(สิ่งหลอกลวงคน)ไปแล้วเนี่ย ?
คำพูดข้างหลังนี้จักรชัยไม่กล้าพูด จึงได้แต่บ่นอยู่ในใจ
แน่นอนว่าอยู่ในตระกูลหัสบดินทร์นี้ คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์กับธีรพลเป็นผู้มีพระคุณต่อตนเองอย่างแท้จริง
ส่วนท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์นั่น ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่
คนอะไรกันเนี่ย แม้แต่คนในครอบครัวตัวเองยังลงมือได้เลย ช่างมีบุคลิกที่แปลกประหลาดมาก
“ตั้งใจคุยกันดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน”
ธีรพลเอื้อมมือเคาะไปที่หัวของจักรชัยแล้วถามต่อไปอีกครั้ง
“แต่ว่าคุณปู่ดีกับคุณมากเป็นพิเศษเลยนะ ขนาดเด็ดดอกไม้แล้วยังสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้”
“เฮ้ น้องชาย คุณมีทักษะพิเศษอะไรหรือเปล่า ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม ?”
“ไม่มี”
ยิ่งเขายิ่งไม่น่าเชื่อถือ จักรชัยจึงไม่อยากไปสนใจเขาอีก แม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายของตัวเองก็ตาม
“แหม น้องชายที่แสน คุณก็บอกฉันทีสิ”
นี่มันเป็นปลาสเตอร์หนังหมาที่ติดแน่นมาก
ในตอนนี้ คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ก็เรียกขึ้นมาพอดี
“พน คุณมาทำอะไรกับจักรชัยอยู่ตรงนี้เนี่ย ?”
คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ทำสีหน้าสงสัย ราวกับว่าค้นพบทวีปใหม่
สิ่งที่เห็นเมื่อกี้เป็นความจริงงั้นเหรอ ? ไม่ใช่ภาพลวงตาใช่ไหม ?
“หึ ผู้ชายสองคนจับมือถือแขนกัน ไม่รู้จักอายหรืออย่างไร ?”
ราวกับว่านิษฐาจะเข้าใจความคิดของคุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ จึงได้เอ่ยปากถาม
เพราะประโยคนี้เอง จึงทำให้คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์เข้าใจว่าเมื่อกี้ตัวเองไม่ได้มองผิดไป
“น้องสาว คุณรู้จักพูดไหมเนี่ย ?”
การที่ถูกคนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์จึงเข้าใจดีว่าน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองคนนี้จะพาความซวยมาให้ตนเอง
ไม่เช่นนั้นทำไมถึงได้ฉวยโอกาสด่าคนได้ถึงขนาดนี้
“พี่สาว คุณไม่เคยทำกับฉันแบบนี้เลยนะ ฉันเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฉันนะ”
ในความเป็นจริงคือตัวเองทำผิดไปแล้วยังจะมาอ้อนวอนปลิ้นปล้อนได้อีก
จักรชัยก็เลยนึกถึงคำพูดของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ที่พูดกับตัวเองก่อนที่จะจากกันขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว
จักรชัยรู้สึกว่าคุณน้าจะต้องเป็นบ้าเพราะเขา จึงไม่มีหน้าที่จะเดินช้าๆ
“เฮ้ๆๆ”
ใบหน้าของจักรชัยเผยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจและมีอารมณ์ดีมาก
“เอาล่ะ ตอนนี้ได้ผิดใจกับเธอแล้ว คุณต้องระวังหน่อยนะ อย่าให้เธอได้โอกาสทำร้ายเอาล่ะ”
“ไม่งั้นต้องตายแน่ๆ”
ในฐานะพี่ชายของจักรชัย ธีรพลรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องเตือนจักรชัย เพื่อหลีกเลี่ยงการที่เขาดีใจจนลืมตัว
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าหล่อนจะไปแล้วเหรอ ?”
ว่ากันว่าคนต่ำทรามจะเซ้าซี้ จักรชัยจึงขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ไป ?”
“ของอร่อยของงานเลี้ยงรวมญาติของตระกูลหัสบดินทร์เยอะแยะขนาดนี้ หล่อนจะยอมไปได้อย่างไร ?”
“เอ่อ”
เมื่อคำพูดของธีรพลจบไป จักรชัยจึงปวดหัวขึ้นมา
คนอะไรเนี่ย ทำไมไม่เตือนตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ
บางทีอาจเป็นการเห็นความคิดในใจของจักรชัย ธีรพลจึงพูดอย่างมุ่งร้ายอยู่บ้าง
“เมื่อกี้เห็นคุณด่าเขาซะดิบดีเลยไม่ใช่เหรอ ?”
“......”
เขาตามหลังคุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ตลอดทาง แล้วเธอก็แนะนำเครือญาติของตระกูลหัสบดินทร์ จากนั้นจึงค่อยๆ ไปทักทายกับนักธุรกิจคนอื่นๆ
แต่ส่วนมากธีรพลจะเป็นคนพูดคุยทักทาย ในขณะที่จักรชัยจะยิ้มเป็นหลัก
ส่วนคุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ นอกจากปรากฏตัวในช่วงนั้นก็หายตัวไปอีกครั้ง
“พี่ชาย วันนี้ไม่ใช่งานเลี้ยงรวมญาติหรอกเหรอ ทำไมถึงมีผู้คนเยอะจัง......”
นิ้วชี้ไปยังผู้ยิ่งใหญ่ในด้านธุรกิจเหล่านั้น แม้แต่คำที่จะถามก็ขี้เกียจจะพูดแล้ว
“อ้อ คุณหมายถึงพวกเขาน่ะเหรอ ?”
ราวกับว่าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเป็นงานเลี้ยงรวมญาติ ธีรพลจึงส่ายหัวแล้วพูดอย่างคาดเดา
“บางทีคุณแม่อาจจะอยากเปิดเผยตัวตนของคุณก็ได้นะ การที่ให้คนพวกนี้มาก็เพื่อให้คุณได้จดจำใบหน้าไว้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว