องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 626

เมื่อตระหนักว่าไม่ปกติฉีเฟยอวิ๋นก็ปล่อยหนานกงเย่ทันทีและกล่าวว่า: "ท่านอ๋องเป็นกระหม่อมผู้ต่ำต้อยที่เสียมารยาทแล้วพะย่ะค่ะ เมื่อครู่กระหม่อมผู้ต่ำต้อยฝันว่าอาจารย์ที่สั่งสอนเสียชีวิตแล้วจึงเศร้าใจยิ่งนักถึงได้ไม่แยกแยะท่านกับผู้น้อยและกอดท่านอ๋องร้องไห้ซะยกใหญ่

ทั้งยังขอให้ท่านอ๋องอย่าได้บอกกับพระชายา เพื่อหลีกเลี่ยงพระชายาตำหนิกระหม่อม"

ทุกคนต่างสูดอากาศอันเย็นเข้า มือที่สามผู้นี้ช่างทำได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ ช่างเปิดเผยได้อย่างตรงไปตรงมาที่จะให้โกหกลับหลังภรรยาเอก

อ๋องเย่ชื่นชอบเพศเดียวกันนั้นไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะต้องการโปรดปรานอนุและทำร้ายภรรยาอีกด้วย?

ขณะที่ทุกคนจ้องมองอยู่นั้นหนานกงเย่ก็เข้ามาใกล้หนึ่งก้าว: "หักห้ามใจด้วย!"

ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าเนื่องจากโศกเศร้าและไม่ได้มองผู้คนอื่นๆ นางพยายามที่จะจัดการกับความรู้สึกนึกคิดแต่จะจัดการเช่นไรก็ไม่สามารถปล่อยวางเรื่องที่งอาจารย์เสียชีวิตได้

หนานกงเย่ยังต้องรีบเดินทางและพวกเขาได้เข้าเมืองแล้ว

ครั้งนี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ใช้เวลานอนมากเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น แต่หนึ่งวันสำหรับหนานกงเย่แล้วช่างทนทุกข์ทรมานยิ่งนัก

กองทัพของเขาบุกเข้าไปในเมืองและจับกุมแม่ทัพซานเต๋อเอาไว้ซึ่งเดิมทีเป็นเรื่องอันน่ายินดี

แต่หนานกงเย่รอฉีเฟยอวิ๋นเป็นเวลาหนึ่งวันก็รอให้ฉีเฟยอวิ๋นมากลับมาไม่ได้ หลังจากได้รับข่าวแล้วถึงได้รู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นยุ่งอยู่กับการนอนทั้งวัน

เดิมทีไม่ได้กังวลมากนักแต่หนานกงเย่รู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง ดังนั้นจึงใช้ประโยชน์จากขณะที่ทุกคนกลับมายังค่ายตามกลับมาด้วย

หาฉีเฟยอวิ๋นพบแล้วหนานกงเย่ก็รู้สึกผิดปกติ กองทัพกำลังจะเข้าเมืองไม่สามารถให้ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ได้จึงทำได้เพียงพาไปด้วย

การปรากฏตัวของฉีเฟยอวิ๋นในครานี้ทำให้หนานกงเย่รู้สึกร้อนใจ

ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดจึงได้กล่าวตามใจปากไปประโยคหนึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจเข้าและเช็ดน้ำตาอยู่สองครั้ง ไม่ต้องการร้องไห้แต่ก็อดไม่ได้

อู๋กั่วไม่สามารถทนดูได้จึงลงจากม้าไปดูฉีเฟยอวิ๋น: "ด้านหน้าก็มีม้าอยู่แล้วพวกเราขึ้นม้ากันเถอะ เจ้าก็อย่าได้ร้องไห้อีกเลย"

ฉีเฟยอวิ๋นดึงแขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าจากนั้นหันกลับไปมอง: "หีบยาของข้าน้อยหล่ะ?"

หนานกงเย่นำเอาหีบยาไป ฉีเฟยอวิ๋นวิ่งเข้าไปกอดมันเอาไว้อย่างไร้เดียงสาและกล่าวตามหลังว่า: "ข้าน้อยสบายดี ท่านอ๋องอย่าได้ทรงขัน"

ข้าไม่ได้ขบขัน อาจารย์ของเจ้าก็ตายไปแล้ว ข้าจะเป็นผู้ที่ไม่มีความเป็นคนเช่นนั้นที่จะยังมีเวลาขบขันอยู่หรือ? เมื่อครู่หนานกงเย่ยังรู้สึกยินดีอยู่ในใจแต่ในเวลานี้กลับหมองเศร้ายิ่งนัก

อู๋กั่วพยักหน้าแล้วเดินตามฉีเฟยอวิ๋นไปด้านหน้า

จากนั้นหนานกงเย่ก็เดินตามไป ผู้คนกลุ่มหนึ่งเดินไปทางเมืองที่พวกเขาเพิ่งโจมตีเอาไว้ได้

อวิ๋นเซวียนอี้อารมณ์เสียเล็กน้อย นั่นคือภรรยาเขา

หมอทหารน้อยผู้นี้ทำเกินไปแล้ว

อวิ๋นเซวียนอี้เดินเข้าไปตามอู๋กั่วจากนั้นยื่นมือออกไปจับมือของอู๋กั่วเอาไว้: "เดินช้าลงหน่อยไม่ต้องรีบร้อน เจ้าน้องชายมีหน้าที่ดูแลหนานกงเย่โดยเฉพาะ เจ้าอย่าได้ตามติดเจ้าน้องชายอยู่ตลอดเวลา"

อู๋กั่วไม่เข้าใจจึงได้โต้กลับทันทีว่า: “ตอนนี้เจ้าน้องชายเสียใจเนื่องจากสูญเสียอาจารย์ ข้าปลอบเขาท่านพี่มิต้องตามข้ามา”

อู๋กั่วออกจากอวิ๋นเซวียนอี้แล้วก้าวเดินไป ฉีเฟยอวิ๋นได้หยุดร้องไห้แล้วและเดินเร็วนัก นางกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ลงและไม่ให้อารมณ์ส่งผลต่อตัวนางเองเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงให้เกิดความล่าช้า

อู๋กั่วมองไปยังคนผู้ที่ไม่ได้อยู่ใกล้จึงได้ยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของฉีเฟยอวิ๋นทีหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นมองดูอู๋กั่วจากนั้นอู๋กั่วแนบชิดเข้าไปและกระซิบที่หูของฉีเฟยอวิ๋นว่า: "เจ้าอย่าได้ร้องไห้เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นไม่ต้องคิดจริงจัง ข้ามักจะฝันว่าเจ้าหอตายแล้วก็มีเวลาทึ่ร้องไห้ตื่นขึ้นมา แต่ทุกครั้งที่ข้าตื่นขึ้นก็พบว่าเขานั้นอยู่ดี ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลยสักนิด

ความฝันล้วนเป็นสิ่งปลอม บางครั้งฝันร้ายแต่ความจริงนั้นก็ยังดี"

การกระทำของอู๋กั่วทำให้อวิ๋นเซวียนอี้ไม่พอใจโดยแท้จริงจึงได้กัดริมฝีปากจากนั้นอวิ๋นเซวียนอี้สะดุดล้มลงบนพื้น: "อืม!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ