ชั่วประเดี๋ยวเดียวหนานกงเย่ก็สามารถยืนมั่นคงได้ เขามองฉีเฟยอวิ๋นที่มีความมั่นใจว่าจะสามารถช่วยลูกของเธอได้
ฉีเฟยอวิ๋นมองเห็บแมลงดูดเลือดที่อยู่บนศีรษะของลูกชายอย่างสงบ จากนั้นกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องรู้จักแอลกอฮอล์หรือไม่เพคะ?”
“รู้”หนานกงเย่ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับการกลั่นเหล้า แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่เข้มข้นที่สุดในเหล้า
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านอ๋องไปเอามาเลย ต้องการตอนนี้เพคะ”
หนานกงเย่สาวเท้าก้าวเดินออกไป อยู่ที่ต้าเหลียงจะทำแอลกอฮอล์นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ โชคดีที่เขารู้ว่าที่ไหนมี
หนานกงเย่ออกมาจึงรีบเร่งขี่ม้าไปที่ร้านเหล้า
ได้แอลกอฮอล์มาแล้วหนานกงเย่ก็ได้มอบมันให้กับฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นหยิบหลอดเข็มฉีดยาดึงออกมาอันหนึ่ง ตรวจสอบสถานที่อื่นพบว่าไม่มีแล้ว ก็ได้ฉีดยาให้เห็บแมลงดูดเลือดจนเวลาผ่านไป ไม่นานก็กลายเป็นฟอง ฉีเฟยอวิ๋นใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็ได้มองเห็นหนังศีรษะของลูกชายน้อย
แต่บนหนังศีรษะยังมีจุดเล็กจำนวนหนึ่ง จุดก้อนเล็กนั้นขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ได้มีเลือดไหลออกมา สีเลือดเป็นสีที่บ่งบอกว่าเป็นสีที่ไม่ดี สำหรับเด็กที่อายุมากขึ้น นี่เป็นการทำร้ายที่ร้ายแรงที่สุด ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดใจจนน้ำตาหลั่งไหลลงมา
“เป็นแม่ที่ไม่ดีเอง ไม่ได้ดูแลเจ้าดีๆ”ฉีเฟยอวิ๋นร่ำไห้พร้อมกับใส่ยาให้ลูก เดิมก็รักทะนุถนอมลูกชายน้อยอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งเป็นเช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นสั่งให้คนนำชุดของเธอมา ห่อหุ้มเจ้าห้าไว้ด้านนอกห่อด้วยผ้าห่มเล็ก และจัดการทำแผลให้ลูกชาย
นี่ถึงได้สั่งให้อวิ๋นจิ่นตรวจสอบทาวด้านของเรือนจวินจื่อ ดูว่ายังมีเห็บเหาแมลงดูดเลือดอยู่อีกหรือไม่และยังตรวจสอบให้ลูกๆอีกหนึ่งรอบ
แม่ทัพฉีกับหวังฮวายอันก็ตื่นตกใจ
ซื่อจื่อของจวนอ๋องเย่ เป็นเด็กที่มีเรื่องราวมากเสียเหลือเกิน นี่เพิ่งจะกี่วันก็ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมามากมาย
อวิ๋นจิ่นตรวจสอบเรือนจวินจื่อหนึ่งรอบแล้ว แม้แต่ในซอกพื้นนางก็ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่วางใจเลยสั่งให้คนนำแอลกอฮอล์ปริมาณมากมา ฆ่าเชื้อให้เรือนจวินจื่อหนึ่งรอบถ้วน
แต่แอลกอฮอล์ง่ายต่อการจุดติดไฟ อวิ๋นจิ่นกลัวเลยสั่งให้มีคนคอยเฝ้าดู ระงับการเกิดไฟ ถึงอย่างไรด้านล่างก็เป็นเตียงอิฐมีปล่องไฟ สามารถพูดได้ว่าเรือนจวินจื่อของพระชายาเย่ง่ายต่อการเกิดไฟที่สุด
อวิ๋นจิ่นจำเป็นต้องระวังอย่างมาก
ทุกอย่างตรวจสอบหมดแล้ว อวิ๋นจิ่นถึงได้ไปหาฉีเฟยอวิ๋น
“นายท่าน ได้ตรวจสอบแล้ว เรือนจวินจื่อไม่มีเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้า มองไปบริเวณโดยรอบ กล่าวว่า”เช่นนั้นก็ตรวจสอบที่สวนดอกกล้วยไม้ด้วย ตรวจสอบแต่ละที่เลยนะ”
อวิ๋นจิ่นสั่งคนให้ไปตรวจสอบ ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่นั่งลง แม่เฒ่าโฮ่วคอยปรนนิบัติอยู่อีกด้านหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “แมลงตัวนี้ก็เรียกว่าตัวหมัดตัวเห็บเหาดูดเลือด เป็นจริงอย่างที่แม่เฒ่าโฮ่วกล่าว มันต้องอยู่ในพงหญ้า แต่ว่ามันมาอยู่ในจวนอ๋องเย่ของพวกเราได้อย่างไร?ตอนนี้คือเหมันตฤดู มีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไรกัน?”
หนานกงเย่กล่าวด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “มีคนนำมันเข้ามา แต่เวลานี้สามารถมีสิ่งนี้ได้ มันก็ไม่ง่ายหรอกนะ”
“ท่านอ๋องพูดถูกเพคะ แต่ตอนเช้าที่หม่อมฉันอุ้มเจ้าห้ามา แมลงนี้มันขึ้นไปอย่างไรกันเพคะ?”
ในเมื่อเรือนจวินจื่อไม่มี เช่นนั้นก็ทำที่เรือนสวนดอกกล้วยไม้ แต่ทางฝั่งของสวนดอกกล้วยไม้ไม่มีคนนอกนะ
แม่เฒ่าโฮ่วกล่าวว่า “พระชายา ในจวนมีเด็กน้อยผู้หนึ่ง ชื่อชุนเหมยเพคะ แต่ว่าเคยมาหรือเพคะ?”แม่เฒ่าโฮ่วกล่าวถาม ฉีเฟยอวิ๋นจึงคิดอยู่สักครู่หนึ่ง
“ชุนเหมยนั่นไม่รู้ แต่วันนี้ด้านในสวนดอกกล้วยไม้มีคนมาจำนวนหนึ่งจริง แต่ว่ามิได้เข้าใกล้”ฉีเฟยอวิ๋นจำได้ว่าตอนเช้ามีคนมาทำความสะอาดเรือน
“พระชายา แม่เฒ่าตรวจสอบได้คนผู้หนึ่ง ก็คือชุนเหมยผู้นี้แหละเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไป กล่าวว่า “ท่านกล่าวมาสิ”
แม่เฒ่าโฮ่วกล่าวว่า “ชุนเหมยผู้นี้ตั้งแต่ข้าเริ่มต้นพบเจอรู้จักกับนางก็พบแล้วว่า ทุกวันตอนช่วงเวลากลางคืนนางจะอยู่ในเรือนตามลำพัง นางยังเป่านกหวีดได้ แต่นกหวีดเล็กมาก ไม่มีเสียง คนทั่วไปจะไม่ได้ยินแต่แม่เฒ่าได้ยินเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ