หนานกงเย่เหลือบมองเขาและกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านก็อย่าลุกเลย”
ประตูเป็นประตูแบบบานเลื่อนที่เปิดเข้าไป หลังจากลั่นดาลเรียบร้อยแล้วหนานกงเย่จึงมองไปทางฉีเฟยอวิ๋นซึ่งกำลังแช่น้ำอยู่ในภายใต้ไอน้ำ
ในเวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นกำลังหลับตาเพื่อพักผ่อนร่างกาย ร่างกายของนางค่อยๆ ชุ่มชื้นขึ้นเมื่ออยู่ในน้ำ
หนานกงเย่ลงไปในน้ำและตรงไปหาฉีเฟยอวิ๋น กอดนางไว้จากทางด้านหลัง
“ข้าแค่พลั้งปากออกไป อวิ๋นอวิ๋นอย่าคิดเป็นจริงเป็นจังเลย”
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้นและหันไปมองหนานกงเย่ที่อยู่ด้านหลัง ดูเหมือนคิ้วของเขาจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่นางไม่ได้ใส่ใจนัก
นางเพียงแค่เอนหลังพิงไหล่ของหนานกงเย่และกล่าวว่า “มีคนมาดร้ายหม่อมฉันเยอะเหลือเกิน เกรงว่าวันหนึ่งหม่อมฉันจะไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ ถึงตอนนั้นท่านอย่าได้ก่อเรื่องยุ่ง อย่าได้เป็นฟืนเป็นไฟ อย่าฆ่าคน นั่นไม่ใช่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการ ท่านอ๋องอยู่ได้โดยปราศจากหม่อมฉัน”
“ข้าทำไม่ได้”
หนานกงเย่ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ ถ้านางไม่อยู่แล้วจริงๆ ชีวิตของเขาก็ไม่มีความหมาย
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ที่ไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง นางพิงตัวเขาและไม่ได้พูดอะไรอีก
ทั้งสองคนอาบน้ำออกมาและเห็นหนานกงเหยี่ยนนอนอยู่บนเตียงของพวกเขาราวกับว่าหลับไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกมึนๆ และหลับลงไปจริงๆ
“ใครก็ได้เข้ามา พระชายาฟื้นแล้ว ไปเตรียมถังอาบน้ำไว้ให้ท่านอ๋องตวนแช่ยาเสีย”
เมื่อได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นฟื้นแล้ว อาอวี่ก็รีบเข้ามาเตรียมถังไม้ให้
บรรยากาศภายในห้องดูแปลกๆ ฉีเฟยอวิ๋นสวมชุดคลุมผ้าฝ่ายสีขาวยาวระพื้น ดูเหมือนหงส์ขาวที่กำลังมองอ๋องตวน อ๋องตวนมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างใจลอยเล็กน้อย อยากจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็หันหน้าหนี
อย่าไปมองอะไรที่ไม่ดี อย่ามอง
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังและลากชุดคลุมหางนกยูงเดินผ่านไป แสงจันทราสีขาวส่องประกายอยู่บนเสื้อคลุมและส่องสะท้อนอยู่ภายในห้อง
หนานกงเย่หันไปมองฉีเฟยอวิ๋นที่เดินเข้าไปในห้องทดลอง รอให้คนมาเติมน้ำร้อนลงในถังอาบน้ำ
“ลงไปสิ”
อาอวี่และคนอื่นๆ มองอ๋องตวนที่นอนอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเวลานี้เกิดอะไรขึ้น
ประตูปิดลงเสียงดังปัง หนานกงเหยี่ยนแทบจะจมน้ำตายอยู่ในถังไม้เพราะถูกหนานกงเย่โยนเข้าไปทั้งอย่างนั้น
หนานกงเหยี่ยนคิดจะออกมา แต่หนานกงเย่เอ่ยอย่างเยาะหยันว่า “ท่านไม่ต้องออกมาแล้ว แช่อยู่ในนั้นนั่นละ”
ว่าแล้วหนานกงเย่ก็หันหลังลากเสื้อคลุมเดินไปทางด้านหลัง เมื่อเข้าประตูไปแล้วจึงถอดเสื้อคลุมออกและเปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมสีขาวที่มีเอกลักษณ์
“ทำอะไรหรือ”
หนานกงเย่ประหลาดใจ ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นกำลังแกว่งขวดทรงกระบอกที่ถืออยู่ในมือ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
“ไม่มีอะไรเพคะ แค่อยากรู้ว่าพิษของจวินฉูฉู่เป็นพิษอะไร มันเกือบจะทำให้หม่อมฉันแท้ง กันไว้ดีกว่าแก้”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดเลยว่าจะมีพิษชนิดนี้อยู่ในสมัยโบราณเช่นนี้ เป็นพิษที่เข้ามาในร่างกายของนางถึงสองครั้งและทำให้นางถูกวางยาพิษโดยไม่ทันสังเกตเห็น
ถ้าไม่ใช่เพราะระบบต้านพิษในร่างกาย ตอนนี้นางคงตายเพราะพิษนี้ไปแล้ว
จวินฉูฉู่เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง นางจะมีพิษแปลกๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ
หนานกงเย่ยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ ฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกประหลาดใจมาก “แปลกมาก ข้าไม่เคยเห็นพิษแบบของนางมาก่อนเลย”
หนานกงเย่หยิบมาดูนิดหนึ่ง “เจ้าไปเอาพิษนี่มาจากไหน”
“หม่อมฉันสงสัยตั้งแต่ตอนที่นางให้กล่องกับหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงเปิดดูนิดหนึ่ง แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว ตอนนั้นหม่อมฉันรู้สึกว่าหัวใจกำลังจะหยุดเต้น เลือดลมก็แปรปรวน ดังนั้นหม่อมฉันจึงใช้ปลายนิ้วปาดเศษผงบนพื้นผิวมาเล็กน้อย
หลังจากคิดดูแล้ว บนกล่องนั้นกับบนปิ่นสีชาดจะต้องมีสักที่หนึ่งที่มีพิษติดอยู่”
“บนปิ่นสีชาดมีพิษ” หนานกงเย่แน่ใจ ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเย่
“เหตุใดท่านจึงมั่นใจนัก” ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ
“ท่านอ๋องตวนบอกว่าเขาเห็นกล่องนั่น เขาน่าจะหยิบมันดูแล้วแต่ไม่เป็นอะไร แสดงว่าเขาไม่ได้แตะปิ่นสีชาด ซึ่งน่าจะมีแค่ที่ปิ่นสีชาดเท่านั้นที่มีพิษ” หนานกงเย่กลับออกไปหาอ๋องตวนที่ด้านนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ