“เลขาฉินเขามีทักษะการแพทย์นิดหน่อยน่ะ ที่เขามากับพี่ครั้งนี้มาเพื่อตรวจสุขภาพแม่ของเราเลยนะ เผื่อว่าพอจะช่วยอะไรแม่ของเราได้บ้าง”
เฉินถิงถิงอธิบายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“อะไรนะพี่ เขาเป็นหมอเหรอ?”
เฉินฮ่าวประหลาดใจและงงมาก ในเมื่อเขาเป็นเลขานุการแล้วทำไมถึงเป็นหมอไปได้ล่ะ?
“ผมไม่ได้เป็นหมอหรอกครับ”
“แต่ว่า ผมเคยเรียนทักษะทางการแพทย์ของบรรพบุรุษมาน่ะครับ”
ฉินหมิงยิ้ม เขาวางตะกร้าผลไม้ไว้บนตู้ข้างเตียงโรงพยาบาล
“ที่แท้ก็มือสมัครเล่น!”
เฉินฮ่าวขมวดคิ้วและพูดโผงผางออกมา “นี่พี่ ในโรงพยาบาลมีหมอเฉพาะทางเยอะขนาดนี้ยังรักษาแม่เราไม่หาย นี่พี่พามือสมัครเล่นมาจะมีประโยชน์หรือไง?”
“เฉินฮ่าว นายอย่าพูดจาเหลวไหล!”
“เลขาฉินเขามีเจตนาดี ทำไมถึงทำตัวไม่มีมารยาทอย่างนี้ใส่เขา!”
เลขาเฉินตำหนิอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นเธอก็หันไปยิ้มให้ฉินหมิงอย่างขอโทษขอโพย “เลขาฉินคะ น้องชายฉันไม่ค่อยรู้ความปากไม่มีหูรูด คุณอย่าไปสนใจคำของเขาเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจอารมณ์ของเขา”
ฉินหมิงพูดพลางยิ้มตอบ
เฉินฮ่าวอยากอ้าปากพูด แต่ก็เพราะมารยาทเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ว่าในใจเขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก และเขาระแวงฉินหมิงมากอีกด้วย
เขารู้ดีว่าพี่สาวของตนนั้นโตมาสวยมาก หัวกระไดที่บ้านไม่เคยแห้ง ตอนที่แม่เริ่มป่วยก็มีผู้ชายหลายคนอาศัยข้ออ้างนี้เข้าหาพี่สาวของเขา
เขาสงสัยว่าฉินหมิงใช้ทักษะการแพทย์มาเป็นข้ออ้าง แล้วมีเจตนาไม่ดีต่อพี่สาวของเขาหรือเปล่า
เพราะว่าเฉินฮ่าวเป็นผู้ชายคนเดียวของบ้าน เขาจึงมีหน้าที่ดูแลปกป้องพี่สาวจากผู้ชายที่มีเจตนาไม่ดีทั้งหลาย!
“คุณป้าครับ ผมขอจับชีพจรคุณป้าสักหน่อยนะครับ”
ฉินหมิงนั่งลงข้างที่เตียงพยาบาล
“อืม ขอบคุณนะ…”
หลี่ฉินพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง
เธอได้ยินการสนทนาระหว่างฉินหมิงและสองพี่น้องเมื่อสักครู่นี้แล้ว ถึงแม้ฉินหมิงจะไม่ใช่แพทย์โดยอาชีพแต่เขาก็มีเจตนาดี เธอรู้สึกตื้นตันใจมาก
จากนั้นฉินหมิงก็จับชีพจรของหลี่ฉินอย่างระมัดระวัง
ด้วยตำราทางการแพทย์ในสมองของเขา เขาจึงทราบถึงอาการป่วยของหลี่ฉินได้อย่างรวดเร็ว
หลี่ฉินป่วยเนื่องจากทำงานหนักเป็นเวลานาน ไขสันหลังจึงได้รับการบาดเจ็บ จึงทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนเช่นการอักเสบ
เดิมทีอาการป่วยนี้ไม่ได้ถือว่ารุนแรงมากนัก แต่แค่ช่วงเวลานี้เธอยังไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ อาการก็เลยทรุดลงและแพร่กระจายออกไป ตอนนี้เธออาจจะกลายเป็นอัมพาตได้ทุกเมื่อ
“เลขาเฉินครับ คุณป้ามักใช้ยาอะไรรักษาเหรอครับ? คุณมีใบสั่งยาอะไรแบบนั้นบ้างไหมครับ? เอามาให้ผมดูหน่อยสิครับ”
ฉินหมิงถาม
“มีค่ะ แม่ฉันใช้ยาน้ำสองสามขวดนี้กินทุกวันแล้วก็กินยาจีนบางตัว…”
เฉินถิงถิงหยิบใบสั่งยาออกมาพร้อมหม้อต้มยาจีนให้ฉินหมิงดู
ใบสั่งยานี้มีทั้งยาจีนและยาแผนปัจจุบัน ซึ่งฉินหมิงไม่สันทัดกับยาแผนปัจจุบันแต่ว่าเขาสามารถเข้าใจประสิทธิภาพของยาจีนได้
จากนั้นเขาก็หยิบกากยาที่เหลือจากหม้อออกมาแล้วดมกลิ่น ไม่นานก็ได้รู้ว่ากากยาเหล่านี้เป็นยาทั่วไปที่ใช้ในการบำรุงชี่และเลือด
จากอาการบ่งชี้หลาย ๆ อย่างจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉินหมิงที่จะคาดเดาได้ว่าทางด้านโรงพยาบาลคงจะตรวจพบอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลังของหลี่ฉินแต่ไม่พบภาวะแทรกซ้อนที่ซ่อนอยู่
หลี่ฉินกินยาจีนโบราณที่ช่วยบำรุงชี่และเลือดทุกวัน จริงอยู่ที่มันมีประโยชน์มากในการรักษาความเสียหายของไขสันหลังแต่ไม่ช่วยรักษาอาการแทรกซ้อน ในทางกลับกันจะกลายเป็นอาหารบำรุงโรคแทรกซ้อนและเร่งการแพร่กระจายของโรค
สรุปได้ว่ายาพวกนี้ไม่เหมาะกับโรค ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อาการของหลี่ฉินไม่ดีขึ้นและกลับรุนแรงมากยิ่งกว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตารัก มรดกเซียน
รออัพเดท ตอนต่อ ๆ ไป ครับ...