เมื่อมาถึงตำหนักเฉาเฟิ่ง ฉีเฟยอวิ๋นก็เงยหน้าขึ้นมองชื่อตำหนักเฉาเฟิ่งขนาดใหญ่บนหัว ไห่กงกงให้นางรออยู่ข้างนอก ไม่นานไห่กงกงก็ออกมาจากตำหนักเฉาเฟิ่ง และถ่ายทอดคำสั่งของพระพันปี จากนั้นก็พาฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป
ก่อนที่จะเข้ามา ไห่กงกงได้แจ้งว่าวันนี้ที่ให้มาที่นี่ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
หลายปีมาแล้วที่จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงไม่มีผู้สืบทอด หลายวันที่ผ่านมาในราชสำนักก็ได้ปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ และพระพันปีก็ทรงมีพระประสงค์ที่จะเลือกคนเข้ามาในวังหลังให้ฝ่าบาท และเป้าหมายสูงสุดคือการเลือกคนที่สามารถให้กำเนิดพระโอรสกับฝ่าบาทได้
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจ และนางก็ไม่สบายที่จะต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ เช่นนี้
เดิมทีพระพันปีไม่สนเรื่องในราชสำนัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นการเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนใจมานานแล้ว และทรงประทับอยู่แต่ในตำหนักเฉาเฟิ่ง แต่เกรงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนานกงเย่จะทำให้พระพันปีทรงตื่นตระหนก และสิ่งที่นางทำในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้เสนาบดีเฉินตรวจสอบหนานกงเย่ บุตรชายคนเล็กของนาง
ถึงอย่างไรนางก็เป็นพระพันปี เป็นเวลาหลายปีแล้วที่นางไม่เคยถามถึงปัญหาเรื่องการให้กำเนิดพระโอรส มันต้องมีเหตุผลบางอย่าง แต่ที่ตอนนี้นางทำเช่นนี้ บางทีอาจจะมีเหตุผลที่สอง
ในเมื่อรู้สถานการณ์ของบุตรชายแล้ว หากไม่ยอมเข้ามาสอดแทรกเรื่องนี้ บุตรชายคนโตจากไปแล้วก็ยังมีหนานกงเย่บุตรชายคนเล็ก หนานกงเย่เป็นที่โปรดปรานมาโดยตลอด นางเป็นแม่ หากไม่เข้ามาช่วย เกรงว่าในตอนนี้คงจะเกิดเรื่องขึ้นกับหนานกงเย่ และนางก็ไม่สามารถนิ่งดูดายได้
การที่ปรากฏออกมา แน่นอนว่าสิ่งแรกคือการล้างแค้นให้บุตรชาย และเห็นได้ชัดว่าการคัดเลือกพระสนมให้จักรพรรดิอวี้ตี้ เป็นการหักหน้าเสนาบดีเฉิน
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว ฝ่าเท้าของนางก็เย็นเฉียบ การกระทำของพระพันปีช่างดุร้ายราวกับเสือ นางจึงเป็นกังวล วันนี้นางเป็นมือปืนที่รอการโจมตี
การคัดเลือกพระสนมให้ฝ่าบาท แล้วเรียกนางที่เป็นพระชายาเย่มาด้วย นางจะสงบจิตสงบใจได้อย่างไร?
“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ” หลังจากที่เข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่งแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็คุกเข่าลง
“ลุกขึ้นเถิด ไม่มีคนนอก วันนี้ที่เรียกเจ้ามาก็เพื่อที่จะพูดคุยและถามถึงเรื่องของเย่เอ๋อร์” พระพันปีกล่าวอย่างสงบนิ่ง ฉีเฟยอวิ๋นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
นางรู้ว่าถึงแม้จะเห็นแก่หน้าของหนานกงเย่ พระพันปีก็จะไม่ทำอะไรนาง
ถ้าจะจัดการก็คงให้บุตรชายของนางจัดการไปแล้ว
อีกอย่างในเมืองต้าเหลียงมีใครไม่รู้บ้างว่านางกับหนานกงเย่เหมือนน้ำกับไฟ
“ไห่กงกง เอาเก้าอี้มา ให้พระชาเย่ขึ้นมานั่ง” พระพันปีมองลงไปที่ข้าง ๆ ไห่กงกงรีบย้ายเก้าอี้ไปวางไว้ข้าง ๆ พระพันปีในทันที
ฉีเฟยอวิ๋นขอบคุณ และขึ้นไปนั่งข้าง ๆ พระพันปี
“ไม่เจอกันไม่กี่วัน รู้จักกฎระเบียบขึ้นมากนะ”
พระพันปีดูเหมือนจะหยอกล้อ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจคอเหี่ยวแห้ง เห็นได้ชัดว่ากำลังเหน็บแนม
“กราบทูลเสด็จแม่ เมื่อหม่อมฉันกลับไปที่จวนอ๋องเย่ก็ได้รับคำสั่งสอนจากท่านอ๋องเพคะ ในสองสามวันนั้นหม่อมฉันถูกบังคับให้ท่องจำคำสอนของบรรพบุรุษ ตอนเด็กหม่อมฉันกลัวการท่องจำ ท่านอ๋องกล่าวว่าต่อไปหากหม่อมฉันไม่รู้จักกฎระเบียบอีก จะทรงลงโทษให้หม่อมฉันท่องจำ แน่นอนว่าหม่อมฉันไม่กล้าที่จะเพิกเฉย และทำตัวให้ดีเพคะ!”
“เหมือนกับสิ่งที่เย่เออร์ทำ เจ้าขาดสิ่งเหล่านี้ ในฐานนะพระชายาของอ๋องเย่ หากเจ้าไม่มีกฎระเบียบ คนที่จะขายหน้าก็คือคนในจวนอ๋องเย่ และแม้แต่ข้าเองก็จะขายหน้าไปกับเจ้าด้วย”
พระพันปีโบกมือ จากนั้นคนที่อยู่ข้าง ๆ ไห่กงกงก็ถอยออกไป และเหลือเพียงเขาที่อยู่รับใช้
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าอะไรที่ควรมาก็ต้องมา
คนที่ทำให้จวนอ๋องเย่ต้องขายหน้า เป็นไปได้มากว่าอาจได้รับการให้อภัย และคนที่ทำให้พระพันปีต้องขายหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าคิดจริง ๆ ว่ามันจะดีหรือไม่ดีสำหรับนาง
“ต่อไปหม่อมฉันจะเชื่อฟังเพคะ และจะเรียนรู้เรื่องมารยาททุกวัน และฟังคำสอนของเสด็จแม่เพคะ”
พระพันปีเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น:“หากเจ้าสามารถประพฤติตัวดีเช่นนี้ได้ ข้าก็จะไม่ถือสาเอาความเจ้า แต่ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้าไปทำ หากเจ้าทำสำเร็จข้าจะมีรางวัลให้ แต่หากล้มเหลว แน่นอนว่าข้าก็จะไม่ไว้ชีวิตเจ้าเช่นกัน "
ฉีเฟยอวิ๋นใจคอห่อเหี่ยว:“เรื่องที่เสด็จแม่ทรงสั่ง หม่อมฉันจะทำอย่างสุดความสามารถเพคะ แต่นอกจากหาเรื่องทะเลาะให้ผู้อื่นวุ่นวายแล้ว อย่างอื่นหม่อมฉันก็ไม่ค่อยดีเพคะ ไม่ทราบว่าเสด็จแม่จะให้หม่อมฉันทำอะไรเพคะ?”
“เจ้ามันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ หาเรื่องทะเลาะให้ผู้อื่นวุ่นวายอะไรกัน?เมื่อครู่ข้ายังคิดว่าเจ้าฉลาดอยู่เลย ประเดี๋ยวเดียวก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว ใจจริงแล้วเจ้าอยากจะให้ข้าโมโหหรือ?”
พระพันปีโมโหอยู่ครู่หนึ่ง แม่ทัพฉีให้กำเนิดบุตรสาวเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างน่าโมโหเสียจริง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ