ฉีเฟยอวิ๋นจับมือของหนานกงเย่:“ท่านอ๋อง หากท่านพ่อของหม่อมฉัน จวนกั๋วกง ต้ากั๋วจิ้ว เสี่ยวกั๋วจิ้ว องค์หญิงใหญ่ รวมทั้งท่านอ๋องตวนและท่านราชครูจวินตกลงที่จะช่วยหม่อมฉัน เช่นนั้นจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่เพคะ?”
หนานกงเย่รู้สึกขบขัน แล้วยกมือขึ้นลูบหัวของฉีเฟยอวิ๋น:“ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว พวกเขาคงจะไม่ช่วยข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?
“แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว แม้ว่าข้าจะตกเป็นเป้า ข้าก็ไม่สามารถถอยได้แม้แต่ครึ่งก้าว หากต้องการให้ข้าส่งสตรีของต้าเหลียงออกไปแต่งงานก็คงต้องรอให้ข้าตายก่อน!”
ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจเข้า:“หากทั่วทั้งต้าเหลียงเป็นเช่นท่านอ๋อง ใครจะกล้ามารุกราน?”
“ฮึ ข้ามีบุตรชายห้าคน รอให้พวกเขาโตก่อนเถอะ ใครก็ไม่กล้ามารุกราน พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นเหมือนข้า ข้าเพียงแค่ต้องการเวลา แล้วบอกพวกเขาว่าใครก็ไม่สามารถมารุกรานต้าเหลียงของข้าได้”
“เพคะ ท่านอ๋องทรงตรัสได้อย่างถูกต้อง ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะไปที่จวนอ๋องตวน พรุ่งนี้เช้ายามสี่ (ช่วง 01:01 - 03:00 น.) หม่อมฉันจะไปรอท่านอ๋องอยู่ที่หน้าประตูวัง”
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะจากไป แต่ถูกหนานกงเย่รั้งไว้:“อวิ๋นอวิ๋น……”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะลองดูเพคะ ไม่ต้องกังวล” ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้าง ๆ:“หม่อมฉันจะไปหาท่านพ่อ ท่านอ๋องเข้าไปพักผ่อนเถอะเพคะ เก็บแรงไว้ไปถวายฎีกาในวันพรุ่งนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถดึงมือออกได้ นางจึงหันกลับมาจับแก้มของหนานกงเย่และจูบริมฝีปากของหนานกงเย่
หนานกงเย่โอบเอวของฉีเฟยอวิ๋นโดยไม่รู้ตัว และกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา
ฉีเฟยอวิ๋นถอยออกไปและกล่าวว่า:“คิดว่าสักวันหนึ่งหม่อมฉันกับท่านอ๋องจะมีบุตรสาวห้าคน และล้วนแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี หากหม่อมฉันตาย ท่านอ๋อง……พวกเขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้ เป็นพวกเขาที่ไร้ประโยชน์ แต่หม่อมฉันต้องการต่อสู้ สักวันหนึ่งต้าเหลียงจะต้องแข็งแกร่ง เมื่อถึงเวลานั้น หม่อมฉันไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์จารึกว่าท่านอ๋องตกลงที่จะแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และการแต่งงานลุล่วงไปได้ด้วยดีจนกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่บรรดาบุตรชาย
ตรงกันข้ามความมุ่งมั่นของท่านอ๋อง จะทำให้บุตรชายมีความมั่นใจมากขึ้นในวันข้างหน้า”
หนานกงเย่จูบฉีเฟยอวิ๋น:“เพียงแต่คืนนี้หลังจากยามสี่ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ข้าไม่อยากให้อวิ๋นอวิ๋นยุ่งกับเรื่องนี้อีก”
“หากสำเร็จแล้วยุ่งได้ หากไม่สำเร็จก็จะไม่ยุ่งอีก เป็นอย่างไรเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นเอานิ้ววาดเป็นวงกลมบนหน้าอกของหนานกงเย่ จากนั้นก็ใช้สายตายั่วหนานกงเย่ นางจงใจที่จะยั่วหนานกงเย่
“ไปเถอะ” ในตอนนี้ตอนนี้หนานกงเย่รู้สึกสับสน เขาไม่ได้ดูถูกฉีเฟยอวิ๋น เป็นเขาที่ทำไม่สำเร็จและต้องให้ฉีเฟยอวิ๋นออกหน้าแทน จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ล้วนแต่สะท้อนถึงความไร้ความสามารถของเขา ดังนั้นเขาจะไม่ยอมพยักหน้า
แต่เขาเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ผู้หญิงคนนี้ทำไม่ได้
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังเดินไปที่เรือนจวินจื่อ และหนานกงเย่ก็วางมือลง
แม่ทัพฉีเพิ่งจะนอนลง แต่ยังนอนไม่หลับ เพิ่งจะถูกราชครูจวินโยนมาให้ ประกอบกับในช่วงสองวันที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี แม่ทัพฉีจึงจิตใจฟุ้งซ่าน
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า
อวิ๋นจิ่นก็ออกมาเช่นกัน และเดินไปเปิดประตู
“นายท่าน” เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น อวิ๋นจินก็รีบถอนสายบัว
“ท่านพ่อของข้าหลับแล้วหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นมองเข้าไปในห้อง ราชครูจวินมาแล้ว และแม่ทัพฉีก็ถูกปลุกให้ตื่น และแน่นอนว่าเขาคงจะนอนหลับไม่หลับ
แม่ทัพฉีได้ยินเสียงของบุตรสาวและเรียก:“อวิ๋นอวิ๋น?”
“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน” ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปที่ประตูและหยุด
แม่ทัพฉีพาดเสื้อผ้าไว้บนไหล่ เขาเดินมาที่หน้าประตูและถามฉีเฟยอวิ๋น:“มีอะไรหรือ?”
“ท่านพ่อ ท่านอ๋องต้องการจะถวายฎีกาให้กับฝ่าบาท และปฏิเสธเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ข้าจึงมาบอกท่านพ่อ และพรุ่งนี้เช้าให้ท่านพ่อไปช่วยเขา”
หลังจากที่พูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่สนใจว่าแม่ทัพฉีจะเต็มใจหรือไม่ จากนั้นนางก็หันหลังจากไป
แม่ทัพฉียืนเลิกคิ้วอยู่ในห้อง เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็หันกลับมาอีกครั้ง:“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ท่านห้ามไม่ไปนะเจ้าคะ หากท่านไม่ไป ท่านก็จะไม่ได้พบหลาน ๆ อันเป็นที่รักอีก วันหน้าหากพวกเขารู้เรื่องแล้ว ข้าจะบอกเรื่องที่ท่านพ่อไม่ยอมช่วยกับพวกเขา ให้ท่านพ่อไร้ผู้สืบทอดวิทยายุทธ์ และไม่ให้พวกเขาเรียนรู้จากท่านพ่อ”
แม่ทัพฉีหวาดกลัวและรีบกล่าว:“พ่อก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วย และเขาก็ไม่ได้ถามพ่อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ