“ท่านป้าระวังคำพูดด้วย ถึงแม้ว่าจะอายุน้อยกว่า แต่ข้าก็แต่งงานแล้ว ที่จวนมหาเสนาบดีเอง ข้าก็เป็นถึงพระชายาขององค์ชายสามขององค์จักรพรรดิ ท่านเรียกข้าเช่นนั้น มันจะไม่ทำให้เกิดความสับสนหรอกหรือ?”
“ยิ่งกว่านั้น พี่สะใภ้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉู่ของเราแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ปฏิบัติต่อนางเหมือนลูกสาวที่รัก บรรดาฮูหยินและขุนนางผู้สูงศักดิ์ในเมืองล้วนเห็นสิ่งนี้ คำพูดดังกล่าวเมื่อพูดภายในครอบครัวอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ไม่ควรพูดไปข้างนอก คนที่รู้สถานการณ์จะเข้าใจว่าท่านแค่เอ็นดู แต่หากคนที่ไม่คิดเช่นนั้นเล่า อาจจะกำลังคิดว่าท่านไม่ชอบลูกเขยของตัวเอง สิ่งนี้อาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพี่สะใภ้ บ่งบอกว่าท่านกำลังมีใจเป็นอื่น”
“นี่เจ้า...!” ดวงตาของหลิวซื่อเบิกกว้าง พลางชี้นิ้วไปที่ฉู่เนี่ยนซี ทว่าหญิงสาวกลับยังยืนอยู่ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีเอ่ย หลิวซื่อก็ต้องกลืนความโกรธทั้งหมดลงไป
“ตอนนี้คำพูดจาของพระชายาหลีนั้นเฉียบแหลมนัก ข้าน้อมรับคำแนะนำ นี่ก็นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เจอแม่ของท่าน คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ถามไถ่กันบ้าง”
แม้จะไม่อยากเจอหน้าของฉู่เนี่ยนซีแล้ว แต่หลิวซื่อก็ไม่กล้าพอที่จะเย้ยหยันอีกฝ่ายภายใต้จวนมหาเสนาบดี นางจึงตัดสินใจถอยออกมาเสียก่อน
ฉู่เนี่ยนซีคลี่ยิ้มออกมา พลางเอ่ย “ต้องขอโทษด้วย วันนี้ท่านป้าอาจจะมาไม่ถูกเวลาเท่าไหร่นัก ท่านพ่อไม่ค่อยสบาย ท่านแม่เองก็คงไม่ได้รู้สึกดีนัก จึงขอให้ท่านมาวันอื่นแทนแล้วกัน”
“นี่ท่านกำลังไล่ข้าออกไปจากจวนท่านมหาเสนาบดีงั้นเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ท่านมีสิทธิ์เช่นนี้?!”
“ไม่สำคัญว่าพระชายาเช่นข้าจะมีสิทธิ์หรือไม่ แต่ข้าเป็นคนปากไว หากเรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อท่านแม่เมื่อไหร่ แล้วสุขภาพท่านพ่อย่ำแย่ลง ท่านจะรับผิดชอบยังไง?”
ได้ยินอย่างนั้นหลิวซื่อก็หน้าซีด กัดฟันด้วยความโกรธ “เห็นได้ชัดว่ากำลังแอบฟัง แล้วยังจะมาตำหนิข้าอีกงั้นเหรอ?”
“ท่านแม่”
พี่สะใภ้ดุทันที ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถทนงตัวได้อีก
ฉู่เนี่ยนซียิ้มแล้วเอ่ย “เอาล่ะ ท่านอยากให้ข้าบอกท่านพ่อกับท่านพี่หรือไม่ ว่าพี่สะใภ้อยากจะหย่ากับท่านพี่? ถ้าหากว่าข้าพูดโดยไม่ทันระวัง ก็อย่าโทษข้าก็แล้วกันเพราะทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านคิด”
ดวงตาของคนเป็นสะใภ้ใหญ่แสดงออกชัดเจนว่ากำลังทำอะไรไม่ถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก
แอดไม่อัพแล้วร๋อคะ??...
รอตอนต่อไปนะคะ...