“อวิ๋นเลี่ย ท่านถูกปีศาจสาวตนนี้ยั่วยวนรึอย่างไร”
“เจ้าว่าใครเป็นปีศาจสาว” หนานกงอวิ๋นเยียนถามอย่างไม่พอใจ
“ก็เจ้านะสิ”
มู่เหอยังคงไม่ยอมอ่อนข้อ
หนานกงอวิ๋นเยียนลุกขึ้น “มู่เหอ ไม่ใช่ว่าเจ้าหึงเพราะว่าอวิ๋นเลี่ยมาเล่นสนุกกับข้าหรอกนะ”
มู่เหอโกรธจนหน้าแดงก่ำ “นางปีศาจสาว เจ้าช่างไม่มีความละอายเสียเลย”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอวิ๋นเลี่ยไม่ชอบเจ้า เจ้าเอาแต่พูดตลอดว่าเขาเป็นคู่หมั้นของเจ้า เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายเช่นเจ้ามาก่อน เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าข้าไม่มีความละอายอีกหรือ”
หนานกงอวิ๋นเยียนลุกขึ้นและเดินตรงไปหามู่เหอ
“เจ้าไม่ถูกชะตากับข้าไม่ใช่เหรอ อยากได้อวิ๋นเลี่ยไม่ใช่เหรอ ข้าไม่ให้เจ้าหรอก แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ว่าจะได้หรือไม่ได้อะไร และอวิ๋นเลี่ยข้าก็จองไว้แล้ว!”
เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองอวิ๋นเลี่ย อวิ๋นเลี่ยชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาในที่สุด
มู่เหอยกมือขึ้นมาอย่างโกรธจัด เฟยอิงพุ่งเข้าไปอยู่ตรงหน้าหนานกงอวิ๋นเยียนในพริบตาและยกมือขึ้นขวางมู่เหอไว้
หนานกงอวิ๋นเยียนเงยหน้ามองอย่างเย่อหยิ่ง ไม่ได้กลัวมู่เหอเลยแม้แต่น้อย
อวิ๋นเลี่ยละสายตาจากท่าทางที่หยิ่งยโสของนางไม่ได้
เฟิ่งหลิงอวิ๋นยกถ้วยชาขึ้นจิบนิดหนึ่งและกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงสองคนจะต่อสู้เพื่อแย่งสามีกัน อวิ๋นจวิ้นจู่ แม่ทัพมู่เหอ พวกเจ้าสองคนเต็มใจที่จะแข่งขันกันใช่หรือไม่”
“เต็มใจเพคะ” มู่เหอตอบตกลงอย่างไม่เกี่ยงงอน
หนานกงอวิ๋นเยียนเหลือบมองมู่เหอและรู้สึกลังเลขึ้นมา
“เจ้าไม่กล้างั้นเหรอ” มู่เหอถามอย่างก้าวร้าว
อวิ๋นเลี่ยกล่าวว่า “อวิ๋นจวิ้นจู่มาจากเมืองต้าเหลียง สตรีจากต้าเหลียงไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้ ศิลปะการต่อสู้ก็น้อย เรื่องนี้คงจะต่อสู้ด้วยไม่ได้”
“ไม่ได้ ที่นี่คือแคว้นเฟิ่ง เมื่ออยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามกฎของที่นี่”
มู่เหอยังคงก้าวร้าวไม่เลิก
หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวว่า “ข้าไม่ได้กลัวเจ้า ข้าเพียงแต่คิดว่ามันน่าเบื่อถ้าจะทำอะไรโดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน”
“ผลประโยชน์อะไร ไหนเจ้าว่ามา” มู่เหอไม่สนใจ
“ถ้าข้าแพ้ ต่อไปจะไม่ติดต่อกับอวิ๋นเลี่ยอีก แม้แต่หางตาก็จะไม่ชายตามอง และถือโอกาสมอบชีวิตของข้าให้เจ้าเลย” หนานกงอวิ๋นเยียนให้คำมั่นสัญญา
“เจ้าว่าไงนะ” มู่เหอหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับยกมุมปากขึ้น
อวิ๋นเลี่ยกล่าวว่า “อวิ๋นจวิ้นจู่ ท่านอย่าหาเรื่องน่า!”
“ได้ยินท่านพ่อบอกว่า รอยยิ้มของดรุณีมีค่าเท่ากับทองพันชั่ง เพียงเพื่อรอยยิ้มกว้าง อาจทำให้เลือดไหลนองได้ เพื่อรอยยิ้มของเจ้า ข้าทำได้ทั้งนั้น!” หนานกงอวิ๋นเยียนจงใจยั่วโมโหมู่เหอ แต่อวิ๋นเลี่ยกลับเป็นคนที่ชะงัก
เฟิ่งหลิงอวิ๋นจนปัญหา แม่สาวน้อยผู้นี้เป็นความหายนะอย่างแท้จริง!
“แบบนั้นก็ไม่ได้!” เมื่อได้สติ อวิ๋นเลี่ยจึงเข้ามาขวางไว้
หนานกงอวิ๋นเยียนมองมู่เหอที่โกรธจนใบหน้าขาวซีดและถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ เจ้าจะทำอย่างไรถ้าแพ้”
“ข้าน่ะรึ” มู่เหอไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ นางเอ่ยอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้าข้าแพ้ จะลงโทษอย่างไรก็แล้วแต่เจ้าเลย”
“ข้าไม่ต้องการชีวิตของเจ้า ชีวิตเจ้าไม่มีค่าอะไรสำหรับข้า ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นแม่ทัพน้อยแห่งแคว้นเฟิ่งและมีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือใช่หรือไม่”
“ถ้าใช่แล้วยังไง” มู่เหอเอ่ยอย่างภูมิใจ
หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวว่า “ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องมอบอำนาจทางการทหารให้ข้า และยกให้ข้าเป็นแม่ทัพน้อย”
แม้แต่เอ๋าชิงยังไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเด็กผู้นี้ แล้วนับประสาอะไรกับมู่เหอ
มู่เหอหัวเราะดังลั่น “ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะมอบอำนาจทางการทหารและตราประจำตำแหน่งทั้งสามเหล่าทัพให้เจ้า”
“ก็แค่ลมปากไม่มีหลักฐาน เจ้านำตราประจำตำแหน่งออกมาแล้วร่างหนังสือสัญญาคำสั่งทางทหารซะสิ” หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าว
“ตกลง!"
อวิ๋นเลี่ยกล่าวว่า “แม่ทัพมู่เหอ ท่านจะเอาอำนาจทางการทหารมาล้อเล่นไม่ได้ หากทำเช่นนี้จะต้องโทษวินัยทางทหารมิใช่หรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ