เมื่อตื่นขึ้นมาในครั้งนี้ ฉีเฟยอวิ๋นก็แทบรอไม่ไหว
และออกมาจากในห้อง ฉีเฟยอวิ๋นถามอาอวี่ว่าหนานกงเย่ไปไหน
“ท่านอ๋องทรงเสด็จเข้าไปในวังพ่ะย่ะค่ะ”
“วันนี้มู่เหมียนมาที่นี่หรือไม่?” ฉีเฟยอวิ๋นต้องการไปที่ชายแดน ดังนั้นนางจึงต้องการนำคนไปด้วย
“มาแล้วพ่ะย่ะค่ะแต่ถูกท่านอ๋องไล่ออกไป” อาอวี่ไม่เข้าใจ ท่านอ๋องจะทำเช่นนี้ไปถึงเมื่อไหร่ เขาดูไม่ชอบหน้ามู่เหมียนมาก
“เช่นนั้นเจ้าไปเชิญมู่เหมียนมา” ฉีเฟยอวิ๋นต้องการออกจากเมือง จึงต้องพามู่เหมียนไปด้วย มู่เหมียนเคยเรียนรู้จากผู้อื่นมาหลายปี ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะมู่เหมียนไปด้วย
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่อาอวี่จากไป ฉีเฟยอวิ๋นก็มองไปที่เจ้าจิ้งจอกน้อย:“ไปหาอวิ๋นหลัวฉวน”
เจ้าจิ้งจอกน้อยวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ฉีเฟยอวิ๋นเฝ้ามองดูเจ้าจิ้งจอกน้อยจากไป และไปที่เรือนจู่อวิ๋นใจ
ไม่ง่ายเลยที่นางจะไปหาอวิ๋นหลัวฉวน
เมื่อมู่เหมียนมาถึงประตู นางก็บังเอิญเจอกับอวิ๋นหลัวฉวนที่อยู่ใกล้ ๆ หลังจากที่ทั้งสองมาถึงจวนอ๋องเย่แล้วก็เดินตรงไปที่เรือนจู่อวิ๋นใจ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหนื่อย จึงเอนตัวลงนอนอยู่ในห้อง โดยมีหงเถาและลี่ว์หลิ่วคอยเฝ้าอยู่ข้าง ๆ
มู่เหมียนเดินเข้ามาก่อน นางรู้ว่าหนานกงไม่อยู่ จึงเดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหนื่อย และกำลังจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อน แต่เมื่อได้ยินเสียงคนเดินบุ่มบ่ามเข้ามา ฉีเฟยหอวิ๋นก็ลืมตาขึ้น
และไม่แปลกใจที่เห็นมู่เหมียน เพราะหากมู่เหมียนเดินเข้ามาเงียบ ๆ นางถึงจะต้องแปลกใจ
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” มู่เหมียนนั่งลงข้าง ๆ ฉีเฟยอวิ๋น และมองดูท้องที่ใหญ่จนน่าตกใจของฉีเฟยอวิ๋น นางก็เคยเห็นคนตั้งครรภ์มามาก แต่ไม่เคยเห็นคนตั้งครรภ์ที่ท้องโตเหมือนฉีเฟยอวิ๋น นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เหมียนได้เห็น
ฉีเฟยอวิ๋นฝืนยิ้ม:“ก็ดี”
“แบบนี้ดีหรือ เห็นใบหน้าที่บวมเปล่งของเจ้าแล้ว ข้าตกใจแทบแย่” มู่เหมียนยื่นมือออกไปบีบแก้มของฉีเฟยอวิ๋น ลี่ว์หลิ่วจึงรีบมาขวางไว้
“จวิ้นจู่อย่าทรงทำเช่นนี้เลยเพคะ หากท่านอ๋องทรงรู้ จะทรงหึงหวงอีก” ในตอนนี้ทุกคนในจวนต่างก็รู้ว่าท่านอ๋องไม่เพียงแต่หึงหวงที่พระชายาจะชอบผู้ชายเท่านั้น แต่ยังหึงหวงที่พระชายาทรงชอบผู้หญิงด้วย และมู่เหมียนจวิ้นจู่ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน
มู่เหมียนเหลือบมองลี่ว์หลิ่วอย่างเฉยเมย:“เขาไม่อยู่ จะกลัวอะไร?”
ลี่ว์หลิ่วตกใจจนเกือบจะร้องไห้:“จวิ้นจู่โปรดไว้ชีวิตลี่ว์หลิ่วด้วยเพคะ”
“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับจวิ้นจู่”
“เพคะ” เถาหงและลี่ว์หลิ่วถอยออกไป ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่มู่เหมียน และพูดเรื่องที่ต้องการไปชายแดน
มู่เหมืียนจึงกล่าวว่า:“ข้ารู้ว่าที่เจ้าเรียกหาข้าต้องไม่ใช่เรื่องดี ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้ คราวก่อนก็เรื่องนี้ และคราวนี้ก็เป็นเรื่องนี้อีก หรือว่าเจ้าไม่คิดจะให้ทำเรื่องอื่นบ้างเลยหรือ?”
“ท่านพ่อของข้าอยู่ที่ชายแดน เป็นตายยังไม่รู้แน่ ท่านอ๋องทรงไม่สามารถปลีกตัวได้ ข้าต้องการจะไปเห็นท่านพ่อด้วยตาของตัวเอง ข้าถึงจะวางใจ ข้าไม่มีใครไปเป็นเพื่อน หากเจ้ายินดีที่จะไปเป็นเพื่อนข้า เราก็ไปด้วยกัน แต่หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
“ฮึ!เรื่องดี ๆ ไม่เรียกหาข้า พอเป็นเรื่องเช่นนี้ เจ้ากลับเรียกหาข้า” มู่เหมียนไปนั่งลงข้าง ๆ และไม่อยากจะสนใจฉีเฟยอวิ๋น
อวิ๋นหลัวฉวนผลักประตูและเดินเข้ามา:“ข้าจะไป”
อวิ๋นหลัวฉวนสวมชุดสีม่วง เมื่อเข้ามาแล้วก็ปิดประตู นางมองไปที่มู่เหมียนและเดินไปหาฉีเฟยอวิ๋น:“นางไม่ไป แต่ข้าไป”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นนั่ง:“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
“เฮ้อ……ข้าบอกเมื่อไหร่กันว่าจะไม่ไป” มู่เหมียนลุกขึ้นและทำหน้าไม่พอใจ
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวว่า:“ข้าได้เตรียมรถม้าไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าจะไปที่ชายแดนด้วย เช่นนั้นเราออกเดินทางกันคืนนี้”
“คืนนี้ไม่ได้ พวกเราต้องไปกันเดี๋ยวนี้เลย ต้องฉวยโอกาสตอนที่ท่านอ๋องเย่เข้าไปในวัง”
“ก็ดี ข้าจะไปเตรียมของ เจ้าเอาไปเฉพาะของที่จำเป็นและออกเดินทางในทันที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ