องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 684

สรุปบท บทที่ 682 คน ๆ เดียวกัน: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

สรุปตอน บทที่ 682 คน ๆ เดียวกัน – จากเรื่อง องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ โดย จินจิน

ตอน บทที่ 682 คน ๆ เดียวกัน ของนิยายInternetเรื่องดัง องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ โดยนักเขียน จินจิน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากกล่าวมากความ บุตรสาวคนนี้ของเขาไม่มีทางยอมฟังใครโดยง่าย

การแสดงออกคือคำตอบ ใครเล่าจะรู้ว่าในใจนางคิดอะไร?

ท่านแม่ทัพฉีกล่าวว่า : “เจ้าไม่เชื่อก็ดี เชื่อก็ดี แต่ฝ่าบาทสำหรับพ่อแล้ว เขาคือฝ่าบาทที่ดีที่สุด”

“ข้าก็ไม่ได้พูดว่าไม่ดีเสียหน่อย” ฉีเฟยอวิ๋นยังคงตอบแบบขอไปที

ท่านแม่ทัพฉีตอบ อื้อ คำเดียว ราวกับยอมรับ

จากนั้นท่านแม่ทัพฉีก็กล่าวว่า : “หากเจ้าอยากเข้าใจปากท้องประชาชนของเมืองต้าเหลียง เจ้าไปถามท่านอ๋องตวน เขาเข้าใจดียิ่งกว่าใคร”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความแปลกใจ : “เพราะเหตุใด? เขาเป็นท่านอ๋อง ทำไมถึงได้เข้าใจปากท้องของประชาชนมากเพียงนี้? แล้วทำไมท่านอ๋องเย่ถึงไม่เข้าใจละ?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ เมื่อวานก็เคยถาม เขาดูเหมือนจะไม่เข้าใจปากท้องของประชาชนเสียด้วยซ้ำ

ท่านแม่ทัพฉีกล่าวอย่างลังเล : “ลูกเขยนั้นไม่เหมือนกัน แค่เข้าใจการต่อสู้ทำสงครามก็มากพอแล้ว เจ้าเคยได้ยินว่าท่านอ๋องตวนออกรบหรือไม่ละ?”

“....ท่านพ่อ.....”

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจในทันที คนหนึ่งก็เป็นคนถูกเลือกให้เป็นจวิ้นอ๋อง อีกคนก็จับดาบในมืออย่างชำนาญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ที่นั่นย่อมเป็นที่ฝึกประสบการณ์

หนานกงเย่ในสายตาของประชาชนเหมือนคนที่ผ่านการฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน ส่วนท่านอ๋องตวนคือคนที่เปิดคลังเก็บเสบียงอาหารบริจาคแก่ชาวบ้าน เมื่อเปรียบเทียบกันชัดเจนก็เข้าใจมากขึ้น

“ข้าเข้าใจแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเดินออกจากห้อง เตรียมจะเดินออกจากเรือน

เมื่อมาถึงหน้าประตูก็ถูกหวาชิงเรียกไว้เสียก่อน ฉีเฟยอวิ๋นในชุดคลุมยาวแขนกว้างสีม่วงอ่อน ได้หมุนตัวไปมองหวาชิง

วันนี้หวาชิงแต่งกายเป็นบุรุษ เกล้าผมสูงเป็นหางม้า มีห่วงรัดอยู่ด้านบน แทรกด้วยปิ่นกลัดผมสีทองหนึ่งชิ้น

ชุดแม่ทัพสีน้ำเงินสดใสทั้งตัว สวมเสื้อคลุมไม่มีแขนไว้บนไหล่

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นหวาชิงเหมือนวีรบุรุษ แต่ถึงกระนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้ากลับยังโกหกได้

หวาชิงเดินมาตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น : “เจ้าจะออกไปข้างนอกหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นพบว่า หวาชิงไม่ได้เกรงใจนางแล้ว คำเรียกก็เปลี่ยนไป

ลางสังหรณ์ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็พลันปรากฏขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “แม่ทัพน้อยมีเรื่องอันใดหรือ?”

“หลายวันนี้เจ้าออกไปทำธุระข้างนอกหรือ?” หวาชิงไม่ตอบแต่ถามกลับ ฉีเฟยอวิ๋นจึงแย้มยิ้ม

“ไม่มีอะไร”

“ความเคยชินของเจ้าไม่ดีนัก ฉีเสี่ยวฮวนก็เป็นเช่นนี้ ไม่พูดแต่กลับวิ่งหนี แต่เจ้าแตกต่างจากฉีเสี่ยวฮวน ฉีเสี่ยวฮวนหนีไปโดยที่ข้าไม่ต้องตาม เจ้าหนีไปและให้ท่านอ๋องเย่ไปตามกลับมา”

หวาชิงเดินเข้ามาใกล้ แววตาที่สะท้อนออกมาช่างน่ากลัวยิ่งนัก

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม : “คนที่ชอบหาเรื่องมักเป็นเช่นนี้ เอะอะก็วิ่งหนี ข้าก็ยังดูหมิ่นตนเองเลย”

หวาชิงกระตุกมุมปากจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม : “ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าเป็นเช่นนี้ก็ดีนะ แต่ในเมื่อเจ้าคิดหนี ก็ควรจะทำแบบเดียวกับฉีเสี่ยวฮวน หนีไปแล้วอย่าย้อนกลับ หลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น”

“แม่ทัพน้อย เจ้าไร้มารยาทกับพระชายาเช่นนี้ได้อย่างไร?” อาอวี่ไม่พอใจ จึงได้เอ่ยเตือน

สีหน้าของหวาชิงเคร่งขรึมลง พลางมองไปทางอาอวี่ : “นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องพูดมาก วันนี้ข้าจะไปเป็นเพื่อนพระชายาเอง เจ้าถอยไปเถอะ”

“ไม่ต้อง คุ้มกันพระชายาเป็นเรื่องภายในของข้า ไม่ต้องรบกวนแม่ทัพน้อยหรอก” อาอวี่ไม่ยอม

ฉีเฟยอวิ๋นปวดหัวกับการทะเลาะ จึงเงยหน้ามองท้องฟ้า ขืนถ่วงรั้งกันไปเช่นนี้คงทำให้เสียเวลาเป็นแน่

“ช่างเถอะ อาอวี่ เจ้าอยู่ในจวน ท่านอ๋องกลับมาก็รายงานท่านอ๋องด้วย ว่าข้ากับแม่ทัพน้อยออกไปจวนอ๋องตวน”

ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวเดินนำไปก่อน อาอวี่ไม่กล้าชักช้าจึงรีบตรงไปหาหนานกงเย่ทันที

เวลานี้หนานกงเย่ยังไม่ออกมาจากในวัง กำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องของซูมู่หรงองค์ชายสามแห่งปีกใต้

จักรพรรดิอวี้ตี้เอามือไขว้หลัง เดินไปเดินมาอยู่บนบัลลังก์

“อะไร?” ฉีเฟยอวิ๋นยังคงไม่เข้าใจ

หวาชิงอธิบายว่า : “ชนะสงครามมาก็ต้องดีใจสิ ฝ่าบาททรงพระราชทานอภัยโทษ บางคนจึงออกมาจากคุกได้ ทุกครอบครัวได้มารวมตัวกัน ไม่น่าดีใจหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของการอภัยโทษในครานี้ จึงไม่กล่าวสิ่งใด

ทั้งสองคนเดินออกจากอีกด้านไปยังจวนอ๋องตวน หวาชิงจึงได้กล่าวถามขึ้น : “ฉีเสี่ยวฮวนสบายดีหรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นอึดอัดใจอย่างมาก ไม่ละความพยายามเลยจริง ๆ

“ฉีเสี่ยวฮวนสบายดีหรือไม่นั้นข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าไม่รู้จักเขา และไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใดด้วย” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ยอมรับหัวชนฝา

หวาชิงยังคงกล่าวว่า :” ข้าคิดไว้แล้ว ที่เขาไม่อยากแต่งกับข้าต้องมีเหตุผลเป็นแน่ หากเขาบอกข้า ข้าจะไม่ขวางเขาอีกเลย เรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้ว ข้าทูลต่อฝ่าบาทแล้ว ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับเขา”

“แม่ทัพน้อยพูดถูก”

ฉีเฟยอวิ๋นกลับกล่าวว่า : “ข้าก็อยากช่วยนะ แต่ข้าไม่รู้จะช่วยอย่างไร ข้าไม่รู้ว่าฉีเสี่ยวฮวนอยู่ที่ใดจริง ๆ ไม่สู้เอาแบบนี้ แม่ทัพน้อยวาดภาพของฉีเสี่ยวฮวนขึ้นมาหนึ่งภาพ จากนั้นก็ไปติดประกาศตามหาเขา หาเจอก็ดีไป หากไม่เจอแม่ทัพน้องก็อย่าได้เป็นกังวลเกินไป

ชายที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ก็ต้องแล้วแต่โชคชะตา มีโชคชะตาร่วมกันก็คงสมหวัง”

“โชคชะตาคำ ๆ นี้พูดยากนะ พระชายาเย่และท่านอ๋องเย่มีโชคชะตาร่วมกันหรือ?”

“แม่ทัพน้อยหมายความว่าอย่างไร?” ได้ยินหวาชิงกล่าวอย่างเย็นชา ฉีเฟยองวิ๋นจึงยิ่งไม่เข้าใจ

หวาชิงแย้มยิ้ม : “เมืองหลวงเกรงว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ในตอนที่พระชายาเย่ต้องอภิเษกสมรสกับท่านอ๋องเย่ยังคัดค้านหัวชนฝาเพียงใด ส่วนท่านอ๋องเย่ในครานั้นก็ถูกอำนาจของท่านแม่ทัพฉีบีบบังคับจนต้องตกลงแต่ง คนที่อยู่ในดวงใจของท่านอ๋องเย่ในตอนนั้นใครบ้างเล่าจะไม่รู้ว่าเป็นจวินฉูฉู่?”

หากนี่เป็นโชคชะตา เช่นนั้นข้าก็ได้นะสิ”

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางหวาชิง หลังจากมองแล้วก็คลี่ยิ้มออกมา และหมุนตัวเดินจากไป

หวาชิงยืนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ก่อนจะตามนางไป

ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกันอีก หวาชิงมองใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นเป็นครั้งคราว ซึ่งมักจะทับซ้อนกับใบหน้าของฉีเสี่ยวฮวน ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ