ฉีเฟยอวิ๋นแสดงคำขอบคุณเสร็จแล้วก็ออกมากับหนานกงเย่ก่อน พอออกมาแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปหาท่านแม่ทัพฉี อวิ๋นกั๋วกงผู้อาวุโสได้เดินมาตรงหน้าของแม่ทัพฉีก่อนแล้ว และได้พูดคุยกันกับแม่ทัพฉี
เดิมฉีเฟยอวิ๋นอยากจะพูดกับท่านแม่ทัพฉีเรื่องกลับไปที่จวนท่านอ๋องเย่กับเธอ แต่ยังไม่รอให้ได้เอ่ยปากอวิ๋นหลินฉวนก็โผล่มา นางอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องที่ชายแดน
ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นเห็นอวิ๋นหลัวฉวนก็รู้สึกปวดหัวแล้ว และยังต้องอธิบายเรื่องที่ชายแดนกับนางอีก
เธอเลยถือโอกาสลากหนานกงเย่ไปถวายความเคารพแก่พระพันปีซะเลย
มาถึงพระตำหนักเฉาเฟิ่งฉีเฟยอวิ๋นจึงนำจดหมายของมู่เหมียนส่งมอบให้แก่พระพันปี พระพันปีเปิดออกมาตรวจสอบเพื่อความแน่ใจสักครู่ หลังจากมั่นใจแล้วว่าเป็นลายลักษณ์อักษรของมู่เหมียน พอดูเสร็จได้ทิ้งลงในกระถางไฟ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกไม่ดีเลยก้มศีรษะลง
หลุบตาขึ้นได้เห็นพระพันปีกล่าวกับหนานกงเย่ว่า“เจ้ารู้เรื่องนี้หรือ?”
“ลูกจะไปรู้ได้อย่างไร?”หนานกงเย่กล่าวอย่างไม่อะไร สีหน้าไร้การแสดงออก
“เจ้าออกไป ข้าเห็นเจ้าแล้วโมโห ”พระพันปีโบกสะบัดมือ หนานกงเย่ชำเลืองมองฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงเดินออกไปด้านนอก
ฉีเฟยอวิ๋นค่อนข้างร้อนรน มองไปที่จดหมายที่ถูกไฟเผามอดไหม้ เธอรู้สึกจิตใจไม่สงบเอาเสียเลย
พระพันปีรักทะนุถนอมมู่เหมียนขนาดนั้น มู่เหมียนรู้สึกว่าตนเองจะได้รับพระคุณความรัก อยากได้อะไรล้วนได้หมด แต่ตอนนี้ดูแล้วไม่ใช่อย่างนั้น
ใต้ความรักทะนุถนอมนั้น คือเป็นรากฐานแห่งอำนาจขององค์จักรพรรดิสินะ
พระพันปีมองไห่กงกงด้วยความไม่สบอารมณ์จากนั้นกล่าวว่า “ยังไม่รีบไปดูท่านอ๋องเย่อีก ด้านนอกร้อนแผดเผา เจ้าไม่หาอะไรบังให้เขาหน่อยหรือ?”
ไห่กงกงโค้งเอวลง และกล่าวว่า “กระหม่อมจะไปตอนนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่ไห่กงกงจะเดินออกไปได้ชำเลืองมองฉีเฟยอวิ๋นเล็กน้อย จากนั้นก็ถอยออกไป
ไห่กงกงออกไปพระพันปีเลยยื่นมือมาหาฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรีบเข้าประคองพระพันปีลุกขึ้น
“เป็นเยี่ยงนี้แล้วก็เคลื่อนไหวให้น้อยหน่อย เรื่องครั้งนี้ฝ่าบาทมิได้ตำหนิกล่าวโทษ เจ้าคิดว่าไม่มีคนกล้าที่จะกราบทูลรายงานต่อว่าแล้วหรืออย่างไร?ไม่ใช่ว่าเห็นเพราะเจ้าตั้งครรภ์หรอกหรือ? คนด้านล่างล้วนกำลังมองอยู่ รอว่าฝ่าบาทประนามลงโทษเจ้าว่าอย่างไร ฝ่าบาทหลีกเลี่ยงความผิดของเจ้า เอาเรื่องการตรวจคดีภายในจวนของเจ้าถอดถอนออก เห็นบอกว่ารอเจ้าคลอดแล้วค่อยหยิบยกเรื่องนี้มาคุย นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ผู้ใดก็รับประกันไม่ได้”
“เสด็จแม่กล่าวถูกต้องเพคะ หม่อมฉันเสียใจภายหลังนานแล้ว ตอนที่ไปไม่ได้คิดสิ่งใดมากมาย เพียงแค่ติดต่อท่านพ่อไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนท่านอ๋องใช้นกพิราบส่งสารติดต่อท่านพ่อตลอด แต่ทันใดนั้นท่านพ่อได้ขาดการติดต่อ อีกทั้งหม่อมฉันฝันว่าท่านพ่อถูกสังหารตกลงหลังม้าด้วยเพคะ หม่อมฉันเลยขาดสติยั้งคิด”
“ดีที่เจ้ายังมีความคิดนี้ แต่ในเมื่อเข้ามาในราชวงศ์แล้ว ก็ห้ามไม่สามารถมีเรื่องรักๆใคร่ๆระหว่างชายหญิงได้ ท่านแม่ทัพฉีเป็นบุคคลที่ซื่อสัตย์ ตลอดชีวิตอยู่กับการรบ เมืองต้าเหลียงไม่มีวันลืมเขาได้หรอก
แต่เรื่องราวครั้งนี้เจ้าต้องรับผิดชอบ หากข้าไม่เห็นแก่เด็กในท้องที่เป็นเหล่าหลานๆของข้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่!”
“หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จแม่ที่เมตตาเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นรีบกล่าวขอบคุณ
พระพันปีมองไปทางประตู กล่าวขึ้นว่า“มู่เหมียนกลับมาต้องเป็นพระชายารองของอ๋องเย่ เรื่องนี้ข้าพิจารณาไว้มิใช่วันสองวัน
แม้เรื่องราวครั้งนี้ไม่มีเจ้าเป็นส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่สามารถสลัดออกไปได้
แต่.....ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อ๋องเย่ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นเฉินอวิ๋นเจี๋ยไปได้”
“ความหมายของเสด็จแม่คือ?”ฉีเฟยอวิ๋นนึกได้แล้ว
“มู่เหมียนแต่งได้กับคนสามคน”พระพันปีกล่าว
ฉีเฟยอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ลมหายใจแผ่วเบา
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด เกรงว่าจะไม่เหมาะสม
“เสด็จแม่หากยังต้องหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ ทำได้เพียงฟังดูโชคชะตาชีวิตเสียแล้วเพคะ หม่อมฉันตัดสินไม่ได้ หนึ่งคือหม่อมฉันไม่ยินยอมให้ท่านอ๋องมีพระชายารอง สองท่านอ๋องก็ไม่มีทางทำ”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดอย่างชัดเจน ก็คือยอมตายดีกว่ายอมจำนน ตอนนี้เธอท้องโตยิ่งมันมีหลายชีวิต ดูสิว่าพระพันปีจะทำอย่างไรกับเธอ
พระพันปีกล่าวอย่างคนไม่รีบร้อนว่า“ตอนนี้เจ้าส่งสารทางนกพิราบไปหามู่เหมียน บอกสุขภาพไม่ดี ต้องการให้นางกลับมาโดยเร็วที่สุด ข้ามีความตั้งใจแผนการของข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นท้องโตแล้วรู้สึกลำบากใจ อยากจะกล่าวพูดอะไรพระพันปีก็เอามือออกกล่าวว่า“อาไห่.....”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ