พระมเหสีหวาไม่รอให้ฉีเฟยอวิ๋นคุกเข่าลง พระองค์ทรงจับจ้องอยู่ก่อนแล้วและแม่นมหลิวก็รีบเข้ามาประคองฉีเฟยอวิ๋น
“เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่า เรื่องนี้ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้ ข้ารู้ว่าข้าติดหนี้เจ้า
ทว่าข้าช่วยเจ้าไม่ได้ นั่นไม่ใช่ว่าข้าไร้น้ำใจ แต่นี่เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องช่วย นานเข้ามันก็จะผ่านไปเอง
เวลานี้มู่เหมียนออกไปไม่ได้ นั่นก็ต้องทนลำบากสักหน่อย!”
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า “เช่นนั้นเวลานี้ที่ตำหนักเย็นไม่มีใครเลยนอกจากมู่เหมียนเพียงคนเดียว นางดื้อรั้นและปล่อยวางไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้นเพคะ”
“พระราชนัดดาของพระพันปีน่ะหรือจะอยู่ในตำหนักเย็น”
พระมเหสีหวาทรงลุกขึ้นและเดินไปตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น “นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ชื่นชมใครมากขนาดนี้ เจ้าไม่ฉลาดและไม่ได้น่ารักเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้ามีดีที่นิสัย
บนโลกนี้มีศัตรูอยู่มากมาย แต่มีสหายเพียงหยิบมือ
ข้าชื่นชมมากที่เจ้าพยายามจะปกป้องมู่เหมียน!
แต่เจ้าเองก็นับว่าเป็นคนเขลา
พระพันปียังไม่ทรงไต่ถามอะไร แต่เจ้าทำ มันมีประโยชน์อะไรหรือ”
“.....” ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไร พระมเหสีหวารู้สึกขบขัน “กลับไปหลับไปนอนเสียเถิด ข้าให้สัญญากับเจ้าว่ามู่เหมียนจะไม่ตาย และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ข้าจะบอกอะไรเจ้าอย่างหนึ่ง... หากไม่อดกลั้นกับเรื่องเล็กน้อยอาจทำให้เสียงานใหญ่ได้ หากทนได้จึงจะมีโอกาสหัวเราะในภายหลัง!"
ฉีเฟยอวิ๋นมองพระมเหสีหวาทว่าไม่ได้พูดอะไร
พระมเหสีหวาทอดพระเนตรหนานกงเย่ “อ๋องเย่ นี่ก็ค่ำแล้ว เจ้ากลับไปเถิด”
“พระมเหสีทรงพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิรบกวน”
หนานกงเย่เดินไปยืนเคียงข้างฉีเฟยอวิ๋น เขาโน้มตัวลงไปอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาและออกไปจากพระตำหนักหวาหยาง
หวาชิงหันหลังและเดินตามไป
พระมเหสีหวาทอดถอนพระทัย “โชคดีที่แม่นางผู้นี้ไม่คิดจะเข้าวัง มิเช่นนั้น ข้าคงจะเป็นกังวลเอามาก!”
ฉีเฟยอวิ๋นที่ถูกพาออกจากวังเริ่มงงงันเมื่อขึ้นมานั่งบนรถม้า หนานกงเย่กระชับนางไว้ในอ้อมกอดและปิดตาให้นาง
หวาชิงมองทั้งสองคน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นฉีเฟยอวิ๋นตอนที่ปิดตาแบบนี้มาก่อน
ฉีเฟยอวิ๋นนอนไม่หลับและตะแคงตัวไปด้านข้าง
เมื่อมาถึงจวนกั๋วจิ้ว หนานกงเย่จึงพาฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เข้าไปข้างในและยืนรออยู่ที่นอกจวนกั๋วจิ้ว
“ท่านอ๋องไปเถิด ข้าจะรอ”
เมื่อหนานกงเย่เหลือบมองอาอวี่ อาอวี่จึงเดินไปอยู่ข้างๆ ฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่ถอดชุดคลุมตัวนอกพาดไว้บนไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในจวนกั๋วจิ้ว
หวาชิงยืนอยู่ข้างๆ และไม่ได้เข้าไปเช่นกัน ฉีเฟยอวิ๋นหลุบตาลงจนมองไม่เห็นดวงตาของนาง แต่นางรู้สึกได้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่หวาชิงให้ความสนใจผู้หญิง และนางก็รู้สึกแปลกใจมาก
ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่ครู่หนึ่งก็สูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือก ราวกับว่านางเจ็บหน้าอกและพ่นลมหายใจขุ่นๆ ออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปสั่งอาอวี่ “อาอวี่ ข้าจะกลับ เจ้ารอท่านอ๋องอยู่ที่นี่ละ”
“พระชายา...”
“เจ้าอยู่ที่นี่เถิด ข้าจะไปกับนางเอง” หวาชิงตามไปด้วย อาอวี่จำเป็นต้องรอหนานกงเย่และเขาเชื่อว่าหวาชิงจะไม่ทำร้ายฉีเฟยอวิ๋น เพราะถึงอย่างไรนางก็ดูไม่ใช่คนชั่วร้าย
ระหว่างทางที่เดินไปฉีเฟยอวิ๋นก็เริ่มเหนื่อย!
นางนั่งลงที่หน้าประตูโดยไม่ได้เข้าไปเมื่อเดินมาถึงประตูจวนอ๋องเย่
นางเหมือนหุ่นไม้ที่นั่งลงตรงนั้นอย่างใจลอย
กลางดึกเช่นนี้ไม่มีใครอยู่ที่นอกจวนอ๋องเย่ ดังนั้นนางจึงนั่งเช่นนั้นและไม่ขยับเขยื้อนอยู่นานราวหนึ่งชั่วยาม
หลังจากคิดได้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงลุกขึ้นและกลับเข้าไป
หวาชิงตามฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปที่เรือนในสวนดอกกล้วยไม้ที่นางอาศัยอยู่เพียงคนเดียว
หวาชิงไม่ได้ตามไปและยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก
จนเมื่อหนานกงเย่กลับมาหวาชิงจึงกลับไป
ตอนที่หนานกงเย่เข้าไปฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้อยู่ในห้อง เมื่อเข้าไปดูในสระกำมะถันจึงเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นกำลังแช่อยู่ในสระกำมะถันอย่างใจลอยและไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก
หนานกงเย่ปิดประตูและเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของตน หลังจากถอดชุดชั้นสุดท้ายออกหนานกงเย่ก็ลงไปในบ่อด้วยกางเกงบางๆ
เมื่อเข้าไปใกล้ฉีเฟยอวิ๋น เขาก็ดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
ฉีเฟยอวิ๋นหลับตาลง “เป็นข้าเองที่ไร้เดียงสาเกินไป!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ