องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 501

สรุปบท บทที่ 501 เพิ่งจะอายุได้แค่ร้อยวันก็พลิกตัวได้แล้ว: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

บทที่ 501 เพิ่งจะอายุได้แค่ร้อยวันก็พลิกตัวได้แล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

ตอนนี้ของ องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ โดย จินจิน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 501 เพิ่งจะอายุได้แค่ร้อยวันก็พลิกตัวได้แล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

การเดินทางขอฉีเฟยอวิ๋นเป็นไปอย่างราบรื่น และกองพลก็มาถึงพื้นที่ภัยพิบัติในเวลาเพียงหกวัน

เจ้าห้าดูดีขึ้นแล้ว แต่แปลกที่เขาชอบกินนมแพะ แต่ไม่ชอบนมวัว

ฉีเฟยอวิ๋นจะเอานมวัวระหว่างทางให้กินทุกวัน แต่เจ้าห้าไม่ชอบกิน และมักจะจ้องมองมาที่ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นจึงถามด้วยความโกรธว่าไม่กินนมวัว ไม่กินนมคน แล้วอยากจะกินอะไร?

ข้างนอกมีเสียงแพะร้องขึ้นมาพอดี เจ้าห้ามองออกไปข้างนอก ฉีเฟยอวิ๋นจึงเปลี่ยนนมวัวเป็นนมแพะ แล้วเจ้าห้าก็ยอมกิน

สองวันที่ผ่านมาร่างกายดีขึ้นมาก เมื่อนอนอยู่คนเดียวก็สามารถพลิกคว่ำได้แล้ว หลังจากที่นอนคว่ำแล้วก็จะเงยหน้าขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าร่างกายของเจ้าห้าไม่ดีเท่ากับพี่ชายคนอื่น ๆ และนางก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก จึงทำได้เพียงเอาใจใส่เจ้าห้าเป็นพิเศษ

เมื่อมาถึงสถานที่ที่มีโรคระบาด ฉีเฟยอวิ๋นก็อธิบายถึงวิธีการป้องกันโรคระบาดให้กับทุกคน และสั่งไม่ให้ทุกคนเข้าไปใกล้ นางจะเข้าไปในพื้นที่ภัยพิบัติด้วยตนเอง

มีคนพูดโน้มน้าวฉีเฟยอวิ๋น แต่นางไม่ฟัง

ฉีเฟยอวิ๋นสามารถขจัดพิษได้ด้วยตนเอง ส่วนโรคระบาดและโรคติดเชื้อบางอย่างนั้นไม่ยังรู้

แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปวางใจที่จะให้คนอื่นไป

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็กำลังจะไป เจ้าห้าที่อยู่ในรถม้าร้องออกมา เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นบอกให้ลี่ว์หลิ่วดูแลเจ้าห้า แต่เด็กคนนี้ไม่ร่าเริง และลี่ว์หลิ่วก็ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้

ฉีเฟยอวิ๋นจนปัญญา จึงต้องพาเจ้าห้าไปด้วย สองแม่ลูกพาคนสองสามคนไปยังพื้นที่โรคระบาด

หลังจากที่เข้าไปแล้วก็พบผู้คนจำนวนมากที่มีอาการในระดับที่แตกต่างกันออกไป

ฉีเฟยอวิ๋นส่งเจ้าให้ลี่ว์หลิ่ว และนั่งลงเพื่อตรวดูอาการให้ผู้คน ฉีเฟยอวิ๋นใช้สมาธิในการตรวจสอบและไม่นานก็พบสาเหตุ

“ลี่ว์หลิ่ว เจ้าเอาผงในขวดสีเขียวที่ข้าให้เจ้ามาออกมากิน แล้วให้เจ้าห้ากินด้วยนิดหน่อย”

“เพคะ” ลี่ว์หลิ่วรีบกินในทันที เจ้าห้าไม่ร้องไห้ ให้เขากินเท่าไหร่เขาก็กินเท่านั้น

แต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้กิน นางต้องการทดสอบว่าร่างกายของนางจะสามารถต้านทานได้หรือไม่

“คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน กินยาตามที่ข้าให้พวกเจ้าอย่างเข้มงวด พวกเรายังต้องใกล้ชิดกับคนเหล่านี้บ่อย ๆ”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหมอประจำจวนโจว:“หมอโจว ท่านคิดเห็นอย่างไรกับสถานการณ์โรคระบาดนี้?”

หมอโจวไม่รู้อะไรเลย หากไม่ตายก็เป็นเรื่องดีมากแล้ว หมอโจวกัดฟันและกล่าวว่า:“น่าจะเป็นโรคบิดพ่ะย่ะค่ะ”

“นี่ไม่ใช่โรคบิด แต่เป็นโรคหวัด และเป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งที่อยู่ในโรคหวัด เรียกง่าย ๆ ว่าโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หากได้รับความลมร้อนมาก ๆ อัตราการเสียชีวิตและอัตราการติดเชื้อก็จะสูงขึ้น เดี๋ยวข้าจะจ่ายยา เป็นตำรับยาที่ดับร้อนบำรุงปอด ขับเสมหะแก้ไอ ขับพิษลดการอักเสบ และต้องรักษาร่วมกับการฝังเข็มและรมยา

นี่เป็นวิธีการรักษาแบบดั้งเดิม หากสามารถผ่านพ้นไปได้ก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว และสามารถควบคุมโรคระบาดได้

อีกอย่างพวกเจ้าต้องรีบติดต่อขุนนางในท้องที่และปิดล้อมที่นี่ในทันที ห้ามมีการเข้าออกโดยเด็ดขาด”

หลังจากที่จัดการทุกอย่างแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปหยิบสมุนไพรออกมาจากรถม้า และตั้งหม้อใบใหญ่หลายใบ จากนั้นก็เริ่มต้มยาสมุนไพร และให้ทุกคนที่มาดื่มคนละถ้วย จากนั้นก็ให้อาหารแก่พวกเขา

ไม่นานอวิ๋นจิ่นก็ได้รับข่าว ในตอนกลางคืนฉีเฟยอวิ๋นหลับสนิท มีคนปรากฏตัวข้างนอก

“อวิ๋นจิ่นคารวะนายท่าน แค่ก ๆ……” เสียงของอวิ๋นจิ่นเบามาก ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาขึ้นและลงมาจากรถม้า เมื่อเห็นว่าอวิ๋นจิ่นซูบผอมลงมาก ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาอวิ๋นจิ่น แต่อวิ๋นจิ่นถอยห่างออกไปสองครั้งและเบนหน้าออกไปไอ

“นายท่าน อย่าเข้ามาเจ้าค่ะ ข้าติดโรคระบาด ไม่สามารถเข้าใกล้ได้มากนัก”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจ และดูออกว่าอวิ๋นจิ่นกำลังทดสอบ พวกนางอยู่ห่างห้าเมตร ดังนั้นจึงไม่กลัวที่จะติดเชื้อในระยะนี้

ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจและเดินไปจับมือของอวิ๋นจิ่น จากนั้นก็ตรวจอาการให้อวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นติดโรคระบาดจริง ๆ และอาการของนางก็รุนแรงมาก อาเจียน ท้องร่วง และเริ่มไอเป็นเลือดแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ การติดเชื้อของอวิ๋นจิ่นนั้นรุนแรงมาก นางเป็นไข้และปอดอักเสบ

“ลี่ว์หลิ่ว รีบไปเตรียมหมาหวง กุ้ยจือ เก๋อเกิน ไฉหู……”

เมื่อลงไปจากรถม้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ช่วยประคองหนานกงเย่ขึ้นมา แต่หนานกงเย่ไม่ตอบสนองใด ๆ ฉีเฟยอวิ๋นจับใบหน้าของหนานกงเย่และเรียกเขา:“ท่านอ๋อง”

หนานกงเย่ไม่ตอบสนอง จากนั้นม้าก็ร้องและล้มลง

ฉีเฟยอวิ๋นจึงมองไป ม้าล้มลงไปนอนบนพื้นและหายใจหอบอยู่ตรงนั้น

อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปอย่างกล้าหาญ นางเห็นกีบเท้าม้าและยกขึ้นมาให้ฉีเฟยหยุน:“นายท่าน”

ฉีเฟยอวิ๋นมองดู กีบเท้าทั้งสี่ของม้าเต็มไปด้วยเลือด ดูเหมือนว่ามันจะวิ่งมาอย่างน่าเวทนา

ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ที่อยู่ในอ้อมแขนของนาง:“เหตุใดพระองค์ถึงต้องรีบร้อนเช่นนี้ หม่อมฉันไม่ได้จะหนีไปไหน?”

ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

อวิ๋นจิ่นก็ร้องไห้เช่นกันและกล่าวว่า:“พระองค์คงเป็นกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับนายท่าน เพราะโรคระบาดที่นี่ทำให้มีคนตายเป็นจำนวนมาก”

ฉีเฟยอวิ๋นจะไม่รู้ได้อย่างไร เพียงแต่นางรู้สึกสงสารจนพูดไม่ออก

หนานกงเย่ถูกพยุงขึ้นไปบนรถม้า เจ้าหาหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆ เขากลิ้งไปกลิ้งมา และพลิกตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงเย่ จากนั้นก็หลับตาลง

ฉีเฟยอวิ๋นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพิ่งจะอายุได้แค่ร้อยวันก็พลิกตัวได้แล้วงั้นหรือ?

เมื่อหนานกงเย่ฟื้นขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อยู่แล้ว บุตรชายคนเล็กของเขานอนอยู่ข้าง ๆ สองพ่อลูกมองหน้ากัน หนานกงเย่จูบบุตรชายคนเล็กของเขา

เจ้าห้าขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเฉียบคมจนทำให้หนานกงเย่ต้องหัวเราะเสียงดัง

ฉีเฟยอวิ๋นกำลังทำแผลให้ม้า และม้าก็จะลุกขึ้น

“นอนเถอะ เขาไม่ได้เป็นอะไร แค่หยอกล้อกับบุตรชายเท่านั้น” แม้ว่านางจะบอกว่าม้าไม่เป็นอะไร แต่นางก็รีบลุกขึ้นไปดูหนานกงเย่ นางเปิดม่านบนรถม้าออก และเห็นว่าหนานกงเย่กำลังโยนบุตรชายขึ้นทิ้ง ฉีเฟยอวิ๋นตกใจและตะโกนด้วยความโมโหว่า:“หนานกงเย่ ท่านรนหาที่ตายหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ