ฉินถิงถิงน้ำตาไหลเป็นสายน้ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความสำนึกและความรู้สึกผิด
ฉินหมิงถึงกับอึ้ง เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวอันขมขื่นอยู่เบื้องหลังเฉินถิงถิงเช่นนี้
เขาเองก็เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก ๆ ชีวิตก็ไม่ได้ดีไปกว่าเฉินถิงถิง เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของเฉินถิงถิงเป็นอย่างดีและยังเข้าใจถึงความสิ้นหวังและความไร้หนทางของเฉินถิงถิงเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก...
โลกนี้มันโหดร้าย!
ตอนนี้ฉินหมิงรู้สึกโล่งใจอย่างมากและเขาก็เข้าใจพร้อมทั้งเห็นใจเฉินถิงถิงมากขึ้นอีกเล็กน้อย
ตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกงานพอดี เรื่องของฉินหมิงและเฉินถิงถิงจึงกลายเป็นจุดสนใจจากบรรดาเพื่อนร่วมงานที่อยู่โดยรอบ
“นี่มาดูเร็ว!”
“ผู้หญิงสวย ๆ ที่คุกเข่าลงบนพื้นอยู่ไม่ใช่เลขาเฉินที่เป็นเลขานุการของประธานหรอกเหรอ? ผู้ชายตรงข้ามเธอเป็นใครน่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“น่าแปลกใจจริง ๆ พวกเขาสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?”
...
ผู้คนรอบข้างพูดคุยกันไม่หยุดและมองไปที่ฉินหมิงและเฉินถิงถิงด้วยสีหน้าแปลก ๆ
ฉินหมิงตกใจ เขาไม่ต้องการเป็นจุดสนใจเลยรีบพูดขึ้นว่า “นี่คุณเลขาเฉิน ลุกขึ้นมาครับ!”
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณไม่ยอมให้อภัยฉัน ฉันก็จะไม่ลุกขึ้น…”
เฉินถิงถิงยืนกราน
“ผมให้อภัยคุณแล้ว คุณลุกขึ้นก่อนนะครับ พวกเราออกจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน!”
ฉินหมิงรีบดึงให้เฉินถิงถิงลุกขึ้นแล้วรีบเผ่นออกมา
เฉินถิงถิงยิ้มออกแล้ว แม้ใบหน้ายังคงมีน้ำตาไหลอยู่แต่ในใจกลับดีใจมาก
ในที่สุดเธอก็ได้รับการอภัยจากฉินหมิงแล้ว เธอรู้สึกโล่งใจมาก
ฉินหมิงดึงเฉินถิงถิงไปที่ลานจอดรถของบริษัท
“เลขาเฉิน คุณเดินทางมาทำงานอย่างไรล่ะครับ ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาหรือนั่งแท็กซี่มาครับ?”
ฉินหมิงสงสัย
“บางครั้งฉันก็นั่งรถเมล์ บางครั้งฉันก็นั่งรถไฟฟ้าสาธารณะมาค่ะ”
ใบหน้าสวยของเฉินถิงถิงแดงก่ำ
จริง ๆ แล้วทุกเดือนบริษัทจะมีค่ารถให้หลายร้อยหยวน แต่ค่าแท็กซี่ก็แพงเกินไป เธอจึงเลือกออมเงินให้ได้มากที่สุด
“คุณอาศัยอยู่ที่ไหนล่ะครับ? ให้ผมขี่รถไปส่งคุณเถอะ!”
ฉินหมิงชี้ไปที่รถมอเตอไซด์สปอร์ตคันสีชมพูตรงหน้า สีหน้าเขาแปลก ๆ ไปเล็กน้อย
เพราะยังไงสีของมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็ดูไม่เหมาะเท่าไรนักแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากอวดนัก
“นี่…นี่รถของคุณเหรอคะ?”
เฉินถิงถิงตกตะลึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “สีรถคันนี้สวยจริง ๆ นะคะ…”
“รถมอเตอร์ไซค์คันนี้เพื่อนให้ผมน่ะครับ ผมจะใช้ไปก่อนสักสองสามวัน…”
ฉินหมิงหัวเราะแห้ง เขาคิดอยู่แล้วว่าเฉินถิงถิงจะมีปฏิกิริยาอย่างนี้และมันก็เป็นไปตามที่คาดไว้
โชคดีที่จากน้ำเสียงของเธอทำให้รู้ว่าเฉินถิงถิงไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเยาะเขา ฉินหมิงรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย
“ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวผมส่งคุณกลับบ้านเอง”
“นี่มัน…คงไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไรมั้งคะ?”
เฉินถิงถิงลังเลเล็กน้อยเพราะแต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยกลับบ้านกับเพศตรงข้ามมาก่อน
แถมทั้งสองคนนั่งรถมอเตอร์ไซค์เดียวกันเกรงว่าจะถูกคนเห็นจะเข้าใจผิดได้ง่าย
“ผมไม่ได้มีเจตนาเกินเลยอะไรหรอกครับ แม่ของคุณป่วยและพักอยู่ที่โรงพยาบาล ผมแค่อยากจะไปเยี่ยมท่านสักหน่อยน่ะครับ”
“ผมรู้ทักษะทางการแพทย์บางอย่าง อาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”
ฉินหมิงพูดพร้อมยิ้ม
เมื่อคืนเขาได้รับการถ่ายทอดตำราทางการแพทย์มากมายมาจากบรรพบุรุษตระกูลฉิน ซึ่งทำให้เขามีทักษะทางการแพทย์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
“คุณมีทักษะการแพทย์ด้วยเหรอคะ?”
“จริงเหรอคะนี่?”
เฉินถิงถิงดีใจมาก
“ผมรู้แค่ผิวเผินนะครับ อย่ามาหวังอะไรจากทักษะการแพทย์ของผมเลยครับ”
“ผมก็แค่ไปดูเฉย ๆ ก็เท่านั้น บางทีผมอาจจะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่คุณบ้างก็ได้”
ฉินหมิงยักไหล่พูด
ทักษะการแพทย์ของเขายังตื้นเขินนักแถมยังไม่รู้ว่าจะนำไปใช้ได้จริงหรือไม่ เขาแค่เห็นใจเฉินถิงถิงและอยากช่วยเธอเท่าที่ทำได้
“อืม ขอบคุณนะคะ…”
เฉินถิงถิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
แม่ของเธออยู่โรงพยาบาลมาหลายเดือนแล้ว อาการป่วยก็ไม่เห็นจะดีขึ้น
เธอยังถามแพทย์เกี่ยวกับอาการของแม่แต่คำตอบของแพทย์ก็กลับคลุมเครืออยู่เสมอ
ถ้าฉินหมิงเข้าใจทักษะการแพทย์ เขาก็สามารถให้ความคิดเห็นแก่เธอได้
จากนั้นทั้งสองคนก็ขึ้นรถ ฉินหมิงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และขับพาเฉินถิงถิงออกจากบริษัทไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...