อ๋องตวนได้รับการช่วยชีวิตแล้ว ร่างกายไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ภายในห้องล้วนมีแต่คราบเลือด
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้กับพระมเหสีหวามาเยี่ยมดูอาการที่ในจวน พอเห็นก็ร้องร่ำไห้พรั่งพรูออกมา
อ๋องตวนลุกขึ้น อยากจะถวายบังคมองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ แต่ทว่าไม่สามารถลุกขึ้นได้
หมอประจำจวนโจวเจอองค์จักรพรรดิอวี้ตี้จึงรีบทำความเคารพ กราบทูลสถานการณ์ ทุกอย่างโชคดีที่มีหมอเทวดา ความสามารถอันล้ำเลิศสามารถช่วยอ๋องตวนไว้ได้ หากไม่ใช่อย่างนี้ เวลานี้ไม่รู้ว่าอ๋องตวนจะเป็นอย่างไรเสียแล้ว
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตบรางวัลมอบแก่หมอเทวดา ได้ยินว่าที่แห่งนี้มีคนชื่อเฟิงอู๋ชิงที่เก่งกาจ องค์จักรพรรดิอวี้ตี้อยากจะพบเจอ แต่ทว่ากลับหาคนไม่เจอ
ที่จริงเฟิงอู๋ชิงอยู่ด้านในห้องไม่ยอมออกมาพบเจอ คนของจวนอ๋องเย่เลยจำใจต้องกล่าวว่าหาคนไม่เจอ
พระมเหสีหวาอยู่กับอ๋องตวนสักครู่หนึ่ง จากนั้นองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ต้องการกลับไป นางเลยจำใจต้องกลับไปด้วย นางสั่งกำชับว่าต้องดูแลตนเองดีๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไป
อ๋องตวนพักผ่อนดูแลสุขภาพอยู่ช่วงหนึ่ง ก็ลุกขึ้นทั้งอาการบาดเจ็บ
อ๋องตวนสามารถเข้าเฝ้าได้ เลยถวายกราบบังคมทูล ให้ตรวจสอบเครือญาติเหล่าจงชินอย่างเคร่งครัด สงสัยว่าคนที่ก่อกบฏอยู่ในกลุ่มจงชินนั่นแหละ
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้รับคำกราบบังคมทูลของอ๋องตวน อ๋องตวนลุกไม่ขึ้นเลยให้คนยกหามออกไป คนในเมืองหลวงต่างกล่าวกันว่าอ๋องตวนกลายเป็นอ๋องที่ไร้ความสามารถ ขาทั้งสองข้างพิการแล้ว
ตอนที่อ๋องตวนเตรียมตัวจะไปจวนจงชิน ก็ได้ถูกราชครูจวินปรามห้ามไว้
อ๋องตวนอยากจะไต่สวนจงชินด้วยตนเอง กลับถูกคนของจวนกั๋วกงเชื้อเชิญไป
หลังจากนั้นครึ่งเดือนระยะเวลาอันสั้น จวนของจงชินอ๋องได้ถูกราชครูจวินลงโทษกลายเป็นช่วงขาลง ตายเป็นตาย บ้าก็มี กล่าวถึงจวนจงชิน ไม่มีใครไม่นึกถึงราชครูจวินที่เด็ดขาดเลย
ในที่สุดเมืองหลวงก็สงบลงหลังจากที่หนานกงเย่ออกไปได้ครึ่งเดือน
หนานกงเย่ได้รับข่าวสารจากนกพิราบแล้วนั้น เขาก็ถึงชายแดนแล้วเช่นกัน
ฉีเฟยิวิ๋นชำเลืองมองจดหมาย จากนั้นกล่าวว่า“ราชครูจวินต้องการปกป้องชื่อเสียงของอ๋องตวนหรือเพคะ?”
หนานกงเย่เอาจดหมายไปเผาทิ้ง
“ท่านพี่รองเป็นกษัตริย์ที่มีความสามารถ หากว่าเขาไม่เป็นเพราะพระชายาตวน เขาไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเป็นคนดุร้ายเยี่ยงนี้หรอก หากผ่านช่วงนี้ไปได้ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เขาล้วนเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนใฝ่คุณธรรม”
หนานกงเย่ยิ้มอย่างเรียบเฉย ฉีเฟยอวิ๋นทอดถอนหายใจ กล่าวว่า“พวกเขาเป็นนักปราชญ์ และเสนาบดีที่มีคุณธรรม แล้วท่านอ๋องล่ะเพคะ?”
หนานกงเย่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจอะไรกล่าวว่า“ข้าคือคนที่มีความผิด”
“.....”
หนานกงเย่ทำฉีเฟยอวิ๋นโมโหมาก
“แล้วแต่ท่านอ๋องเลยเพคะ”
ฉีเฟยอวิ่นมองไปทางประตูเมือง แม่ทัพฉีและท่านอ๋องหย่งจวิ้นได้ออกมาต้อนรับ ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่เดินเข้าไปหา
ไม่รอให้แม่ทัพหวาและท่านอ๋องหย่งจวิ้นกล่าวอะไร หนานกงเย่ก็กล่าวพูดขึ้นก่อนแล้วว่า“ข้ามาช้าเสียแล้ว ขอให้ท่านแม่ทัพทั้งสองท่านอภัยด้วย”
ด้านหลังแม่ทัพหวาและท่านอ๋องหย่งจวิ้นคืออวิ๋นเซียนอี้กับอู๋กั่วสองสามีภรรยา ด้านหลังไปอีกคือบุตรชายทั้งสองของจวินเจิ้งตง ที่เวลานี้เป็นรองแม่ทัพ
“ท่านอ๋องเย่สามารถเดินทางมาได้ ทั้งสามเหล่าทัพฮึกเหิมเป็นอย่างมาก ท่านอ๋องเย่มิต้องโทษตนเองพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหวารีบกล่าวขึ้นทันที
เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้พบว่า ด้านหลังของแม่ทัพหวายังมีหญิงผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดเรียบๆ หญิงสาวสวมใส่ชุดเกราะป้องกัน ใบหน้าสวยสดงดงาม ผมมวยขึ้นสูง ผูกด้วยหางม้า ในมือถือหมวกสีเงิน โดยพื้นฐานภาพรวมแล้วเป็นแม่ทัพหญิงที่สง่างามมาก
เวลานี้นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย กำลังมองที่พื้นอยู่ และท่าทางของนางที่สวยงามพริ้งพราย ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นสะเทือนอารมณ์เล็กน้อย ได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าแม่ทัพหวานำบุตรสาวคนเล็กมาด้วย เพื่อที่จะปกป้องสถานการณ์ทางชายแดน อายุยังน้อยนับว่าได้เป็นเสี้ยนจู่แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นนึกได้ น่าจะเป็นคนนี้แหละ
นางชื่อ.......
คิดไม่ถึงเลยว่าในหัวสมองของฉีเฟยอวิ๋นจะมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมปะทุผุดขึ้นมา หญิงอายุน้อยผู้หนึ่ง สวมใส่ชุดเกราะสีเงิน ในมือถือหอกชี้ที่เธอ อยากจะทำอย่างไรกับเธอย่อมได้
เธอตกใจจนถอยไปด้านหลังสองก้าว แทบอยากจะวิ่งหลบหนีออกไปเสีย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ