ปรมาจารย์การแพทย์ นิยาย บท 11

ตอนที่ 11 นายน้อยแห่งตระกูลฉิน

"กล้าดียังไงหา" ฉีเสวียนโกรธจัด ไอ้หมอนี่กล้าดียังไงที่ทำให้ตระกูลฉีต้องขายหน้า นี่กำลังป่วนอยู่รึเปล่าเนี่ย “ตระกูลฉิน..นี่หมายถึงตระกูลฉินเมื่อสิบปีก่อนน่ะเหรอ” ฉีเสวียนเยาะเย้ย “ก็แค่สมาชิกในครอบครัวที่ยังมีชีวิตรอดอย่างไร้ประโยชน์ เข้าใจแล้วนะว่าแกยังมีชีวิตอยู่แต่หลังจากผ่านไปสิบปี แกต้องการอะไรถึงกลับมาที่ตงไห่" ฉินจวิ้นตอบกลับ "ฉันกลับมาเพื่อแสดงความเคารพต่อพ่อแม่ของฉันและเพื่อชำระแค้นเก่ายังไงละ" ฉีเสวียนหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แก้แค้น พูดอะไรน่ะ แกจะไปมีปัญญาทำแบบนั้นได้ยังไง แกเป็นคนที่ไปสร้างความวุ่นวายที่บ้านตระกูลถังใช่ไหมล่ะ มันยังไม่ยากเลยถ้าจะจัดการกับแกน่ะ” “เฮยหลง หักขามัน” ตระกูลฉีไม่จำเป็นต้องเมตตาต่อลูกหลานของตระกูลฉิน แต่เพราะว่าฉินจวิ้นไร้อำนาจและโดดเดี่ยวในตอนนี้ พวกเขาคิดว่าการจัดการกับเขาเป็นเพียงการสิ้นเปลืองพลังงานเกินไป แทนที่จะฆ่าทิ้งทำไมไม่เปลี่ยนเขาให้เป็นคนพิการ แล้วดูเขาขอทานข้างถนนแทนล่ะ เรื่องนี้ดูสนุกกว่าเยอะ หลังจากนั้นไม่นานนัก บอดี้การ์ดในชุดสีดำก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของฉีเสวียน ชายผิวดำสูงและบึกบึนและมีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ทั่วร่างกาย เขาเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวทันทีที่เห็น เขาเป็นบอดี้การ์ดของฉีเสวียนและยังเคยเป็นนักมวยอาชีพมาก่อน เฮยหลงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะหลังจากมองดูว่าฉินจวิ้นผอมแห้งบางขนาดไหน พลางเดินไปคว้าจับคอเสื้อเขาทันที “จวิ้น” จู้หลินหลินตะโกน ฉินจวิ้นนั้นไม่ได้หลบจากการโจมตีของเฮยหลงเลย เขาทำเพียงแค่ขยับนิ้วเล็กน้อยและเข็มสีเงินก็หล่นลงบนฝ่ามือของเขาก่อนที่จะฝังมันลงไปที่ตรงระหว่างคิ้วของเฮยหลง แน่นอนว่าฉินจวิ้นนั้นรวดเร็วมากในการกระทำนั้นเห็นได้ชัดว่าเฮยหลงที่เป็นผู้เริ่มการโจมตีก่อนแต่เข็มเงินได้ฝังบนหน้าผากของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ด้วยเข็มเงินที่ติดอยู่ที่หน้าผากของเขา เฮยหลงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป ราวกับว่ามีใครบางคนร่ายมนต์ใส่เขาเสียแบบนั้น ฉีเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนกลับไปเป็นปฏิกิริยาที่ถูกแทนที่ด้วยการขมวดคิ้วดูถูกเหยียดหยาม “เฮยหลง! เฮยหลง แกมัวทำอะไรน่ะ! โจมตีมันสิ” แต่ทว่าไม่ว่าฉีเสวียนจะสั่งเขาอย่างไร เฮยหลงก็ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย ฉีเสวียนประสานมือของเขา แต่เขาเริ่มจะร้อนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว “แกทำอะไรน่ะปล่อยเฮยหลงให้เป็นอิสระเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง!” ฉินจวิ้นวนเดินไปรอบๆ เฮยหลงก่อนจะเข้าใกล้ฉีเสวียน "คำสั่งเหรอ? คนอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน" ในขณะที่ฉินจวิ้นเริ่มเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ นั้นทำให้ฉีเสวียนเริ่มตื่นตระหนก "อะไร! แกพยายามจะทำอะไรน่ะ ฉันเป็นถึงนายน้อยคนที่สองของตระกูลฉี หากกล้าแตะต้องฉันละก็ตระกูลฉีจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!” ฉินจวิ้นยิ้มอย่างเย้ยหยัน “อย่างนั้นเหรอ ก็ดีมากน่ะสิ ฉันจะรอนะ” หลังจากพูดแบบนั้นจบฉินจวิ้นก็คว้าคอของฉีเสวียนและโยนลงทันที ฉีเสวียนก็เป็นเพียงแค่นายน้อยที่อ่อนแอและชอบเอาอกเอาใจประจบประแจง หากนักสู้มืออาชีพอย่างเฮยหลงยังไม่สามารถจัดการกับฉินจวิ้นได้แล้วฉีเสวียนจะไปมีปัญญาทำอะไรได้ และเขาเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก ฉีเสวียนถูกตรึงไว้กับพื้น ในตอนนี้ฉินจวิ้นหยิบเข็มเงินสองเล่มออกมาพลางหมุนข้อมืออย่างรวดเร็วและแทงเข้าที่หัวเข่าของเขาทันที "อ๊า" ถึงพวกมันเป็นเพียงเข็มเงินเล็กๆ แต่เมื่อถูกแทงเข้าที่หัวเข่าของเขานั้น ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นราวกับว่ามีบางอย่างเจาะเข้าไปในกระดูกนั้นทำให้ฉีเสวียนเจ็บปวดมากจนเกือบหมดสติไปเลย เข็มของฉินจวิ้นนั้นสามารถใช้เพื่อช่วยชีวิตและฆ่าผู้คนได้เช่นกันเขาสามารถใช้เข็มทำให้กลายเป็นคนพิการได้ง่ายๆ และต่อให้ภาวนาแค่ไหนก็ไม่มีเทพองค์ใดสามารถช่วยได้หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เข็มสองเล่มที่บางราวกับเส้นผม สามารถทำให้ฉีเสวียนสั่นไม่หยุด เหงื่อกาฬผุดขึ้น มือเย็นเฉียบและใบหน้าของเขาซีดราวกับผี ทุกคนที่เห็นต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด ฉินจวิ้นช่างกล้าที่จะทำร้ายนายน้อยคนที่สองของตระกูลฉีเหรอเนี่ย เสียสติเหรอ! เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ในตงไห่นั้นตระกูลฉีถือเป็นตัวแทนของอำนาจซึ่งใครก็ตามที่กล้าแตะต้องคนของพวกเขาจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการตายได้เลย เด็กหนุ่มหน้าใหม่คนนี้คือใครกันแน่? “กล้าดียังไงมาแตะต้องฉัน ตายแน่ แกตายแน่! พ่อของฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่นอน ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ” ฉินจวิ้นหัวเราะ “ได้สิ เอาเลย” ฉีเสวียนกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาพ่อของเขา "พ่อ มีคนทำให้ฉันเป็นอัมพาต! ช่วยด้วย" เสียงปลายสายในโทรศัพท์ดังขึ้นและตอบกลับว่า "ใคร! ใครมันบังอาจแตะต้องตระกูลฉีในตงไห่ให้มันคุยกับฉันเดี๋ยวนี้!” ฉินจวิ้นรับโทรศัพท์และพูดอย่างใจเย็นว่า “อีกสามวันถัดไปจะเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของตระกูลฉิน พวกแกสามตระกูลที่มีชื่อเสียงเนี่ย ต้องใส่ชุดไว้ทุกข์และหมอบกราบคาราวะต่อหน้าคุณปู่และพ่อแม่ของฉัน ถ้าไม่เห็นแกโผล่มาละก็เตรียมตัวรับกรรมได้เลย” ซึ่งนั่นทำให้นายท่านฉีโกรธมาก “ไอ้เด็กเหลือขอจากตระกูลฉิน แกยังกล้ากลับมาอีกเหรอ ฉันขอเตือนเลยนะถ้าแกแตะต้องลูกชายของฉันละก็ ฉันจะทำให้ชีวิตแกแย่ยิ่งกว่าตายเสียอีก” ฉินจวิ้นหัวเราะเยาะ “จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นแกควรตั้งใจฟังให้ดีกว่านี้นะ” ฉินจวิ้นเล็งไปที่น่องของฉีเสวียนและกระทืบเท้าใส่มันทันที ยับแน่!! "อ๊า!!" ฉีเสวียนร้องออกมาอย่างน่าสยดสยองในขณะที่เขากำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เสียงแหบแห้งของนายท่านฉีสามารถได้ยินจากโทรศัพท์ได้เช่นกัน "แกกล้าดียังไง" ฉินจวิ้นตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว "อย่าลืมสิ่งที่ฉันพูดล่ะ สวมชุดไว้ทุกข์และเตรียมพร้อมที่จะคุกเข่าต่อหน้าสมาชิกตระกูลฉิน" ฉินจวิ้นวางสายแล้วหันไปทางจู้หลินหลิน "กลับกันเถอะ" และทั้งสองก็เดินจากไปโดยที่ปล่อยให้คนในฝูงชนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แบบนั้น “นายน้อยฉี! นายน้อยโอเคมั้ยครับ” จู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็โผล่ออกมาหลังจากที่ฉินจวิ้นจากไปแล้วและพวกเขาก็พยายามอุ้มตัวฉีเสวียนขึ้นมา “อย่ามาแตะต้องฉัน! โทรตามใครเซ่ เรียกคนมาฆ่ามันที ฉันอยากให้มันตายไปซะ” ดูราวกับว่าฉีเสวียนกลายเป็นบ้าไปแล้ว เขาไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูแบบนี้มาก่อนเลยนับตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา สมาชิกตระกูลฉินที่ยังมีชีวิตรอดอยู่อย่างต่ำต้อยกล้าทำร้ายเขาแบบนี้ได้ยังไง ขอให้มันตายๆไปซะ บ้าเอ๊ย ข่าวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วตระกูลที่มีอำนาจในตงไห่ นายน้อยจากตระกูลฉินกลับมาแล้ว ไม่มีใครกล้าพูดถึงตระกูลฉินมาอย่างยาวนานเนื่องจากเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงสามตระกูลที่สมรู้ร่วมคิดกันก่อเหตุ แน่นอนว่าใครก็ตามที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แสดงว่าจะเล่นกับไฟ ตั้งแต่นั้นมาทุกคนก็ลืมเรื่องนี้ไปกันจนหมด แต่เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ตระกูลฉินจึงกลับกลายเป็นที่พูดถึงของเมืองอีกครั้ง.... ตระกูลฉินยังมีทายาทอยู่สินะ สมาชิกครอบครัวคนสุดท้ายที่รอดชีวิตซึ่งรอดพ้นจากการฆ่าล้างตระกูล ณ คฤหาสน์ตระกูลฉี ภายในห้องของฉีเสวียน สมาชิกทั้งหมดมารวมกันที่นี่เพื่อรอให้แพทย์วินิจฉัยผล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญราวกว่าสิบคนที่มาจากที่ต่างๆ ของประเทศส่ายหัวตามๆ กัน "นายท่านฉี พวกเราทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ ครับ เส้นลมปราณที่ขาของนายน้อยนั้นหัก ซึ่งมันไม่สามารถทำการรักษาได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ” เห็นได้ชัดว่าฉินจวิ้นไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเขา ไม่มีใครนอกจากปรมาจารย์เยว่ซวนหยวนที่สามารถรักษาเขาจากสภาพที่พิการแบบนี้ได้ ฉีเสวียนเจ็บปวดอย่างมากราวกับว่าเขากำลังจะตายให้ได้ เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็หมดสติไปทันที ขณะที่นอนอยู่บนเตียงฉีเสวียนจะกลายเป็นคนพิการ และนั่นทำให้ตระกูลฉีโกรธอย่างมาก “สุนัขต้อยต่ำจากตระกูลฉินนั่น มันกลับมาเพื่อรนหาที่ตายแท้ๆ” “แถมยังกล้าดีที่จะบังคับให้เราแสดงความเคารพต่อพวกตระกูลฉินที่ตายไปแล้วเนี่ยนะ มันคงเสียสติไปแล้วแน่ๆ มันคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน “พวกตระกูลฉินถูกฝังไว้ที่ไหน ทำไมอยากให้เราไหว้ เราอาจจะขุดมันออกมาจากหลุมฝังศพก็ได้” ฉีเจียนหลงผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลฉีนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าของเขาแข็งทื่อด้วยความตกใจ การปล่อยให้เด็กสารเลวนั่นมีชีวิตรอดเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเขา ใครจะรู้ว่ามันจะกลับมาหลังจากผ่านไปสิบปี และทำให้หลานชายสุดที่รักของเขากลายเป็นคนพิการแบบนี้ กำลังรนหาที่ตายสินะ “ คุณปู่ครับ ไอ้สวะตระกูลฉินคนนั้นมันอยู่กับตระกูลจู้” “ฮึ่ม!” ฉีเจียนหลงกระแทกพื้นอย่างแรงด้วยไม้เท้าของเขา ผู้อาวุโสระเบิดด้วยความโกรธ “ไปแจ้งให้คนอื่นในครอบครัวตัดขาดตระกูลจู้ซะ ตามอุดรอยรั่วไหลทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่จะสาวมาถึงว่าเราทำให้ตระกูลฉินตายด้วย และสืบหาว่าเด็กเหลือขอผู้ต่ำต้อยคนนั้นอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ตาม ตามล่ามัน!” "ครับผม" แค่ผู้อาวุโสเอ่ยปากเพียงเล็กน้อย ทั้งหมดในตงไห่ก็แทบสั่นสะเทือน คำสั่งที่ได้รับจะต้องทำให้เกิด 'คลื่นใหญ่' ทั่วทั้งเมืองอย่างแน่นอน “แม่ของจู้หลินหลินเป็นเจ้าของโรงงานในภาคเหนือใช่มั้ย เรามีหุ้นกับเขาด้วยนี่ ไปนำตัวมา!” “ฉันจะตอบแทนพวกมันเป็นสิบเท่าให้สาสมเลยที่เดียว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ปรมาจารย์การแพทย์