“ฮูหยิน หากท่านอ๋องตวนทรงรักใคร่อย่างจริงใจเล่า?” ฉีเฟยอวิ๋นถาม ฮูหยินกั๋วกงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“ฮูหยิน ท่านคิดว่าอย่างไร หากหลังจากสามเดือนนี้ พระชายารองอวิ๋นยังต้องการไปจากท่านอ๋องตวน เช่นนั้น……ท่านก็กลับมาอีกครั้ง แล้วจวนอ๋องเย่ของเราจะไม่ขัดขวาง
แต่หากเห็นด้วย แล้วหลังจากสามเดือนนี้พระชายารองอวิ๋นต้องการที่จะอยู่ต่อ ท่านก็ห้ามบีบบังคับให้แยกทางกัน”
“เกรงว่าจะไม่ถึงสามเดือน ฉวนเอ๋อร์ก็คงจะไม่อยู่ที่นั่นแล้ว” ฮูหยินกั๋วกงยังคงไม่เห็นด้วย และพูดออกมาอย่างอึดอัดใจ
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวต่อ:“ฮูหยิน หรือว่าสตรีในจวนกั๋วกงของพวกท่าน ไม่มีความกล้าหาญมากพอ?ไม่กลัวที่จะอยู่ในสนามรบ แต่รักบุรุษสักคนแล้ว ไม่กล้าที่จะถอยกลับ?”
“สตรีในจวนกั๋วกงของเราไม่รักตัวกลัวตาย และจะไม่ถูกขัดขวางโดยความรักของลูก ๆ อย่างแน่นอน
เพียงแต่ฉวนเอ๋อร์ยังเด็ก และอ๋องตวนก็มีสตรีในดวงใจแล้ว
เดิมทีหม่อมฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้
เป็นพระมเหสีและท่านราชครูจวินที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำให้ฉวนเอ๋อร์ต้องลำบาก ข้าถึงได้ตอบตกลง
แต่ในตอนนี้ฉวนเอ๋อร์เกือบจะต้องอดตาย และจะให้จวนกั๋วกงของข้าคิดอย่างไร?”
“ฮูหยินกล่าวได้ถูกต้อง แต่นี่เป็นเรื่องภายในจวนของอ๋องตวน อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แม้ว่าทุกบ้านล้วนมีปัญหาของตนเอง แต่คิดว่าทักษะการเอาตัวรอดของพระชายารองอวิ๋นที่หลังจวนนั้นอาจจะผิดพลาดไปบ้าง แต่เทียบไม่ได้เลยกับการอยู่ในสนามรบ
จะเห็นได้ว่าพระชายารองอวิ๋นซื่อสัตย์และมีคุณธรรม แต่เป็นเพราะนางยังเด็ก จึงไม่เข้าใจเรื่องหลังจวน
แต่หากมีคนคอยสอนนางได้ดี เชื่อว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้
พระชายารองอวิ๋นเพียงแค่คิดว่าอาหารมื้อสองมื้อที่ให้นางกินก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะแย่ลงเรื่อย ๆ
หากพระชายารองอวิ๋นนำเรื่องนี้ไปบอกพระมเหสีหรือท่าน อาจจพไม่เป็นเช่นนี้
พระชายารองอวิ๋นเคยไปทานอาหารที่จวนอ๋องเย่ เดิมทีสาวใช้ที่ชื่อตงเอ๋อร์อยากจะบอกข้า แต่ก็ถูกพระชายารองอวิ๋นห้ามไว้
จะเห็นได้ว่าพระชายารองอวิ๋นไม่ต้องการสาวไส้ให้กากิน
ประการแรกจะเห็นได้ว่าพระชายารองอวิ๋นนั้นมีคุณธรรมสูงส่ง ประการที่สองคือนางซื่อสัตย์ และประการที่สามเชื่อว่านางต้องการอยู่ที่จวนอ๋องตวน
พระมเหสีหวาพยักหน้าเห็นด้วย
สีหน้าของฮูหยินกั๋วกงยังคงไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงกล่าวต่อว่า:“ข้าก็รู้สึกเหมือนเช่นพระชายาตวน ซึ่งถือว่ามีเมตตากรุณามากแล้ว แต่หากเป็นข้าจะไม่มีที่ว่างสำหรับพระชายารอง”
“……”
ผู้คนที่อยู่บนพระที่นั่งต่างมองมาที่ฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่กล่าวว่า:“พระชายากลายเป็นสตรีผู้กล้าหาญ และไม่กลัวที่จะพูดจาไร้สาระ เรื่องของข้าจะเพียงพอสำหรับเจ้าได้อย่างไรกัน?”
“แล้วเมื่อคืนที่ท่านอ๋องทรงสาบานว่าหากแต่งกับพระชายารอง จะยอมออกไปให้รถชนตาย” ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว พระพันปีก็ถอนหายใจ
“ไร้สาระ” พระพันปีโกรธมาก
หนานกงเย่รีบกล่าวว่า:“ข้าไม่ได้พูด หากเจ้าไม่ยอมข้าจะลงมือ!”
พระพันปีหน้าแดง หน้าไม่อายจริง ๆ!
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“หม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกง่วงนอน และต้องการให้ท่านอ๋องรีบไปพักผ่อนก่อนเพคะ”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือเท็จ เจ้าไม่ได้บอกกับข้าอย่างชัดเจน?”
ฉีเฟยอวิ๋นปฏิเสธ:“หม่อมฉันง่วงจนเผลอหลับไป แล้วท่านอ๋องก็ปลุกหม่อมฉันขึ้นมา จากนั้นก็สะกิด และหม่อมฉันก็ได้ยินท่านอ๋องบอกว่าอยากมีอะไรกับหม่อมฉัน?”
“เหลวไหล ข้าไม่ได้อยากเป็นพ่อเร็วขนาดนั้น หมอประจำจวนบอกว่าต้องขยัน จึงจะสามารถเป็นพ่อได้”
พระพันปีทนฟังไม่ได้ จึงตรัสว่า:“พอแล้ว เรื่องของพวกเจ้า กลับไปคุยกันเองเถอะ จะได้ไม่ต้องขายหน้า”
ฉีเฟยอวิ๋นโค้งคำนับเป็นการตกลง ในขณะที่หนานกงเย่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ