หนานกงเย่มองด้านล่าง ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าต้องรอให้ฟ้าสางแน่นอน จากนั้นก็จะเริ่มเป็นศึก
“นิสัยของเขาเหมือนกับท่านอ๋อง แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ในกระดูกก็มีเลือดของตระกูลหนานกง และมีเลือดของท่านอ๋อง ท่านอ๋องคิดว่าเขาไม่เหมือนหรือ?เขาเติบโตอยู่ข้างกายท่านตั้งแต่เล็ก เป็นท่านดูแลเขาตลอด เขายโสโอหังอย่างยิ่ง ความผยองของเขาไม่เหมือนท่านหรือ?”
“ข้าแก่แล้ว ไปยุ่งกับเขาไม่ได้”
“เหอะ.....”ฉีเฟยอวิ๋นตลกขบขัน
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น ด้วยแววตาเย็นชา กล่าวว่า“เจ้าไร้จิตใจความรู้สึกสิ้นดี”
ฉีเฟยอวิ๋นหันลงไปมองด้านล่าง กล่าวว่า“เดิมชะตาชีวิตของเทียนเอ๋อร์ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ท่านให้ชื่อเขาแบบนี้ เขาคืออัสนิบาต ท่านให้ท้องฟ้าที่สดใส โลกอันยิ่งใหญ่นี้ ก็ควรจะมีดาวมฤตยูของเขา และซือถูฟ่างก็ไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์อะไร แต่เขาบังเอิญตกลงลำน้ำระหว่างซอกเขา ซึ่งบังเอิญกับเป็นชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้ของเทียนเอ๋อร์
ธาตุทั้งห้าของอัสนิบาตเป็นของไฟ และตำแหน่งของมันอยู่ทางทิศใต้ เราอยู่ทางเหนือที่นี่ และทิศทางไม่เอื้ออำนวย เพราะไฟแห่งอัสนิบาตก็เป็นพญามังกรด้วย ที่ใดมีมังกรอยู่จริง สามารถเลี้ยงดูเขาได้
ช่วงปีที่ผ่านมานี่ เขาอยู่ยงคงกระพันตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก และเขาก็อยู่เหนือผู้คนเสมอ เพราะเขาคือไฟของมังกร
ไฟสามารถเผาไหม้ได้ทุกสิ่ง และในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ เดิมไฟนั้นไม่มีรูป แต่รูปของมันคือไม้ ตามคำกล่าวที่ว่า เจาะทะลวงไม้ก่อไฟ เพราะฉะนั้นไฟจึงเกิดจากไม้ ไฟติดอยู่ที่ไม้ ไม้มีรูปอย่างไร เขาก็จะมีรูปร่างอย่างนั้น
ท่านอ๋องเป็นไม้ เพราะฉะนั้นท่านเลี้ยงเขา เลี้ยงได้ไม่เลว
แต่ท่านอ๋องเป็นไม้ การใช้ประโยชน์สำหรับเขาก็ไม่ได้มาก แม้จะสูงระฟ้า แต่ทว่ากลับไม่สามารถทำให้ชีวิตของเขาปราศจากความทุกข์กังวลใจได้
มีโชคชะตาประเภทหนึ่ง สามารถช่วยเขาได้ แต่น่าเสียดายหาไม่เจอ
หม่อมฉันเคยคิดคำนวนแล้ว ไม่มีคนผู้นี้”
หนานกงเย่มองไปกล่าวว่า“พูด”
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ กล่าวว่า“หม่อมฉันบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีเพคะ”
“เจ้า.....”
แน่นอนว่านิสัยของหนานกงเย่จะต้องไปตามหา แต่ตอนนี้หาก็ไม่ทันแล้ว
ตอนที่ทั้งสองต่างเดือดดาล ฟ้าได้สว่างแล้ว
ประตูเมืองเปิดออก หนานกงเฮ่าเทียนได้ขี่ม้าออกไปแล้ว
หนานกงเย่มองลงไปกล่าวว่า“เทียนเอ๋อร์ เจ้ากลับไปก่อน เขาไม่โจมตีเมือง เจ้าก็ไม่ควรออกไป”
หนานกงเฮ่าเทียนเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ฟังก็ออกไปเสียแล้ว
ฝั่งตรงข้ามมีชายคนหนึ่งขี่ม้าออกมา ทั้งสองฝ่ายไม่ได้คุยอะไรกันมากก็สู้กันแล้ว
ชัดเจนว่าความสามารถของคนผู้นั้นไม่สู้หนานกงเฮ่าเทียน ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ท่านไม่ควรพูดคำพูดเหล่านั้นกับเขา เขาโมโหท่านไม่เชื่อท่าน ถึงได้ไปหาพวกเขา ไม่อย่างนั้นเทียนเอ๋อร์ฉลาดและมีวิสัยทัศน์อย่างนั้น จะออกไปสู้รบด้วยตนเองได้อย่างไรเพคะ”
หนานกงเย่สีหน้าแย่มาก กล่าวว่า“ตอนนี้พูดอะไรมันมีประโยชน์?”
หนานกงเทียนเฮ่าสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว หนานกงเย่สั่งตีฆ้องเรียกทหารกลับ
ฝ่ายตรงข้ามหมุนตัววิ่ง ฉีเฟยอวิ๋นตะโกนขึ้นทันทีว่า“เทียนเอ๋อร์ อย่าตาม!”
หนานกงเฮ่าเทียนจะได้ยินได้อย่างไร เขาพุ่งตรงตามไป
ฉีเฟยอวิ๋นร้อนใจ เลยตามลงไป แต่ฝ่ายตรงข้ามยิงธนูออกมา หนานกงเย่รีบช่วยเธอ เวลานี้หนานกงเฮ่าเทียนได้ตามไปด้านในป่าลึกที่แสนไกลแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ท่ามกลางธนู หนานกงเย่อุ้มเธอขึ้นมาที่ศาลาบนประตูเมือง คนด้านล่างก็หมอบซุ่มโจมตีอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นนอนลง ธนูแทงบนไหล่ของเธอ หนานกงเย่รีบดึงออก กอดปกป้องฉีเฟยอวิ๋นไว้ในอ้อมแขน แล้วมองไปทางด้านล่างประตูเมือง คนได้หายไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นมองเหล่าทหารทางด้านล่าง ไม่มีใครหนีพ้นได้ ทั้งหมดแพ้ย่อยยับ
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปแสนไกล กล่าวว่า“ท่านอ๋อง ท่านไปดูเร็ว หม่อมฉันมิเป็นไรเพคะ”
“ไม่เจอแล้ว ข้าหาไม่เจอแล้ว”คนด้านล่างเยอะขนาดนั้น ลงไปตอนนี้ เมืองนี้จะทำอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ