พระมเหสีหวามองไปที่ดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าและถามว่า "เมื่อคืนมีคนลอบสังหารจริงหรือ?"
"เป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร ฮองเฮาถูกส่งไปห้องขังแล้วเพคะ" แม่นมหลิวกล่าว
พระมเหสีหวาเด็ดดอกไม้ขึ้นมามอง "จะพูดไปผู้หญิงคนนี้ก่อเรื่องขึ้นก็ไม่ช่วยอะไร เพียงแต่ก่อเรื่องขึ้นแล้วก็ยังไม่รู้ว่าใกล้ถึงจุดจบ"
"พระมเหสีหวาหมายความว่าอย่างไรเพคะ?" แม่นมหลิวไม่เข้าใจ
พระมเหสีหวาหันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาว เมื่อนั่งลงแล้วก็บรรจงลูบไล้ผ้าห่มที่อยู่ข้างล่างและกล่าวว่า "นางต้องการลอบสังหารพระพันปี ไม่ใช่ฮองเฮา ไม่ใช่พระสนมเอก ท่านอ๋องเย่ทำไปเพราะต้องการปกป้องแม่ของเขา แต่ต่อให้ไม่ใช่ท่านอ๋องเย่ ก็ต้องมีคนรับสารภาพ
พระพันปีของอาณาจักรต้าเหลียงจะถูกทำร้ายรังแกได้ง่ายๆ ได้อย่างไร?"
แม่นมหลิวกล่าว "พูดเช่นนี้ก็จะเรื่องขึ้นกับฮองเฮาหรือเพคะ?"
พระมเหสีหวาส่ายหน้า "ฮองเฮามีฝ่าบาทที่คอยคุ้มครองอยู่ อีกอย่างในท้องของนางก็มีทายาทของจักรพรรดิอยู่ในนั้น"
"เช่นนั้นก็?"
"ตระกูลเฉินมีคนตั้งมากมาย จะต้องมีคนคอยรับโทษนี้ไปแทน"
พระมเหสีหวาปล่อยมือลงและมองไปที่ดอกไม้ตรงหน้าเหล่านั้น "ฤดูหนาวเช่นนี้มีดอกไม้เบ่งบานไม่ง่ายนัก คาดว่าตำหนักอื่นก็คงไม่เป็นเช่นนี้ เจ้าสั่งให้คนนำไปมอบให้ตำหนักละหนึ่งกระถาง และนำไปมอบให้พระพันปีด้วยนะ"
"เพคะ"
แม่นมหลิวจากไป พระมเหสีหวาจึงพักผ่อน
ราชครูจวินเดินเข้าไปที่จวนเสนาบดี และถูกเชิญให้ไปนั่งที่ห้องโถงด้านหน้า
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์กำลังอาละวาดอยู่ที่เรือนหลัง นี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เฉินอวิ๋นเอ๋อร์อาละวาด นับตั้งแต่ที่ถูกอู๋กั่วแย่งชิงการแต่งงานไป เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็เอาแต่อาละวาดอยู่ในเรือน
นางเกลียดฉีเฟยอวิ๋น และอยากให้ฉีเฟยอวิ๋นตายไปเร็วๆ
วันนี้เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ยังคงอาละวาด เดิมทีฮูหยินเสนาบดีก็เป็นคนใจเย็น แต่วันนั้นลูกสาวทำอับอายขายหน้าที่จวนกั๋วกง ทำให้นางก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เดิมทีเป็นเรื่องที่ตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว ถึงขนาดจักรพรรดิก็พอใจในการหมั้นหมาย หากไม่ใช่เป็นเพราะฉีเฟยอวิ๋นไปที่จวนกั๋วกง และนำคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าไปด้วยหนึ่งคน จวนเสนาบดีของพวกนางจะตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายเช่นนี้หรือ พวกนางสองแม่ลูกจะต้องอับอายเช่นนี้หรือ?
ทุกครั้งที่ฮูหยินเสนาบดีนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็มักจะโกรธแค้นฉีเฟยอวิ๋น
อีกทั้งสถานะของลูกสาวในวังตอนนี้ก็อดห่วงไม่ได้ มู่เหมียนถูกแต่งตั้งให้เป็นพระชายา ฮองเฮาวันๆ เอาแต่สวดมนต์ภาวนา สิ่งเหล่านี้ทำให้จักรพรรดิเมินเฉยต่อการแสดงออกของลูกสาวนาง
ไม่เช่นนั้น จวนเสนาบดีก็คงไม่ถูกกีดกันจากคนในราชสำนักหรอก
ในตอนนี้ นักธุรกิจนักค้าขายต่างๆ ก็ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนเลย นั่นก็เป็นเพราะลูกสาว
แต่จะพูดไปแล้ว หากลูกสาวเป็นฮองเฮา การแต่งงานที่ดีที่ฮูหยินเสนาบดีคิดไว้ก็ถูกฉีเฟยอวิ๋นทำลายลง และสถานะของเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ในตอนนี้ก็ไม่ดีนัก นางก็อายุมากแล้ว ในเมืองต้าเหลียงผู้หญิงที่อายุสิบห้าปีก็ถือว่าเป็นหญิงวัยกลางคนแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะสิบหกปีแล้ว หากยังไม่แต่งงานอีกละก็ เกรงว่าจะหาคู่ที่เหมาะสมได้ยากลำบากแล้ว
ในเมืองหลวงนี้ ฮูหยินเสนาบดีมองไม่เห็นใครที่เหมาะสมเลย อวิ๋นเซวียนอี้ที่จวนกั๋วกงนั้นนับเป็นคนที่เพียบพร้อมเหมาะสมกับที่สุดในสายตาของฮูหยินเสนาบดี ไม่ว่าจะฐานะและตำแหน่ง
แต่เพราะความพอใจนี้ กลับถูกคนอื่นคาบเอาไปกินเสียแล้ว
เช่นนี้จะทำให้ฮูหยินเสนาบดีไม่โกรธแค้นได้อย่างไร!
และนี่เองที่ทำให้เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เอาแต่ร้องไห้โวยวาย และรับไม่ได้
หนทางเดียวของนางก็คือการเข้าวังหลวง นางถอยไปแล้วก้าวหนึ่ง แต่ก็ยังถูกฉีเฟยอวิ๋นทำลายลง นางทั้งร้องไห้ทั้งอาละวาด และก็คาดหวังว่าแม่ของนางจะเข้าวังไปบอกพี่สาวเรื่องที่นางอยากเข้าวังหลวง
ฮูหยินเสนาบดีเห็นนางร้องไห้แล้วรู้สึกลำบากใจและกล่าวด้วยความโกรธเคือง "ก็ได้ หยุดร้องได้แล้ว เจ้าร้องจะร้องไห้จนห้องพังทลายลงมาเลยหรืออย่างไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ