หลังจากที่สั่งเครื่องดื่มและของหวานแล้ว พนักงานก็เดินออกไป
ในห้องขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหราแต่กลับไร้รสนิยม เป็นความสง่างามที่ผออดปกติ
ฉีหลานชี้ไปรอบ ๆ แล้วเอ่ย "เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?"
หยางหลิงรุ่ยรู้ว่าที่ฉีหลานพูดคือมีความคิดเห็นต่อห้องนี้ เธอเงยหน้า หลังจาหนั้นก็มองไปรอบ ๆ
แม้ว่าในใจอยากจะพูดมาหน่อยว่าที่นี่ทำให้โอ่อ่าอีกนิดได้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นว่าทำได้อย่างประณีตขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ย "พูดจริง ๆ ฉันก็ว่าห้องแบบนี้ เงียบมาก!"
หยางหลิงรุ่ยลุกขึ้น ยื่นมือไปเคาะกระจกที่เป็นหน้าต่างเล็กน้อย
มองจากด้านนอก เธอคิดว่าเป็นกระจกทั่ว ๆ ไป
แต่หลังจากที่เข้ามาแล้ว เธอจึงได้พบกับความประหลาดใจ ห้องนี้ เงียบจนน่ากลัว เสียงจากด้านนอก ไม่มีผ่านเข้ามาได้แม้แต่นิดเดียว
และเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ กระจกอันนี้ ที่แท้ก็ควบคุมได้อย่างชาญฉลาด
เมื่อสักครู่หยางหลิงรุ่ยเห็นได้อย่างชัเจน ด้านข้างโต๊ะมีปุ่มกด ดูเหมือนว่าปุ่มควบคุมเหล่านี้ของห้องนี้อยู่ด้านบน
ในนั้นมีเกี่ยวกับตัวเลือกของหน้าต่าง มีตัวเลือกสำหรับโหมดเดี่ยวเขียนไว้ด้านบน
สายตาที่อยากรู้ของหยางหลิงรุ่ยระมัดระวัง ฉีหลานก็เอ่ยขึ้นพรางยิ้ม "ความจริงล้วกระจกนี้ฉันตั้งใจสั่งมาเลยนะ ควบคุมโหมกเดี่ยวหรือคู่ก็ได้ แบบนี้มีประโยชน์อยู่อย่าง ประหยัดม่าน และทำให้คนที่อยู่ด้านใน จิตใจสงบ"
ได้ยินที่ฉีหลานพูดแบบนี้ หยางหลิงรุ่ยก็พยักหน้า
ห้องของสิ่งนี้ ความลับกับเปิดเผย มักเป็นตัวเลือกเดียวเสมอ
ถ้าคุณอยากได้ความลับ ก็จะไม่มีการเปิดเผย
ดูครั้งนี้ หลังจากที่ฉีหลานกล้าที่จะใช้กระจกโหมดเดี่ยว ปัญหานี้ก็ได้รับการแกแ้ไขแล้ว
เพียงแต่ เห็นได้ชัดว่าเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่ถูกอย่างแน่นอน
เมื่อตอนที่ได้ยินว่าเป็นควนคุมด้วยไฟฟ้า หยางหลิงรุ่ยก็เข้าใจแล้ว
เธอไม่ได้ถามต่อไปเกี่ยวกับเรื่องของร้านชา ไม่ว่าร้านนี้จะจ่ายไปแล้วเท่าไหร่ ตอนนี้สำหรับหยางหลิงรุ่ยกับฉีหลานแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
หยางหลิงรุ่ยที่อยากได้ของหวานและเครื่องดื่ม ก็ได้หมดแล้ว
ที่เธอสั่งคือคาปูชิโน่ หลังจากที่ยกขึ้นดื่มหนึ่งอึกแบบไม่มีเพิ่ม แม้ว่าจะขมแบบปกติ แต่มันกลับทำให้เธอตื่นมาก
แล้วดื่มต่อึกที่สอง เมื่อครู่ที่เดินอยู่ด้านนอกอากาศร้อนและเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว
หยางหลิงรุ่ยวางคาปูชิโน่ที่อยู่ในมือ แล้วเงยหน้ามองฉีหลาน
พอดีในตอนนี้ ก็มองเห็นฉีหลานที่เพิ่งจะเก็บสายตาของตนเองไป
ถึงตอนนี้แล้ว หยางหลิงรุ่ยแน่ใจนานแล้ว ในใจของฉีหลานมีเรื่องอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์
ตอนที่เธอกำลังคิดว่าจะเปิดประเด็นพูดอย่างไร ฉีหลานก็ชี้จานสีขาวที่ใส่ขนมเค้กที่มีสตอเบอร์รี่เอ่ยขึ้น "เธอลองชิมอันนี้หน่อยสิ อันนี้เป็นของที่เพิ่งเปิดตัวในร้านไม่นานมานี้ ประสบความสำเร็จมาก"
สามารถถูกฉีหลานบอกว่าประสบความสำเร็จได้ ของหวานชนิดนี้น่าจะไม่เลวเลยทีเดียว
ดังนั้นหยางหลินรุ่ยจึงตักออกมาหนึ่งชิ้น แล้วเอาเข้าปาก
ความรู้สึกที่ละลายในปาก แล้วก็ยังมีรสชาติที่หอมและไม่เลี่ยนนั้น ทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอจะละลายในตอนนั้นเลย
หนึ่งชิ้นที่เพิ่งจะลงท้อง เธอก็เหมือนกับเด็กอย่างไงย่างงั้น เตรียมกินชิ้นที่สอง
แต่ตอนนี้ ฉีหลานกลับยื่นมือมาห้ามหยางหลินรุ่ยไว้
เธอเหลือบมองคาปูชิโน่ที่อยู่ด้านหน้าของหยางหลินรุ่ย แล้วเอ่ยพรางยิ้ม "เธอดื่มคาปูชิโนอีกสักหน่อยสิ"
แม้จะไม่รู้ว่ายาอะไรที่อยู่ในท้องของฉีหลาน แค่หลานหลิงรุ่ยรู้ ว่าฉีหลานกำลังแบ่งปันเคล็ดลับความอร่อยของอาหาร
ดังนั้นเธอจึงดื่มคาปูิชโน่ไปอีกหนึ่งอึก ความรู้สึกที่อาหารทำให้เธอเหมือนละลายไปในตอนนั้น เพราะไปผสมกับคาปูชิโน่ที่ถืออยู่ในมือ เป็นความอร่อยครั้งที่สองที่มารวมกัน ทำให้หยางหลิรุ่งยรู้สึกอยากจะบินไปทั้งตัว
เธอแทบจะทน และดื่มอีกหนึ่งอึกต่อไป หลังจากนั้นก็พูดกับฉีหลาน "พี่หลาน พี่เลือกอาชีพการทำอาหาร พี่เดินมาถูกทางแล้ว!"
การเผชิญหน้ากับคำชมของหยางหลิงรุ่ย สีหน้าการแสดงออกของฉีหลานก็เป็นปกติ
ตอนแรกที่เลือกอาชีพการทำขนมหวาน เธอเพียงเลือกวิธีนี้ เพื่อให้เวลาผ่านไปเท่านั้น
แม้ว่าจะได้หาเงิน หรือว่าต้องหาเงินหรือไม่ เธอก็ไม่สนใจ
ยังไงซะ ผู้ชายคนนั้นก็เต็มใจที่จะจ่ายให้เธออยู่แล้ว
แต่ในโลกนี้ มักจะมีเรื่องที่ไม่แน่นอนอยู่เสมอ
เวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ฉีหลานเองก็คิดิไม่ถึงว่า เธอจะได้สัมผัสกับชีวิตจากสวรรค์สู่นรก
เห็นได้ชัดว่าความสนใจของฉีหลานไม่ได้สูง หยางหลินรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะปลุกขึ้น
ตอนที่ฉีหลานมีอารมณ์นี้ พอดีกับที่เธอจะสามารถเปิดบทสนทนาได้
"พี่หลาน สองวัมานี้เกิดเรื่งอะไรขึ้นกับพี่? ฉันรู้สึกว่า ดูเหมือนพี่จะไม่มีความสุข"
หยางหลิงรุ่ยครุ่นคิดกับการใช้คำศัพท์ พยายามไม่ให้ตัวเองพูดกระทบฉีหลานมากที่สุด
ไม่ค่อยมีความสุขหรอ?
สีหน้าที่ขมขื่นของฉีหลานก็มองมา แม้ว่าจะเห็นในทันที แต่เธอก็ไม่อยากให้หยางหลินรุ่ยเห็นจุดอ่อนของเธอ
แต่สายตาของหยางหลินรุ่ยเฉียบแหลม เล็กน้อยเท่านี้เธอก็สัมผัสได้
"งานหมั้นของฉัน ยกเลิกแล้ว"
ฉีหลานรู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเผยออกมาแล้ว ดังนั้นก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป
อีกทั้งวันนี้ที่เธอนัดมาเจอกันกับหยางหลิยรุ่ย เดิมทีกอยากจะระบายความคิดที่แสนเศร้าออกบ้างสักเล็กน้อย
ถ้าคนเรากดมันไว้มาก ๆ นี่อาจจะกลายเป็นบ้าได้มาก ๆ แล้วก็เ็นคนบ้าคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ฉีหลานต้องการ
"อะไรนะ!"
หยางหลินรุ่ยที่ตกใจ ก็ร้องเสียงสูง
"นี่มันเป็นไปได้ยังไงอ่ะ!"
หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัวรอบที่สอง อีกสักพักก็รู้สึกได้ว่าหลุดความลับของตัวเองออกมา
เธอพูดอย่างนี้เป็นไปได้ยังไงไกัน แต่ตอนนี้ก็เป็นไปแล้วนี่!
มองไปยังฉีหลานทีมีสายตาลุกโชน หยางหลินรุ่ยก็ก้มหน้าลง
"ขอโทษนะ พี่ฉี ฉันหลุดความลับออกไป"
ฉีหลานหัวเราะ เกินคาดที่หยางหลิงรุ่ยเดาไว้ ท่าทีเมื่อครู่ของเธอ ราวกับวันเวาลาที่สดใส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง