“ผมแค่พอรู้จักผิวเผินเท่านั้น ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนักหรอก”
ฉินหมิงยิ้มอย่างถ่อมตัวและกล่าว สิ่งที่เขาสร้างขึ้นคือค่ายกลรวมวิญญาณ ไม่ใช่เกราะบังตาประตูจำแลงพิศดาร
เพียงแต่ค่ายกลทั้งสองนี้ต่างมีการจัดวางตามหลักเก้าตำหนักแปดทิศ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันบางประการ
ซูซินเหยามองฉินหมิงด้วยแววตามีความหมาย อารมณ์ของเธอผันผวนและยากที่จะสงบลงได้เป็นเวลานาน
เมื่อครั้งที่เธอได้พบกับฉินหมิงครั้งแรก เธอคิดว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋น
แต่ต่อมา ฉินหมิงไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์และเข้าใจในทักษะการเล่นแร่แปรธาตุอย่างลึกซึ้งเท่านั้น เขายังมีความกล้าหาญ ความเฉลียวฉลาด และศิลปยุทธที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด ฉินหมิงยังรู้จักวิทยาการโบราณอย่างเกราะบังตาประตูจำแลงพิศดารซึ่งเป็นความรู้ขั้นสูงอีกด้วย ช่างเป็นคนที่รอบรู้ทั้งวิทยาการเก่าและใหม่อย่างลึกซึ้งมากจริง ๆ!
ชั่วขณะหนึ่ง ตัวตนของฉินหมิงในหัวใจของเธอเริ่มดูลึกลับมากขึ้น ความลึกลับดังกล่าวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเธอ ถ้าอยากจะรู้นักว่าชายคนนี้ยังซ่อนทักษะอะไรไม่ให้เธอรู้อีกมากน้อยเพียงใด!
ขณะที่ซูซินเหยาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง นายท่านซูและซูห่าวก็สั่งให้คนของตระกูลซูถือเตาเล่นแร่แปรธาตุและสมุนไพรนานาชนิดขึ้นมาบนภูเขา
เหล่าบอดี้การ์ดวางสิ่งต่าง ๆ ไว้รอบจุดศูนย์กลางของค่ายกลตามสัญญาณมือของฉินหมิง จากนั้นนายท่านซูก็สั่งให้พวกเขาลงจากภูเขาไปเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครมารบกวนการเล่นแร่แปรธาตุของฉินหมิง หากบริเวณโดยรอบมีผู้คนอยู่มากเกินไป
ในเวลาไม่นาน
ก็เหลือเพียงฉินหมิง ซูซินเหยา ซูห่าวและนายท่านซูที่ยังอยู่บนยอดเขา
ฉินหมิงเริ่มจุดเตาไฟ ซูซินเหยาด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงอาสาคอยช่วยเหลือฉินหมิงอยู่ใกล้ ๆ
หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมแล้ว
ฉินหมิงหยิบแผ่นหยกแก้วออกมาและเปิดใช้งานค่ายกลรวมวิญญาณ พลังวิญญาณบนยอดเขาค่อย ๆ ก่อตัวเป็นพายุหมุนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนที่มวลพลังวิญญาณจะพุ่งตัวเข้าหาร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นฉากที่แปลกประหลาดนี้ นายท่านซูพร้อมหลานทั้งสองก็ผงะไป พวกเขาเบิกตาโพลงและประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
พระเอกน่ารำคาญ...
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...