ตอนนั้นพวกเขาตกลงกันไว้ว่าครึ่งปี
แต่เพราะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น จึงทำให้เวลาครึ่งปีนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาอันลึกซึ้งของฮั่วเทียนหลันมองจ้องไปบนใบหน้าของอันหรัน
อันหรันมองความซับซ้อนในสายตาของเขาไม่ออก เธอคล้ายคนจะหมดแรงอยู่เต็มทน ก่อนจะพยายามเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “ในเมื่อถึงกำหนดแล้ว พวกเราก็จบกันเถอะนะ! ฉันไม่ควรยึดครองตำแหน่งนี้อีกต่อไป ตำแหน่งนี้มันควรจะเป็นของมู่เหว่ย การที่ฉันยึดมันเอาไว้เช่นนี้ มันยิ่งจะทำให้คนอื่นรู้สึกเกลียดชังมากขึ้นเท่านั้น"
เอ่ยมาถึงตรงนี้น้ำตาของเธอก็พลันจะไหลออกมาจากหางตา
อันหรันสูดลมหายใจเข้าพยายามห้ามไม่ให้มันไหลออกมา
แต่แล้วน้ำตาที่เอ่อล้นนั้นก็ไม่เชื่อฟัง มันไหลพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก
"คุณชายฮั่วคะ ได้โปรดปล่อยฉันไปตามทางเถอะนะ! ปล่อยให้ฉันเดินออกไปไกลจากตรงนี้ แล้วฉันจะไม่กลับมาให้คุณรำคาญหน้าอีกต่อไป ส่วนคุณแม่เดี๋ยวฉันจะเป็นคนคุยเอง ให้ทุกเรื่องมันเป็นความผิดของฉัน การหย่าครั้งนี้ก็เป็นความผิดของฉัน คำด่าทอทุกอย่างฉันจะรับมันเอาไว้คนเดียวเอง! "
มีประโยคหนึ่งที่อันหรันไม่ได้เอ่ยออกมา
แต่ถึงอย่างไรในสายตาของเขา เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงเลวทรามคนหนึ่ง
เขารับรู้ แต่เขาไม่ยอมรับ
“เธอคิดว่าฉันจะเห็นด้วยงั้นเหรอ”
ฮั่วเทียนหลันกำสร้อยข้อเท้าอย่างแรง จนปลายเพชรแหลมนั้นทิ่มแทงไปที่มือเขาจนเกิดบาดแผล แต่เขากลับทำราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ
สัญญาครึ่งปีนั้น แน่นอนว่าเขาจำมันได้
แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หรือเป็นเพราะว่าใจของเขายังไม่อยากที่จะยอมรับความรู้สึกนี้ จึงทำให้เขาไม่เคยเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาเลย
ในใจของเขามีเพียงเสียงร้องตะโกนขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า เขานั้นทำใจไม่ได้
เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนเขาเอาแต่ขับไสไล่ส่งอันหรันอยู่ตลอดเวลา
แต่ตอนนี้กลับเป็นอันหรันที่คอยพูดเตือนอยู่ข้างๆหูของเขาว่ามันถึงเวลาต้องแยกจากกันแล้ว
“คุณชายฮั่วไม่ใช่คนที่จะพูดจาเชื่อถือไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ!”
ประโยคที่อันหรันเอ่ยออกไปนั้น เธอเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจเลยสักนิด
"เหอะ... " ฮั่วเทียนหลันทิ้งเพียงเสียงตอบรับสั้นๆนี้ไว้ ก่อนจะลุกขึ้นและกระแทกประตูออกไป
เมื่ออยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว อันหรันก็ไม่สามารถเสแสร้งแกล้งทำตัวเข้มแข็งได้อีกต่อไป
น้ำตาของเธอไหลพรั่งพรูออกมาจนผ้าปูที่นอนเปียกชื้น
ฉันจะทำใจเดินจากคุณไปได้ยังไงกัน คุณชายฮั่ว
แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยกับความทรมานที่ไม่มีวันจบสิ้นเช่นนี้เหลือเกิน
มาถึงวันนี้ อันหรันก็ไม่มีความคิดที่จะทนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว
วันที่สองหลังจากตื่นนอนขึ้นมา อันหรันรู้สึกร่างกายของเธอราวกับจะแตกสลาย
เมื่อคืนมันรุนแรงมากเกินไป ฮั่วเทียนหลันทรมานเธอเกือบจะสี่ชั่วโมง
แต่เวลาสี่ชั่วโมงนี้ร่างกายของเธอกลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการไต่ขึ้นไปยังจุดสูงสุดครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะเดียวกันก็ตกลงมาที่จุดต่ำสุดครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นเดียวกัน
ส่งผลให้ตอนนี้เธอรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่างกาย เธอพยายามยันตัวลุกขึ้น สายตาพลันเหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือที่ถูกสวมใส่ตรงข้อมือสวย
เธอรู้สึกคุ้นตากับสร้อยข้อมือเส้นนี้เล็กน้อย หลังจากใช้สมองครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ถึงจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ฮั่วเทียนหลันสวมใส่มันให้เธอ
อันหรันอยากจะถอดมันออก แต่พอเอื้อมมือขึ้นมาจับ ภาพที่ฮั่วเทียนหลันใส่ให้เธอก็ปรากฏขึ้นมาในหัว
ในตอนนั้นเขาช่างดูอ่อนโยนและละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก
จนท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจไม่ถอดมันออกมา
นี่อาจเป็นสัมผัสสุดท้ายของความอ่อนโยนที่ฮั่วเทียนหลันได้มอบให้แก่เธอ เป็นความรู้สึกสุดท้ายที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาในยามที่หวนคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างเรา
อันหรันลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย แต่แล้วน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลลงมาตรงหว่างขานั้น ก็ทำให้เธอรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
เมื่อคืนนี้ฮั่วเทียนหลังโคตรจะบ้าคลั่งเลยแหละ
หลังจากอันหรันสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินลงไปที่ชั้นล่างแล้วจึงพบว่าที่ห้องนั่งเล่นนั้นว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ปังปังปัง ปังปังปัง ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง