บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 307

บทที่ 307 ตกกระไดพลอยโจน

รูม่านตาคู่หนึ่งสะท้อนเปลวไฟ กู้อ้าวเวยกระตุกมุมปากขึ้น ความไม่สบายใจเมื่อครู่กลับมลายไปจนสิ้น

ข้างหูอื้ออึงไปด้วยเสียงร้องตะโกนของเหล่าคนรับใช้ กู้อ้าวเวยกลับมีกะใจหยิบเอาเหล้าเข้มเหยือกเล็กๆ ของตนไว้ได้ทัน ยกดื่มหนึ่งอึก จึงเอ่ยเนิบนาบ “กุ่ยเม่ย เจ้าไปแพร่ข่าว บอกว่าเอ่อร์ชิงบนยุทธภพเมื่อก่อนนั้นก็คือพระชายาจิ้งคนปัจจุบัน พระชายาจิ้งยังได้รับเชือกทวงชีวิตที่ฝังไปพร้อมกับหยุนหว่านฮูหยิน มีวิธีค้นหาตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่า”

“นี่ท่านจะทำอะไร”

“ก็ต้องให้พวกเขามาตามหาข้า มาสังหารข้าสิ เพียงเพราะตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่านี่” กู้อ้าวเวยเลิกเรียวคิ้วขึ้น กอดเหยือกสุราใบนั้นเข้าในอ้อมกอดเสียดื้อๆ และหัวเราะให้กับกุ่ยเม่ย “ข้าอยากให้ตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่านี้ฝังตัวในทะเลเพลิงด้วยเช่นกัน”

กุ่ยเม่ยหรี่ตา “ท่านต้องการให้ตอนที่คนทั้งหมดเพ่งเล็งมาที่ท่าน และฝังกลบตำรับยานี้เองกับมือ”

“เดาไม่ผิด ในเมื่อพวกเขาต้องการ ข้าก็จะให้พวกเขา” ดวงตาสองข้างของกู้อ้าวเวยทอประกายขึ้นมา

ในเมื่อนางสามารถตกกระไดพลอยโจน ยืนยันได้ว่าตอนนี้มีคนลอบสร้างโหวเซ่อใหม่แห่งหนึ่ง

ตอนนี้ นางย่อมสามารถสร้างตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่าหนึ่งเล่ม และเผาทำลายมันต่อหน้าคนทั้งโลกได้เช่นเดียวกัน

อีกประการ สิ่งที่ฮ่องเต้คิดไม่ตกคือความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้ประเทศเอ่อตานกับหยุนหว่านฮูหยิน และสิ่งที่ยิ่งคิดไม่ตกก็คือหยุนหว่านฮูหยินเหลือทิ้งอันตรายไว้มากมายเหลือกเกินกลัวว่าราชสำนักแห่งยุทธภพกระทั่งคนต่างแคว้นต่างก็จะโหมกระพือเพื่อตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่านี้แล้ว ช่างเป็นฮ่องเต้ที่ดีพระองค์หนึ่งจริงๆ กักบริเวณตนหรือไม่ก็สังหารตนตัดรากถอนโคนเสียก็เป็นเป็นที่เข้าใจได้

แต่ขณะเดียวกัน ตัวฮ่องเต้เองก็ยังกลัวตาย ต่อให้ไม่ต้องการยืนยาวไม่แก่เฒ่า การจะไว้ชีวิตหมอเทวดาอย่างตนไว้เป็นน้องสะใภ้ ก็ไม่เลวเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการ เป็นเพียงแค่เอาตำรายินยาวไม่แก่เฒ่าในมือของนางแลกกับความโปรดปรานของฮ่องเต้

บัดนั้นไม่มีเงาของกุ่ยเม่ยแล้ว กู้อ้าวเวยทำเพียงนั่งอยู่ในเรือนอย่างเงียบๆ ได้ยินเพียงความโกลาหลของคนด้านนอก ก่อนมองท้องฟ้าแน่นิ่ง ราวกับกำลังรอคอยการมาถึงของใครสักคน

“เจ้าถึงขั้นก่อความวุ่นวายได้มากกว่าแม่เจ้าเสียอีก” น้ำเสียงคุ้นเคยลอยมา คนชุดขาวโรยมาตรงกันข้ามกับนางอย่างแผ่วเบา ค่อยๆ นั่งลง และคลี่พัดทรงกระดูกออกเสียงดังครืด “เจ้านายมอบเชือกทวงชีวิตนี้ให้เจ้า ก็เพราะอยากให้เจ้าวินิจฉัยตำรายืนยาวไม่แก่เฒ่ามารักษาชีวิต”

“สำหรับข้าแล้ว เชือกทวงชีวิตนี้คือการมาทวงชีวิตของข้า อีกอย่างพวกท่านบอกว่าจะสะสางเรื่องของบิดาข้า เหตุใดหัวหอกทั้งหมดในตอนนี้ถึงได้หันมาทางข้ากันได้เล่า” กู้อ้าวเวยเหลือบตามองเขา ยกมือขึ้นอยากจะปลดผ้าโปร่งคลุมหน้าของเขาลง

คนชุดขาวกลับรู้แต่แรก และปัดมือของกู้อ้าวเวยกลับไปอย่างแผ่วเบา

“มีเพียงฉวยโอกาสยามโกลาหลเท่านั้น บิดาเจ้าถึงจะยอมเผยพิรุธออกมา เจ้าก่อหายนะ ลิขิตฟ้าที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ต่อความไม่ธรรมของมารดาเจ้า” คนชุดขาวรูดมือของนางออก และปลดเชือกทวงชีวิตบนข้อมือเส้นนั้นลงมาด้วย ก่อนเอ่ยหัวเราะเสียงทุ้ม “แต่ว่า เจ้าไม่ควรถูกวางไว้บนคมดาบ ในเมื่อเจ้าอยากจะสร้างโหวเซ่อแห่งใหม่ ให้ข้าช่วยเจ้าจะดีกว่า”

วินาทีถัดมา ดาบเล่มหนึ่งกรีดเข้าที่หัวไหล่ของกู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยร้องครวญ ในที่สุดก็เข้าใจจุดประสงค์ของคนชุดขาวผู้นี้ “ท่านต้องการให้ข้าออกหน้าแต่แรก และอาศัยชื่อเสียงของพวกท่านเอาเชือกทวงชีวิตนี้ออกไป...เป็นเช่นนี้ หัวหอกก็จะหันไปที่พวกท่านแล้ว”

คนชุดขาวพยักหน้า ชักดาบออกมา สายตาปั้นปึ่ง “เจ้าส่งลูกน้องไปเผาเรือนของซูพ่านเอ๋อหมายจะโยนความคิดไปให้โหวเซ่อแห่งใหม่พอดีเลย ตอนนี้ข้าเฉือนเจ้าด้วยดาบเล่มนี้ ก็ถือเสียว่าช่วยเจ้าพิสูจน์ความจริงข้อนี้ด้วย"

แต่คนชุดขาวอยากจะออกไป กู้อ้าวเวยพลันถลาเข้าไปโอบช่วงเอวของเขาเอาไว้แล้ว และตะโกนร้องให้ช่วยชีวิต

คนชุดขาวมุ่นหัวคิ้วขึ้น เห็นดวงตากู้อ้าวเวยเปล่งประกาย ทำเพียงใช้มือข้างหนึ่งเอี้ยวไปตะปบที่ไหล่ของนาง “ก็จริง จะเอาลูกปัดนี่ไปแต่ไม่ยอมพากุญแจสำคัญอย่างเจ้าไปด้วย มันค่อนข้างแปลกไปหน่อย”

กู้อ้าวเวยกลั้นความปวดและตบทรวงอกของเขา “แต่อย่าได้ให้ข้าหลั่งเลือดจนตายขึ้นมาจริงๆ แล้วกัน”

“เจ้ายังเชื่อข้าอยู่จริงๆ” คนชุดขาวมุ่นคิ้ว และทำเพียงรีบหิ้วนางออกไปอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์